ลำปาง

เอกลักษณ์วัดเมือง

24 มีนาคม 2024
|
1028 อ่านข่าวนี้
|
0



ลำปางเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบพม่า หรือวัดล้านนาที่มีศิลปะแบบเชียงแสน รวมไปถึงวัดสถาปัตยกรรมไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยสถาปัตยกรรมแบบวัดล้านนา และพม่าจะแตกต่างจากสถาปัตยกรรมไทยโดยสถาปัตยกรรมแบบไทย ได้พัฒนามาจากแบบของล้านนา เช่น ของวัดล้านนานั้นเลือกที่จะไม่ตีฝ้าเพดานเพื่อเน้นความเป็นธรรมชาติและความเปิดกว้างของสภาพแวดล้อม ในขณะที่สถาปัตยกรรมไทยมีการตีฝ้าเพดานเพื่อซ่อนโครงสร้างไม้และสร้างความเงียบสงบในภาพรวมของสถานที่สถาปัตยกรรมแบบไทยมีการแปลงวิหารให้เป็นแบบอุโบสถเพื่อขอพระราชทาน วิสุงคามสีมา


มีการตกแต่งยอดแหลมบนหลังคาด้วยลายกระหนกเป็นลักษณะเฉพาะที่ทำให้วัดไทยโด่งดัง ลวดลายที่นิยมใช้ของสถาปัตยกรรมแบบไทย คือ รูปครุฑ หรือ นารายณ์ครุฑ ส่งผลให้วัดไทย มีเสน่ห์และความสวยงามในศิลปะสถาปัตยกรรมของตน โดยบทความนี้จะพูดถึงความแตกต่างระหว่างสถาปัตยกรรมแบบพม่ากับวัดล้านนาศิลปะเชียงแสน ในบริเวณย่านรอบเวียงลำปางโดยจะเน้นถึงสถาปัตยกรรมต่าง ที่สามารถพบเห็นได้ภายในบริเวณวัด เช่น การออกแบบโครงสร้างของวิหาร เจดีย์ รวมไปถึงภาพจิตกรรมฝาผนัง และประวัติศาสตร์ความเป็นมาคร่าว ของสถานที่ ดังนี้


1. สถาปัตยกรรมแบบพม่า

ได้รับอิทธิพลมาจากชาวพม่าในอดีตที่ได้เข้ามาอาศัยหรือทำมาหากินในจังหวัดลำปาง ชาวพม่าที่เข้ามาตั้งรกรากล้วนเป็นชาวพม่าที่เป็นคนในบังคับของอังกฤษและเป็นแรงงานทั่วไป ได้มารับจ้างตัดต้นไม้เพื่อค้าขาย ต่อมาได้มีการสร้างวัดขึ้นเพื่อขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาโค่นล้มต้นไม้ภายในจังหวัดลำปาง โดยวัดพม่าที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น มีดังนี้ 

