ความฉลาดในการเล่าเรื่องและสื่อสารภาพ

สังคมมนุษย์เป็นสังคมที่อยู่ด้วย “เรื่องเล่า” มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ แต่ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลไหลบ่า คำถามสำคัญคือทำอย่างไรเราจะสื่อสารให้ทรงพลัง โดนใจ และนำพาผู้คนไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้ Narrative Intelligence หรือ “ความฉลาดในการเล่าเรื่องและสื่อสารภาพ” จึงเป็นทักษะที่ทุกคนและทุกองค์กรยุคใหม่ควรมี ไม่ใช่แค่ “เล่าเรื่องให้ดี” แต่คือ “ใช้พลังของการเล่าเรื่องเพื่อสร้างแรงจูงใจ สร้างความเข้าใจ และเชื่อมต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างกลมกลืน”
Narrative Intelligence คืออะไร
Narrative Intelligence หมายถึง ความสามารถในการ “เข้าใจและตีความ” ความซับซ้อนของเรื่องเล่า การเชื่อมโยงระหว่างข้อมูล เครือข่าย บุคคล และกลุ่มคนที่มีอิทธิพลต่อความคิดความเชื่อของผู้คน นอกจากนี้ยังหมายถึงการ “สร้างและใช้เรื่องเล่า” อย่างมีประสิทธิภาพในการสื่อสาร ผู้นำ ตลอดจนการสร้างการรับรู้และความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่แค่การพูดหรือเขียนให้สวยงามเท่านั้น แต่ต้อง “เข้าใจโครงสร้างและพลังของเรื่องเล่า” ว่าแต่ละรูปแบบจะส่งผลต่อใจของผู้ฟังอย่างไร
Steve Denning ผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่าเรื่องระบุว่า Narrative Intelligence คือการ “คิดอย่างมีเรื่องเล่า” (Think Narratively) ว่าสามารถเข้าใจโลกผ่านเลนส์ของเรื่องเล่า รู้ว่าอะไรทำให้คนเชื่อมโยง โดนใจ และนำไปสู่การตัดสินใจหรือการลงมือทำ นั่นหมายความว่า ทักษะนี้ช่วยให้เข้าใจได้ว่าความคิดของมนุษย์ทำงานด้วยเรื่องราว และการสื่อสารที่ดีต้องอาศัยความเข้าใจในเรื่องเล่า
องค์ประกอบสำคัญของการเล่าเรื่องอย่างชาญฉลาด
• การเข้าใจ “กลไกของเรื่องเล่า” เรื่องเล่าไม่ใช่แค่สิ่งที่เล่าเท่านั้น แต่คือการประกอบสร้าง “ความหมาย” “อารมณ์” และ “คุณค่า” ที่ซ่อนอยู่ หากเราเข้าใจว่าเรื่องเล่าแต่ละแบบต่างกันอย่างไร จะสามารถเลือกใช้กลวิธีได้แม่นยำ
• สำรวจเครือข่ายและกลุ่มเป้าหมาย Narrative Intelligence สำรวจและตีความว่า “ใครเป็นคนเล่าเรื่อง” “ใครเป็นคนรับ” “เครือข่ายข้อมูลไหลเวียนอย่างไร” และ “มีกลุ่มคนใดบ้างที่ได้รับอิทธิพลจากเรื่องเล่านี้” เพื่อให้การสื่อสารตรงจุดและทรงพลัง
• เข้าใจวัฒนธรรมและอารมณ์ของกลุ่มเป้าหมาย การเล่าเรื่องที่ดีต้องรู้ว่า “ผู้ฟังคิดอย่างไร” “มีความเชื่อเดิมแบบไหน” และ “เรื่องนี้จะกระตุ้นอารมณ์หรือเปลี่ยนความคิดของคนได้อย่างไร” การสื่อสารที่ไม่มีพื้นฐานเหล่านี้ ย่อมขาดพลังและไม่สามารถเปลี่ยนผู้ฟังได้
• การใช้ Storytelling เพื่อสร้างแรงจูงใจ Narrative Intelligence ไม่ใช่เพียงการนำเสนอข้อมูลหรือตัวเลข แต่คือการ “เชื่อมโยงข้อมูลกับใจ” ของผู้ฟัง ให้ผู้ฟังรู้สึก “ร่วมเรื่องราว” และต้องการมีส่วนร่วม
• รู้จักเล่าเรื่องใหม่ทันสถานการณ์ Narrative Intelligence ต้องปรับตัวกับกระแสสังคม รู้จักสร้างเรื่องเล่าใหม่ (Reframe Narrative) เพื่อรับมือหรือเปลี่ยนมุมมองของผู้ฟังเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน
พลังของ Narrative Intelligence ในยุคดิจิทัล
