‘วัตถุ’ โบราณ ที่อยู่ทั้งนอกและในพิพิธภัณฑ์
‘วัตถุ’ โบราณ ที่อยู่ทั้งนอกและในพิพิธภัณฑ์
วัตถุที่ผ่านกาลเวลา ล้วนมาพร้อมเรื่องเล่า
และวัตถุที่อยู่ในย่าน ย่อมสะท้อนเรื่องเล่าที่ยึดโยงกับผู้คนและพื้นที่ ทั้งยังเป็นเครื่องยืนยันการมีอยู่ที่บันทึกเรื่องราวของย่านเอาไว้ เช่นเดียวกับ ‘วัตถุโบราณ’ ส่วนหนึ่งที่เราเห็นและหยิบมาเล่า เพราะมันบอกได้ถึงเรื่องราวในย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้อย่างชัดเจน
พบเจออดีต
ตอม่อสะพาน ที่ร้านอย่างเก่าก่อน
หลักฐานอิงจากภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์
ที่ถูกบันทึกไว้เมื่อ พ.ศ. 2489
เป็นภาพถ่ายมุมสูงเห็นย่านอารีย์เป็นทุ่งนากว้างขวางสุดลูกหูลูกตา
เห็นคูคลองขนาบแปลงนาและไร้ตึกสูงเหมือนในปัจจุบัน ต่อมาเมื่อเมืองขยาย
ผู้คนเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัยในย่านนี้ คูคลองเลยถูกถมกลายเป็นถนน อย่าง ซอยศุภราช
อดีตเคยเป็นคลองศุภราช
ที่เมื่อเข้าซอยแล้วต้องเลี้ยวหักศอกทันทีเพราะว่าเมื่อก่อนคลองถูกขุดให้เลี้ยวตามคันนา
และเนื่องจากเป็นคลองขุดที่ขนานไปกับซอย บ้านแถวนั้นจึงต้องมีสะพานหน้าบ้านเพื่อข้ามคลอง
จึงยังมีตอม่อสะพานหลงเหลือให้เห็น
และหนึ่งในตอม่อที่ยังสมบูรณ์และบอกเล่าเรื่องราวนี้
คือตอม่อหน้าประตูทางเข้าร้านอย่างเก่าก่อน
ร้านอาหารไทยรสโบราณที่อยู่ในซอยศุภราชนี่เอง
องค์พระวิษณุ
ศรัทธาของศิษย์เก่าอาชีวะ
ถึงจะคุ้นเคยกับการมีศาลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ในสถานที่ต่างๆ แต่ องค์พระวิษณุ หน้าอาคารมนริรินในซอยสายลมที่ตั้งตระหง่าน ก็สร้างความสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าทำไมถึงมีศาลเทพนายช่างใหญ่ตั้งอยู่หน้าอาคารสำนักงาน แต่ถ้ารู้ว่า ในอดีต พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของโรงเรียนอาชีวะสายลม การมีเทพที่เคารพของเด็กช่างตั้งอยู่ จึงกลายเป็นเหตุเป็นผลที่เข้าใจได้ทันที
โรงเรียนอาชีวะสายลม ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2516 และกระทรวงศึกษาธิการสั่งปิดโรงเรียนไปเมื่อ พ.ศ. 2526 คนในย่านเล่าว่า แม้โรงเรียนจะปิดตัวไปนานแค่ไหน แต่ก็ยังมีศิษย์เก่าแวะเวียนสักการะองค์พระวิษณุเป็นประจำอยู่นะ
แสตมป์ดวงแรกของไทย
มีให้ดูที่นี่
มีหลักฐานประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซ่อนอยู่ใน พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากร สามเสนใน คือ ‘แสตมป์ดวงแรกของไทย’ ในชื่อชุด ‘โสฬส’
ก่อนอื่น ขอย้อนกลับไปยัง พ.ศ. 2426
ปีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ได้สถาปนากิจการไปรษณีย์ขึ้น และได้จัดสร้างตราไปรษณียากรชุดแรกจำนวน 6
ชนิดราคาขึ้นมาใช้งาน ตามชื่อสกุลเงินคือ โสฬส อัฐ เสี้ยว ซีก เฟื้อง และสลึง
ซึ่งเป็นหน่วยเงินของไทยที่ใช้มาตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึง พ.ศ. 2452
แสตมป์ชุดนี้จึงถือเป็นรากฐานการไปรษณีย์ของเรามาจนถึงปัจจุบัน
ความพิเศษของพิพิธภัณฑ์นี้ไม่ได้เป็นแค่พิพิธภัณฑ์เดียวในไทยที่มีแสตมป์ดวงแรกของไทยอยู่
แต่ยังมีแสตมป์ยุคเก่าทั้งของไทยและต่างประเทศอีกมากมายให้เราเดินดูได้ทั้งวัน
ใครอยากย้อนวันวานงานอดิเรกยอดฮิตยุคเก่าอย่างการสะสมแสตมป์
การมาที่นี่อาจทำให้กลับไปหลงรักดวงตราชิ้นจิ๋วนี้ได้อีกครั้ง