วัดไชยมงคล หรือ วัดจองคา 

เมื่อประมาณสามร้อยกว่าปีก่อนพื้นที่ส่วนนี้ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับประหารนักโทษ เป็นที่รวมพลนักรบไทยโบราณ ทั้งพวกพม่า ไทยใหญ่ และนักรบพื้นเมืองของคนล้านนา (ในสมัยเจ้าพ่อทิพย์ช้างและเชื้อเจ้าเจ็ดตนในปี ..  2420 หม่องป๊อกได้ถวายที่ดินส่วนหนึ่งเพื่อสร้างวัดแห่งนี้ ได้มีการเริ่มก่อสร้างแต่ก็ไม่สำเร็จไปตามที่คาดหวัง ต่อมาได้มีอูโง่ยซิน สุวรรณอัตถ์ คหบดีชาวพม่า ขอซื้อที่ดินแห่งนี้เพื่อสร้างเป็นสำนักสงฆ์ ในส่วนของที่มาของชื่อวัดแห่งนี้เนื่องจากการสร้างขึ้นได้มีการใช้ที่ดินรกร้างขนาดใหญ่ มีการทำกุฏิมุงด้วยหญ้าคา สำนักสงฆ์จึงได้ตั้งชื่อว่าจอมใจจองคา’  โดยคำว่า จอง แปลว่า วัด และคำว่า คา แปลว่า หญ้าคา ต่อมาประชาชนได้รวมตัวกันสร้างวิหาร ซึ่งเป็นการก่ออิฐถือปูนด้วยศิลปะพม่าล้านนา ตัววิหารมีความสูง 15 เมตร เป็นวิหารสองชั้น หันหน้าบันไดไปทางทิศเหนือ เสาวิหาร ในอดีตติดเพชร พลอย และอัญมณีและได้มีการประดิษฐานพระพุทธรูปนำเข้ามาจากประเทศพม่าเมืองมัณฑะเลย์ ลวดลายที่ปรากฏภายในพระวิหารวัดจองคานั้น จะพบลวดลายที่ประดับตกแต่งเกี่ยวกับพุทธศาสนา ลวดลายธรรมชาติและมีการดัดแปลงประยุกต์กลายเป็นลวดลายประดิษฐ์ ทั้ง ลวดลายเทวดา เป็นลวดลายที่ประดับอยู่บริเวณหลังพระประธาน หรือหลังแท่นประดิษฐานพระพุทธรูป เป็นการใช้เทคนิคการประดับกระจกสีต่าง เพื่อเล่าถึงการที่เทวดามาถวายความเคารพ และลวดลายนกยูงและกระต่าย ปรากฏบนเพดานของโถงประธาน เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อในสุริยันและจันทรา มีความหมายถึงต้นวงศ์ตระกูลของพระเจ้าแผ่นดินที่ปกครองประเทศพม่า นอกจากนี้ยังมีลวดลายโก่งคิ้วที่ปรากฏบนพระประธานที่มีการใช้เทคนิคการทำด้วยการฉลุไม้  ให้เป็นช่องและบริเวณโก่งคิ้วปรากฏเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ในพุทธประวัติ


วัดศาสนโชติการาม หรือ วัดป่าฝาง 

สร้างขึ้นเมื่อ .. 2435 สมัยรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ .. 2449 สร้างโดยพ่อเฒ่าอูส่วยอัตถ์และแม่เฒ่าคำหวาน สุวรรณอัตถ์ สองสามีภรรยา คหบดีชาวพม่าที่ได้มาประกอบอาชีพป่าไม้ในจังหวัดลำปาง มีลักษณะศิลปะและสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์ พระธาตุ จะเป็นสีทองภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้อัญเชิญมาจากพม่า ฐานของพระธาตุ เป็นแบบแปดเหลี่ยมจัดทำเป็นซุ้มสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน ซึ่งมีความหมายถึงทิศทั้ง 8 หรือมรรค 8 ผลวิหารไม้สัก โดยวิหารไม้สักนั้นมี 2 ชั้น เป็นอาคารครึ่งไม้ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่เก่าแก่ตามแบบพม่า โดยที่ฐานชุกชีหรือฐานจุกชี ซุ้มด้านหลังของพระพุทธรูป ฝ้าเพดาน บัวหัวเสา ตลอดจนรอบเสาจะประดับไปด้วยกระจกหลากสี หลังคาของวิหารไม้สักมีการสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมพม่า โดยหลังคามีการก่อสร้างให้เป็นแบบลดหลั่นเป็นชั้น  พระอุโบสถ ก่อด้วยอิฐ เป็นที่ประดิษฐานพระประธานปางฉันสมอโดยพระพุทธรูปปางนี้  อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิราบพระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา  พระหัตถ์ขวาทรงถือผลสมอหงาย พระหัตถ์วางที่พระชานุเป็นกิริยาเสวยผลสมอส่งผ้าลายพันตา ห่มจีวรประดับด้วยทับทิมจากพม่าหาชมได้ยาก ฝ้าเพดานลงรักสีแดงทำเป็นช่อง 12 ช่อง ซึ่งแต่ละช่องจะประดับไปด้วยรูปปั้นนกยูงและรูปเทพคอยรักษาทุกช่อง ส่วนหลังคาของพระอุโบสถนั้นจะเป็นแบบเครื่องไม้ลดหลั่นเป็นชั้น บริเวณซุ้มประตู หน้าต่างประดับตกแต่งลวดลายปูนปั้นเป็นรูปเถาวัลย์ และเทวดารักษาประตู หน้าบัน เสาด้านหน้า และเพดาน อุโบสถ ประดับไปด้วยรูปปั้นดอกไม้เถาวัลย์และกระจกหลากสี  เสาหงส์ เป็นเอกลักษณ์ของวัดมอญ ซึ่งวัดมอญทุกวัดจะต้องมีเสาหงส์เป็นสัญลักษณ์ นอกจากนี้ ภายในวัดยังปรากฏให้เห็นถึงความเฉพาะเจาะจงของวัดด้วยบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่นำไปประกอบ   ศาสนพิธีสำคัญต่าง ของไทยและยังเป็นที่ประดิษฐานต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งถูกนำมาจากพุทธคยา ในประเทศอินเดียอีกด้วย

