การเติบโตของ Seoul Fashion Week ซอฟต์พาวเวอร์ด้านแฟชั่นจากฝั่งเอเชีย
การเติบโตของ Seoul Fashion Week
“ซอฟต์พาวเวอร์” ด้านแฟชั่นจากฝั่งเอเชีย
หลังจากที่ประเทศเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จจากการส่งออกวัฒนธรรมความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นเพลง K-Pop ภาพยนตร์ หรือซีรีส์ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จนกลายเป็นที่ยอมรับกันว่าสามารถยกระดับความทรงอิทธิพลทางด้านอุตสาหกรรมบันเทิง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาอีกขั้น แต่นอกจากฝั่งอุตสาหกรรมบันเทิงแล้ว อุตสาหกรรมแฟชั่นยังได้เติบโตขึ้นอย่างน่าจับตามองเช่นกัน ในฐานะอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ออกไปเขย่าวงการแฟชั่นระดับโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
จุดเริ่มต้นของแฟชั่นวีกดังฝั่งเอเชีย
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นใน ค.ศ. 2000 ที่มีการแนะนำให้โลกแห่งแฟชั่นหันมามองและทำความรู้จักกับโซลแฟชั่นวีก (Seoul Fashion Week) โดยการนำของ Korea Fashion Designers Association (KFDA), Seoul Fashion Artists Association (SFAA) และ New Wave in Seoul (NWS) รวมไปถึงดีไซเนอร์อิสระ ได้นำเสนอผลงานของนักออกแบบ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ โซลคอลเลกชัน (Seoul Collection) ที่มีเหล่าดีไซเนอร์ชั้นนำของเกาหลีใต้ซึ่งมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นของประเทศเป็นผู้ขับเคลื่อนธุรกิจแฟชั่นในยุคเริ่มต้น และเจเนอเรชันเนกซ์ (Generation Next) กลุ่มดีไซเนอร์หน้าใหม่ที่มีศักยภาพ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว และเป็นแบรนด์ที่เปิดมาแล้วอยู่ในช่วงระหว่าง 1-7 ปี หรือตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป โดยโซลแฟชั่นวีกจะดำเนินงานโดยรัฐบาลกรุงโซล (Seoul Metropolitan Government) จัดขึ้น 2 ครั้งต่อปี ในเดือนมีนาคมและตุลาคม ด้วยจุดมุ่งหมายที่อยากจะเป็นอีกหนึ่งเมืองแฟชั่นที่สำคัญอันดับที่ 5 ของโลกถัดจากนิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และมิลาน
ตัวอย่างแบรนด์ของนักออกแบบกลุ่ม Seoul Collection เช่น Holy Number Seven ที่อัดแน่นด้วยแนวคิดผสานศิลปะ เล่าเรื่องอ้างอิงพระคัมภีร์ไบเบิล, Cahiers ที่เน้นความเป็นผู้หญิงและหรูหรา มีรายละเอียด ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง, Kumann YHJ แบรนด์สไตล์ Retro Futurism ที่มีกลิ่นอายอาว็อง-การ์ด (Avant-Garde) เจาะเทรนด์อดีตผสมความคิดอนาคต และ Seokwoon Yoon กับความสมดุลของศิลปะและเสื้อผ้าสำเร็จรูปผสานเทคนิคศิลปะลวงตาทร็องเปลย (Trompe l’oeil)
ตัวอย่างแบรนด์ของนักออกแบบกลุ่ม Generation Next เช่น AJOBYAJO ที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมย่อยของเอเชียผ่านเสื้อผ้าแนวสตรีตแวร์ที่ร่วมสมัย, Acceptance Letter ที่นิยามตัวเองว่า “Gender Free” และ BLR ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์และวัฒนธรรมย่อย เน้นเทคนิคงานฝีมือและการตัดเย็บที่มีซิลูเอตแบบมาสคูลีน (Masculine)
นอกเหนือจากการจัดแสดงคอลเลกชันรันเวย์แล้ว ยังมีส่วนงานเทรดโชว์ (Trade Show) ที่จัดขึ้นในช่วงเวลาคาบเกี่ยว เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำความรู้จักและจับคู่กันระหว่างดีไซเนอร์และผู้จัดซื้อ (Buyer) จากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสและช่องทางในการขายสินค้าให้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งการทำงานประสานกันอย่างแข็งแกร่งของหลายภาคส่วนนับเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของโซลในฐานะ “Hub City for Asian Fashion” ที่ไม่ไกลเกินจริง
การสนับสนุนจากทุกฝ่ายเพื่อเป้าหมายเดียวกัน