ในยุคที่สื่อสังคมออนไลน์ทำให้เรื่องราวกระจายได้รวดเร็วและไกล Narrative Intelligence กลายเป็นทักษะที่องค์กรและบุคคลต้องมีเพื่อ “รับมือ” หรือ “สร้าง” กระแสสังคม ไม่เพียงแค่สื่อสารเพื่อการตลาด แต่รวมถึงการสื่อสารในองค์กร การขับเคลื่อนวัฒนธรรม และการสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
PeakMetrics ชี้ว่า Narrative Intelligence ช่วยให้องค์กรสามารถ “วิเคราะห์” “เข้าใจ” และ “ป้องกัน” เสียงสะท้อนในสังคมออนไลน์ได้อย่างทันท่วงที ช่วยให้ธุรกิจรับมือกับวิกฤตและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้เร็วขึ้น EdgeTheory ระบุชัดว่า “บทสนทนาเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด” การเข้าใจเรื่องเล่าในโซเชียลมีเดียจะทำให้รู้ว่า “ใครเป็นคนก่อกระแส” และ “จะทำอย่างไรให้เสียงของเราไปถึงผู้ฟัง”
มหาวิทยาลัย Fiveable ย้ำว่า Narrative Intelligence ไม่ใช่แค่ “เล่าเรื่อง” แต่ต้อง “ใช้เรื่องเล่าเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม และขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ” นั่นหมายความว่า ผู้นำองค์กรที่มี Narrative Intelligence สามารถ “สร้างการเปลี่ยนแปลง” “สร้างความเชื่อมั่น” และ “เรียงร้อยเหตุการณ์ให้อยู่ในความเข้าใจ” ของทั้งทีมและลูกค้าได้
ประยุกต์ใช้ Narrative Intelligence อย่างไรให้ทรงพลัง
• สร้างเรื่องเล่าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย สำรวจก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร มีกลุ่มก้อนอย่างไร เปิดรับอะไร และมีประเด็นใดแอบแฝงอยู่
• ฟังและสังเกตเรื่องราวในสังคมดิจิทัล ใช้เครื่องมือและข้อมูลวิเคราะห์ “กระแสเรื่องเล่า” ในสื่อสังคม รู้ทันสิ่งที่คนพูดถึงและสามารถเข้าถึงความคิด อารมณ์ของคนได้
• เล่าเรื่องให้มี “กึ๋น” เลือกใช้ภาษาที่โดนใจ ภาพที่เข้าถึง บูรณาการประสบการณ์และข้อมูลเข้าด้วยกัน เพื่อให้เรื่องราวมีพลังในการสร้างการเปลี่ยนแปลง
• ตอบสนองและปรับเปลี่ยนการสื่อสารอย่างรวดเร็ว เมื่อมีกระแสเรื่องเล่าเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือ วิกฤต หรือกระแสความเชื่อใหม่ในสังคม ต้องสามารถ “เล่าเรื่อง” เฉลี่ย แก้ไขข้อเท็จจริง หรือเสริมประเด็นใหม่ได้แม่นยำ
ความคิดทิ้งท้าย
Narrative Intelligence ไม่ใช่เพียงทักษะ “พูดเก่ง” หรือ “เล่าเรื่องได้น่าฟัง” เท่านั้น แต่คือ “ความฉลาด” ในการเข้าใจ พัฒนา และใช้เรื่องเล่าเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ปลูกฝังแรงจูงใจ สร้างความเข้าใจ และเชื่อมโยงเชื่อมใจผู้คนเข้าด้วยกันในยุคที่ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การมี “ความฉลาดในการเล่าเรื่อง” จะทำให้เรากลายเป็น “ผู้สร้างกระแส” มากกว่าผู้ตามกระแส ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบทั้งในสังคมและในองค์กร ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สำคัญของการสื่อสารในศตวรรษที่ 21
แหล่งอ้างอิง :
- Blackbird.AI: Unlocking the Power of Narrative Intelligence
- EdgeTheory: What Is Narrative Intelligence?
- Steve Denning: Beyond storytelling: narrative intelligence
- PeakMetrics: The Ultimate Guide to Narrative Intelligence
- Blackbird.AI: What Is Narrative Intelligence?
- Fiveable: Narrative Intelligence (Improvisational Leadership)