วัดศรีชุม 

วัดศรีชุมนั้นเป็น 1 ใน 31 วัดพม่าที่ตั้งในประเทศไทย วัดนี้สร้างขึ้นในปี .. 2436 โดยคหบดีพม่า ชื่อ จองตะก่าอูโย ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของหม่องยีและแม่เลี้ยงป้อม ที่มีที่อยู่ในลำปางในขณะนั้นชื่อวัดในภาษาพม่าเริ่มต้นจากหญ่องไวง์จองแล้วเปลี่ยนเป็นวัดศรีชุมซึ่งแปลว่าต้นโพธิ์ในภาษาไทย วิหารสร้างขึ้นเป็นแบบอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ศิลปะการตกแต่งภายในวิหารเป็นแบบร่วมสมัยผสมผสาน  ระหว่างศิลปะล้านนากับศิลปะพม่า บริเวณหลังคาเป็นเครื่องไม้ยอดแหลมแกะสลัก แต่ในวันที่ 16 มกราคม .. 2535 ก็ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ทำให้วิหารเสียหาย จึงทำให้วิหารหลังนี้คงเหลือไว้เพียง ไม้แกะสลักตรงซุ้มประตูเป็นลวดลายพรรณพฤกษาฉลุโปร่งเท่านั้น แต่ปัจจุบันได้สร้างวิหารขึ้นมาใหม่เป็นแบบอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะแบบพม่า หลังคาเป็นเครื่องไม้ยอดแหลมแกะสลักเป็นลวดลาย บานประตูทำมาจากไม้สักมีการฉลุลวดลายสวยงาม ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติ และมีแผนภาพจำลองแผนผังของวัด ภายในวัดมีพระบรมธาตุสีทองศิลปะแบบพม่าและมอญ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญจากพม่า มีโบสถ์เป็นทรงมณฑปแบบพม่า 1 หลัง อุโบสถของวัดมีกำแพงแก้วล้อมรอบ ทางเข้าอุโบสถมีซุ้มประตู ทำด้วยอิฐ หลังคาซ้อนกัน 7 ชั้นที่ยอดประดับด้วยฉัตรทอง เชิงชายของหลังคาแต่ละชั้นตกแต่งด้วยลวดลาย ฉลุโลหะ ในส่วนของมุขทั้งสี่ก็ทำหลังคาซ้อนกัน 5 ชั้นลดหลั่นเป็นชั้น ไป ภายในอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะแบบพม่าปางเสกผลไม้ เพดานประดับด้วยลวดลายเครื่องไม้ปิดทองประดับกระจก  สีลายอุบะ กุฏิ และซุ้มประตูแบบพม่า


