Notifications

You are here

บทความ

ควรเตรียมตัวเกษียณอย่างไร เมื่อประเทศไทยกำลังเข้าส...

02 ตุลาคม 2023 349 อ่านข่าวนี้ 1 ปีก่อน 0



สำหรับประเทศไทยได้มีการสำรวจของคณะกรรมการปฏิรูประบบรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ระบุว่า คนไทยมากถึง 90% ขาดการเตรียมตัวเพื่อการใช้ชีวิตวัยชรา สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต ทั้งการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพของผู้สูงวัยเอง ตลอดจนศักยภาพของประเทศ 

ดังนั้นการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่วัยสูงอายุเริ่มได้ตั้งแต่การเกิดที่มีคุณภาพ มีการวางแผนชีวิต วางแผนครอบครัว ปรับแนวคิดการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข ไม่แบ่งแยกคนชรา คนพิการ คนด้อยโอกาส ที่สำคัญต้องดูแลสุขภาพ และส่งเสริมบทบาทชุมชนในการช่วยดูแลผู้สูงวัยในชุมชน

เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกกำลังเข้าสู่ ‘สังคมสูงวัย’ โดยสหประชาชาติคาดการณ์ว่า ประชากรวัยสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 2543 เป็น 15% ในขณะที่ประชากรวัยเด็ก (อายุ 0-14 ปี) จะมีจำนวนลดลงจาก 30.1% เหลือเพียง 24.2% ชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างประชากรโลกกำลังเปลี่ยนจากภาวะที่มีประชากรวัยเด็กในสัดส่วนสูง กลายเป็นสังคมผู้สูงอายุซึ่งจะเป็นแนวโน้มที่ต่อเนื่องไปในอนาคต

‘ประเทศไทย’ ก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีจำนวนและสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัด ข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติเผยว่า ปี 2537 มีผู้สูงอายุคิดเป็นสัดส่วน 6.8% ของประชากรทั้งประเทศ และปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 14.9% และคาดการณ์ว่าในปี 2583 จะมีประชากรสูงอายุวัยปลาย หรือผู้มีอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

ดังนั้นไทยจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาวะทางสังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทำให้ต้องจัดระบบการดูแลผู้สูงอายุในระยะยาวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งเรื่องการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัด การจัดสรรสวัสดิการที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ การบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นในระยะยาว รวมทั้งการออมเงินขณะอยู่ในวัยทำงาน เพื่อสามารถเลี้ยงดูตนเองได้ยามเกษียณอายุ

ข้อมูลจากวิทยานิพนธ์เรื่อง ‘การวางแผนเพื่อการเกษียณของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม’ พบข้อมูลที่น่าสนใจและสามารถนำไปปรับใช้เพื่อรองรับกับสังคมสูงวัย ทั้งภาครัฐ สำนักงานประกันสังคม สถานประกอบการ และผู้ประกันตน ได้แก่

1. ภาครัฐ ควรให้ความสำคัญและมีนโยบายอย่างชัดเจนในเรื่องการเกษียณอายุของลูกจ้าง เพื่อให้สถานประกอบการทุกแห่งปฏิบัติตามเป็นไปในแนวทางเดียวกัน นอกจากนี้ภาครัฐควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกจ้างพัฒนาทักษะและความสามารถในการประกอบอาชีพเพิ่มเติม เพื่อสร้างเสริมโอกาสในการทำงานก่อนและภายหลังเกษียณอายุ อีกทั้งควรประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสวัสดิการของผู้สูงอายุ ให้ลูกจ้างในสถานประกอบการได้รับทราบสิทธิของตนเองภายหลังที่เกษียณอายุ

2. สำนักงานประกันสังคม ควรทบทวนกฎหมายในการพิจารณาจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพให้แก่ผู้ประกันตนในอัตราที่เหมาะสม นอกเหนือจากผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน อาจจะอยู่ในรูปแบบเงินกรณีชราภาพให้แก่ผู้ประกันตน เพื่อให้เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

3. สถานประกอบการ ควรจัดอบรมฝึกอาชีพเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากการปฏิบัติงานในแต่ละวัน เพื่อเสริมสร้างทักษะและความสามารถในการประกอบอาชีพในด้านอื่นๆ เพื่อให้ลูกจ้างที่เกษียณอายุมีรายได้รองรับการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายหลังเกษียณ

4. ผู้ประกันตน ควรให้ความสำคัญในการเตรียมการวางแผนการใช้ชีวิตเพื่อการเกษียณก่อนอายุ 40 ปี ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ ที่อยู่อาศัย สังคม และเศรษฐกิจ 


อีกทั้งควรเสริมสร้างพัฒนาทักษะ (เพิ่มเติม) ความสามารถในการทำงานของตนเอง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการวางแผนทางด้านอาชีพก่อนที่จะเกษียณอายุต่อไป


และนี่คือผลสำรวจถึงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการวางแผนเพื่อการเกษียณ ดังนี้

สำนักงานประกันสังคม

• 76.57% ควรจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพในอัตราที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ

• 64.34% ควรจัดอบรมด้านสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพอย่างทั่วถึงในสถานประกอบการโดยตรง

• 58.39% ควรทบทวนการให้สิทธิประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆ นอกจากผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน

ภาครัฐ

• 45.10% ควรมีแผนรองรับ / แนวทางปฏิบัติของสถานประกอบการเพื่อการเกษียณของลูกจ้างที่ชัดเจน

• 40.56% ควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกจ้างพัฒนาทักษะและความสามารถ (เพิ่มเติม) ทางอาชีพก่อนและหลังเกษียณ

• 30.42% ควรจัดตั้งหน่วยงานในการให้คำแนะนำปรึกษา การวางแผนเพื่อการเกษียณที่ครอบคลุมทุกๆ ด้าน

สถานประกอบการ

• 42.66% ควรอบรมอาชีพเพิ่มเติม (พิเศษ) เสริมทักษะและความสามารถในการประกอบอาชีพอื่นเพื่อรองรับการเกษียณ

• 31.82% ควรประชาสัมพันธ์ถึงความจำเป็นและแนวทางในการวางแผนชีวิตก่อนเกษียณ

• 31.47% ควรจัดให้มีคนที่คอยให้คำปรึกษาและวางแผนเพื่อการเกษียณของลูกจ้างในด้านต่างๆ

ผู้ประกันตน

• 41.96% ควรเตรียมการวางแผนการใช้ชีวิตเพื่อการเกษียณก่อนอายุ 40 ปี

• 34.27% ควรพัฒนาทักษะ (เพิ่มเติม) ความสามารถในการทำงาน เพื่อเป็นการเตรียมการวางแผนทางด้านอาชีพก่อนที่จะเกษียณ

• 3.85% ควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสวัสดิการ เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าตนเองจะได้รับสิทธิอะไรบ้างในยามที่เกษียณอายุ

หรือในยามสูงอายุ

The Standard ควรเตรียมตัวเกษียณอย่างไร เมื่อประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มตัว
วิทยานิพนธ์เรื่อง การวางแผนเพื่อการเกษียณของผู้ประกันตนในระบบ ประกันสังคม คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

URL อ้างอิง: http://ethesisarchive.library.tu.ac.th/thesis/2017/TU_2017_5805033031_6532_6602.pdf

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้คุกกี้ (Cookie) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้
ยอมรับ