ภาครัฐของเกาหลีใต้มีส่วนสำคัญอย่างมากภายใต้ความสำเร็จและชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นของโซลแฟชั่นวีก ทั้งในด้านการจัดสรรงบประมาณและการดำเนินการด้านกลยุทธ์ เช่น การส่งเสริมให้แบรนด์ทำการตลาดคู่กับจุดแข็งด้านวัฒนธรรมของประเทศ การสนับสนุนด้านการฝึกอบรมและจัดการประกวดผลงานออกแบบ การสร้างเขตแฟชั่นเพื่อเป็นศูนย์กลางการออกแบบของประเทศ ไปจนถึงการประชาสัมพันธ์กิจกรรมโซลแฟชั่นวีกด้วยเหล่าศิลปิน ดารา และคนดังอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแต่งตั้งให้ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป K-Pop วง NewJeans เป็นแอมบาสซาเดอร์โซลแฟชั่นวีกประจำฤดูกาล Fall/Winter 2023 ซึ่งเป็นการแต่งตั้งตัวแทนประชาสัมพันธ์ประจำฤดูกาลครั้งแรก
ย้อนกลับไปก่อนที่โซลจะเป็นเมืองหลวงแห่งแฟชั่นที่สำคัญที่สุดในโลกตะวันออก เกาหลีใต้เคยมีโตเกียวแฟชั่นวีก (Tokyo Fashion Week) ที่ต้องหยุดชะงักการพัฒนาไปช่วงหนึ่งเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิใน ค.ศ. 2011 เป็นคู่แข่งมาก่อน เมื่อประกอบกับเป้าหมาย นโยบายที่ชัดเจน และความเป็นเมืองที่มีเทรนด์และสไตล์ที่แข็งแกร่งเป็นของตัวเองอย่างโซล อุตสาหกรรมแฟชั่นของเกาหลีใต้และโซลแฟชั่นวีกจึงยังคงพัฒนาต่อจนได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะแฟชั่นแนวสตรีตสไตล์ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความโดดเด่น สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับอุตสาหกรรมนี้
ตลาดแฟชั่นภายในประเทศเกาหลีใต้เองก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกันแม้แต่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะจากการสำรวจตั้งแต่ ค.ศ. 2020-2022 วงการแฟชั่นของเกาหลีใต้สามารถทำเงินเพิ่มขึ้นได้ถึง 10% หรือราว ๆ 28.36-37.18 พันล้านเหรียญสหรัฐ ล่าสุดใน ค.ศ. 2023 สินค้าแฟชั่นของเกาหลีใต้ยังคงสามารถแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดไปได้ไม่น้อย รายได้ของสินค้าประเภทเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 38.05 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ปีละ 0.36% จนถึง ค.ศ. 2027 ขณะที่รายได้ของสินค้าประเภทรองเท้าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.72 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ปีละ 4.20% จนถึง ค.ศ. 2027 จากตัวเลขเหล่านี้จึงไม่น่าแปลกใจที่บริษัทธุรกิจแฟชั่นของประเทศเกาหลีใต้มากกว่า 200 บริษัทคือกลุ่มผู้ลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศบังกลาเทศ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเสื้อผ้าส่งออกอันดับต้นของโลก
กว่า 2 ทศวรรษสู่การเป็นซอฟต์พาวเวอร์
เป็นระยะเวลากว่า 20 ปีที่โซลแฟชั่นวีกได้พัฒนามาโดยตลอด ถึงแม้ว่าระหว่างเส้นทางจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เผชิญทั้งปัญหาการเมืองภายในประเทศ ปัญหาของภาคเอกชน ไปจนถึงปัญหาระดับโลก แต่ ณ วันนี้อุตสาหกรรมแฟชั่นจากเกาหลีใต้นับได้ว่าประสบความสำเร็จจนต้องจับตามอง ทุกฝ่ายยังคงทำงานร่วมกันอย่างแข็งขันเพื่อสร้างแรงกระเพื่อมในโลกแฟชั่นทั้งในประเทศและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะสินค้าส่งออก ที่เวลานี้แฟชั่นเกาหลีกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในตลาดยุโรป ทั้งยังสามารถชมแบรนด์จากดีไซเนอร์เกาหลีใต้ได้ที่ปารีสแฟชั่นวีกและงานแสดงสินค้าแฟชั่นที่สำคัญของฝรั่งเศสอย่างทรานอย (Tranoï) จากการสนับสนุนของรัฐบาลกรุงโซล (Seoul Metropolitan Government) ที่วางแผนเสริมความแข็งแกร่งด้านการตลาด เพิ่มสัญญาการขาย ขยายการประชาสัมพันธ์ ซึ่งเหล่านี้จะส่งผลดีกับโซลแฟชั่นวีกในที่สุด
ขณะเดียวกันศิลปินและดาราดังจากประเทศเกาหลีใต้ก็ได้ตบเท้าเฉิดฉายกันในโลกแฟชั่น เป็นโกลบอลแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ (Global Brand Ambassador) ให้กับแบรนด์ดังระดับโลกหลากหลายแบรนด์อย่างที่ไม่เคยมีในยุคไหนมาก่อน ตอกย้ำภาพลักษณ์ด้านแฟชั่นของเมืองแฟชั่นที่พร้อมจะสั่นสะเทือนวงการ
• ข้อมูลอ้างอิง: www.seoulfashionweek.org, artsandculture.google.com, assomac.it, www.highsnobiety.com, www.statista.com และ english.seoul.go.kr
• ภาพอ้างอิง: www.facebook.com/official.seoulfashionweek และ www.seoulfashionweek.org