วัดศรีรองเมือง

วัดศรีรองเมืองถูกสร้างขึ้นในปี .. 2447 โดยพ่อเฒ่าจองตะก่าอินต๊ะ คหบดีชาวไทใหญ่ ที่เข้ามาทำไม้ของบริษัทบอมเบย์เบอร์มา เหตุเพราะตนมีอาชีพตัดไม้ จึงสร้างวัดศรีรองเมืองเป็นที่พึ่งทางจิตใจเพื่อขอขมา ต่อธรรมชาติ ชื่อเดิมของวัดคือวัดศรีสองเมืองต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นวัดศรีรองเมืองซึ่งเป็นชื่อที่มาจากนามสกุลของผู้บริจาคที่ดิน ต่อมาใน .. 2524 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดขอบเขตวิหาร ของวัดศรีรองเมืองไว้ในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 98 ตอนที่ 177 ลงวันที่ 27 ตุลาคม .. 2524 วิหารมีลักษณะแบบวิหารไทใหญ่ มีลวดลายสลักปิดทองและเครื่องไม้ประดับที่สวยงาม เป็นอาคาร 2 ชั้น มีหลังคาซ้อนกันแบบพม่า ชั้นล่างก่ออิฐถือปูน ส่วนชั้นบนทำด้วยไม้ ภายในวิหารประดิษฐานพระประธานทำจากไม้ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางของเรือนยอด บนวิหารที่เป็นไม้มีเสากลมขนาดใหญ่เรียงกัน แต่ละต้นจะประดับไปด้วยกระจกหลากสีและลวดลายแกะสลักสวยงาม มีพระพุทธรูปบัวเข็ม’ เป็นพระประธานของวิหาร ซึ่งแกะสลักมาจากไม้สักตามแบบศิลปะของพม่า และภายในบริเวณวัดยังมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงามมากมาย เช่น เวจกุฎีหรือส้วมพระที่มีลักษณะแปลกตาและงดงามตามศิลปะการก่อสร้างของไทยใหญ่


2. สถาปัตยกรรมวัดล้านนาศิลปะแบบเชียงแสน 

เดิมจังหวัดลำปางเป็นอดีตเมืองแห่งการค้าที่สำคัญของอาณาจักรล้านนาจนกระทั่งปี .. 2101 อาณาจักรล้านนาก็ถูกพม่าเข้ามาปกครอง เป็นเวลานานกว่า 200 ปี ต่อมาได้มีพ่อค้าที่มาจากต่างเมืองมาอาศัยและค้าขายภายในจังหวัดลำปาง และได้สร้างวัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงบ้านเกิดที่ได้จากมา โดยวัดล้านนาศิลปะแบบเชียงแสนมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น มีดังนี้

วัดเชียงราย

วัดเชียงรายสร้างขึ้นในปี .. 2200 โดยเจ้าชมภูหรือพระยาชมภู บุตรชายของเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี) ที่อพยพมาจากเมืองเชียงแสน เจ้าชมภูหรือพระยาชมภูได้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อรำลึกถึงเมืองเชียงราย   โดยมีการสร้างกำแพงวัดขึ้นใหม่ให้เป็นกำแพงเตี้ย บูรณะวิหารหลังเดิมเป็นศิลปะล้านนาประยุกต์กับศิลปะภาคกลางไว้ทั้งหมด พร้อมกับได้พัฒนากุฏิของพระเทพวิสุทธิโสภณ อดีตเจ้าอาวาส ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม วิหารของวัดเชียงรายเป็นสีขาว สลักลวดลายด้วยปูนปั้นสีขาวและกระจกชิ้นเล็ก ภายในวิหารประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย ปิดทอง ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงถึงเรื่องราวพุทธประวัติที่เขียนขึ้นใหม่ บริเวณด้านหน้าของวิหารเป็นที่ตั้งของเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนา รายล้อมไปด้วยเจดีย์สีทอง 12 นักษัตร มีพระพุทธรูปด้านข้างทางทิศใต้ปางมารวิชัยพระพุทธรูปทรงเครื่องประกอบด้วยชฎามงกุฎ กุณฑล กรองศอ พาหุรัด ทองพระกรและธำมรงค์ทุกนิ้วพระหัตถ์ เป็นลักษณะพระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่สีขาว


