AI กับการสร้างความเท่าเทียมแก่ผู้พิการ

สำหรับคนนับล้านที่ใช้ชีวิตอยู่กับความพิการ กิจกรรมในชีวิตประจำวันอาจเต็มไปด้วยอุปสรรคที่จำกัดอิสรภาพและลดทอนโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างเต็มที่ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้พิการไปในทางที่ดีขึ้น ตั้งแต่เทคโนโลยีสวมใส่สุดล้ำ ไปจนถึงนโยบายระดับชาติที่เปลี่ยนแปลงสังคม AI ไม่ได้เพียงแค่สร้างการเข้าถึง แต่กำลังนิยามใหม่ถึงคำว่า ‘ความเท่าเทียม’
CNN รายงานถึงความก้าวหน้าล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี AI กำลังทำลายกำแพงเดิมๆ ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์สวมใส่สำหรับผู้มีความบกพร่องทางสายตาที่ใช้ระบบ AI ตรวจจับวัตถุและอธิบายภาพรอบตัวแบบเรียลไทม์ โดยแปลงข้อมูลภาพเป็นเสียง ช่วยให้ผู้ใช้งานมีความเป็นอิสระมากขึ้นในการดำรงชีวิตและการเดินทาง
นอกจากนี้ ผลกระทบของ AI ยังครอบคลุมไปถึงผู้ที่มีความบกพร่องทางด้านสติปัญญาหรือระบบประสาท กลุ่มผู้สนับสนุนอย่าง NeuroNav ชี้ว่าเทคโนโลยี Generative AI สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยดิจิทัลส่วนตัว เพื่อสนับสนุนผู้ที่มีภาวะทางระบบประสาทที่แตกต่างให้สามารถจัดการชีวิตประจำวันได้สะดวกยิ่งขึ้น เทคโนโลยีนี้ช่วยแบ่งงานที่ซับซ้อนให้กลายเป็นขั้นตอนที่จัดการง่าย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถวางแผนชีวิตประจำวัน บริหารจัดการกิจวัตร และสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้บุคคลมีความเป็นอิสระและลดการพึ่งพิงความช่วยเหลือจากภายนอก
แต่ AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การมอบอิสระภาพในระดับบุคคลเท่านั้น ในระดับประเทศ AI กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของยุทธศาสตร์การสร้างความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมทางสังคม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือประเทศอุซเบกิสถาน ซึ่งโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ระบุว่า AI มีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการจ้างงานและการศึกษาของผู้พิการ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ ‘Digital Uzbekistan-2030’ ระบบบริหารจัดการข้อมูลด้วย AI ถูกนำมาใช้ในนโยบายสาธารณะ เพื่อปรับปรุงโอกาสในการจ้างงานและการเข้าถึงบริการสวัสดิการสังคม แสดงให้เห็นศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของ AI ในการเปลี่ยนแปลงสังคม
อย่างไรก็ตาม การก้าวไปสู่การใช้ AI ในการสร้างความเท่าเทียมยังเต็มไปด้วยอุปสรรค ความกังวลด้านจริยธรรม และที่สำคัญคือความเสี่ยงจากอคติในอัลกอริทึมรวมไปถึงการกีดกันทางดิจิทัล เช่น ระบบคัดเลือกบุคลากรที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจลงโทษผู้สมัครที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความพิการโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือระบบควบคุมสอบทางไกลที่อาจตีความพฤติกรรมของผู้มีความพิการว่าเป็นพฤติกรรมน่าสงสัย ส่งผลให้เกิดความเสียเปรียบอย่างไม่เป็นธรรม
อุปสรรคเหล่านี้ตอกย้ำถึงความสำคัญในการออกแบบที่ครอบคลุมและการมีส่วนร่วมจากผู้พิการโดยตรงในการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยี AI งานอีเวนต์ระดับโลกเช่น Cybathlon ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ทีมวิศวกรและ ‘นักขับเคลื่อน’ ที่มีความพิการร่วมกันออกแบบเทคโนโลยีใหม่ๆ คือหนึ่งในตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าการนำผู้ใช้งานเข้าร่วมตั้งแต่แรกจะทำให้เทคโนโลยีตอบสนองความต้องการจริงอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่แนวคิดทางทฤษฎี
สมดุลระหว่างนวัตกรรมกับความระมัดระวังทางจริยธรรมคือสิ่งจำเป็น AI ถือศักยภาพในการปฏิวัติการสร้างความเท่าเทียมของผู้พิการ แต่การใช้งานต้องมีความรอบคอบและตั้งใจ ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคเทคโนโลยี กลุ่มผู้สนับสนุนผู้พิการ และหน่วยงานรัฐบาล ต้องร่วมมือกันเพื่อให้มั่นใจว่า AI จะไม่กลายเป็นเครื่องมือที่สร้างการกีดกันรูปแบบใหม่โดยไม่ได้ตั้งใจ
ท้ายที่สุด เป้าหมายของเทคโนโลยี AI ไม่ใช่แค่การเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่คือการทำให้ผู้พิการได้มีส่วนร่วมในสังคมอย่างเต็มที่ เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI ร่วมกับนโยบายที่ผ่านการคิดอย่างละเอียดรอบคอบ จะนำไปสู่อนาคตที่ความพิการไม่ใช่ข้อจำกัด แต่คือความหลากหลายที่ได้รับการยอมรับและส่งเสริม ศักยภาพของ AI นั้นยิ่งใหญ่ แต่การทำให้ศักยภาพนั้นเกิดขึ้นจริงได้ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นศูนย์กลาง