วัดคะตึกเชียงมั่น

วัดคะตึกเชียงมั่นสร้างขึ้นราวกลางพุทธศตวรรษที่ 25 เดิมวัดแห่งนี้ได้แบ่งแยกออกเป็น 2 วัดที่อยู่ติดกันคือวัดคะตึกกับวัดเชียงมั่นและต่อมาได้มีการรวมสองวัดนี้ให้เป็นวัดเดียวกัน จึงมีชื่อว่า วัดคะตึกเชียงมั่น  ที่ปรากฏขึ้นในปัจจุบันนี้ วิหารของวัดคะตึกเชียงมั่นเป็นวิหารเครื่องไม้แบบกึ่งเปิดสถาปัตยกรรมแบบยกเก็จหรือจีบลดมุข คือการยก ผลัก หรือดัน ให้นูนออกมาเป็นช่วง เพื่อทำให้เกิดแสงและเงา หลังคาซ้อนกันแบบสองชาย มีการก่อฝาผนังวิหารไว้สามห้อง ส่วนสองห้องด้านหน้าเป็นโถงเปิดโล่ง การประดับตกแต่งภายในวิหาร ปิดทองลายหม้อปูรณฆฏะ       ส่วนหน้าบันวิหารมีการใช้เทคนิคลายรดน้ำปิดด้วยทอง ส่วนมากเป็นลายแบบภาคกลาง คือ ลายหน้าขบหรือหน้าสิงห์ หน้าแหนบหรือหน้าบันเป็นลูกฟักในโครงสร้างม้าต่างไหม ประดับลวดลายปูนปั้นและกระจก ส่วนหน้าบันปีกนกด้านหลังเป็นฝาช่องลูกฟักแบบเรียบ ตกแต่งด้วยลายรดน้ำปิดทองแต่ในปัจจุบันก็ได้ลบเลือนหายไปตามกาลเวลา


ความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมระหว่างวัดแบบพม่ากับวัดล้านนาศิลปะแบบเชียงแสน 

วัดแบบล้านนานั้นมีการจัดผังบริเวณวัดไว้อย่างชัดเจน โดยยึดแนวคิดตามจักรวาลคติ พื้นที่ภายในวัดจะแบ่งออกเป็น 3 เขต คือ เขตพุทธาวาส ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายที่สุด เป็นเขตที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ซึ่งเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์มีสิ่งก่อสร้างหลักวิหารมีเจดีย์ (พระธาตุ) ซึ่งจัดว่าเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางจักวาล โดยมีวิหารทั้ง 4 ทิศ วางตามแนวแกน บริเวณโดยรอบจะเป็นลานทราย ถัดมาเป็นเขตสังฆาวาสที่อาจจะอยู่ ด้านหลัง ด้านข้าง หรือโดยรอบเขตพุทธาวาส ซึ่งเป็นเขตที่พำนักของพระสงฆ์  และสุดท้ายเป็นเขตธรณีสงฆ์ หรือ พื้นที่สาธารณะ ที่สามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งสงฆ์และฆราวาส เอกลักษณ์สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของวัดล้านนาจะมีการใช้โครงสร้างหลังคาแบบเปลือยให้เห็นโครงสร้างของหลังคา หรือเรียกว่าขื่อม้าต่างไหมซึ่งเป็นการถ่ายน้ำหนักโครงหลังคาไปที่เสาและคาน ไม่นิยมตีฝ้าเพดาน ส่วนการวางผังของวัดพม่าจะไม่มีการแบ่งเขต พุทธาวาสและสังฆาวาสออกจากกันอย่างชัดเจน มีการผสมผสานกับแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องดวงดาว ที่เห็นเด่นชัดเลยคือมีการทำรูปสัญลักษณ์ กระต่ายกับนกยูงประดับตามที่ต่าง อาคารที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมของพม่าที่รวบรวมวิหาร กุฏิ และส่วนที่ใช้ในศาสนกิจเข้าด้วยกัน มีชื่อเรียกว่าจองซึ่งมีหลังคาอยู่ 2 แบบ คือ รูปทรงปราสาท และรูปทรงซ้อนชั้นกัน สถาปัตยกรรมแบบพม่าและล้านนามีรูปแบบรายละเอียดที่เหมือนและแตกต่างกันอยู่มากมาย หากอยากมาสัมผัสเที่ยวชมสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่สวยงามเหล่านี้ ท่านต้องมาสัมผัสด้วยตนเองที่จังหวัดลำปางเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ที่น่าสนใจ


การอ้างอิง


องค์ความรู้ใกล้เคียง
ดูองค์ความรู้ทั้งหมด
Checklist สวนเขลางค์ฯ Challenge
26 กุมภาพันธ์ 2025
196 0
0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI