บรรทัดทอง Bangkok Car Free Day 2024: ความพยายามในการสร้างพื้นที่เมืองปลอดรถยนต์ ชวนคนมาเดินมากขึ้น
ความเป็นมาของวันปลอดรถยนต์: เมื่อวิกฤตน้ำมันจุดประกายทางเลือกใหม่
วันที่ 22 กันยายนของทุกปี เป็นวันปลอดรถยนต์สากล หรือที่เรียกกันแบบทับศัพท์ว่า Car Free Day ถือเป็นเวทีระดับโลกในการเชิญชวนให้ผู้คนสำรวจทางเลือกใหม่ๆ ในการเดินทางในเมืองที่ไม่ต้องพึ่งพารถยนต์ส่วนตัว
ต้นกำเนิดของแนวคิดนี้ย้อนกลับไปถึงวิกฤตการณ์น้ำมันในช่วงทศวรรษ 1970 โดยเฉพาะในปี 1973 ที่เกิดสงครามยม-คิปปูร์ (Yom Kippur) ส่งผลให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OAPEC) ระงับการส่งออกน้ำมันไปยังประเทศที่สนับสนุนอิสราเอล ราคาน้ำมันพุ่งสูงถึง 4 เท่า สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อระบบขนส่งทั่วโลก อีกครั้งในปี 1979 การปฏิวัติในอิหร่านทำให้การผลิตน้ำมันหยุดชะงัก และราคาพุ่งสูงขึ้นอีกเท่าตัว เหตุการณ์เหล่านี้จุดประกายคำถามสำคัญว่า หากน้ำมันกลายเป็นทรัพยากรที่ไม่มั่นคง เราจะมีวิธีเดินทางอื่นใดที่ยั่งยืนกว่าเดิม
ยุโรป: ผู้บุกเบิกแนวคิดเมืองเพื่อคนเดิน
ในยุโรป เมืองอย่างอัมสเตอร์ดัมส์กลายเป็นแนวหน้าในการผลักดันแนวคิดคาร์ฟรีเดย์ โดยนอกจากเพื่อประหยัดพลังงาน ยังเป็นเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนนอีกด้วย ปี 1971 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในเนเธอร์แลนด์มากถึง 3,300 คน ซึ่งในนั้นเป็นเด็กถึง 400 คน นำไปสู่การรณรงค์อย่างจริงจัง จนในปี 1997 สหราชอาณาจักรจัดกิจกรรม Car Free Day อย่างเป็นทางการ ก่อนที่ฝรั่งเศสจะขยายผลในปี 1998 และในปี 2000 องค์กรต่างๆ ทั่วโลกได้ร่วมกันประกาศให้วันที่ 21–22 กันยายน เป็นวันปลอดรถยนต์สากล เพื่อกระตุ้นให้เมืองทั่วโลกตื่นตัวเรื่องการพัฒนาเมืองที่เน้นคนเดินเท้าเป็นศูนย์กลาง
เมืองไทยกับวันปลอดรถยนต์: จากกระแสพลังงานสู่การเงียบหาย
ในประเทศไทย กิจกรรมวันปลอดรถยนต์เริ่มขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2546 ภายใต้ชื่อ “22 กันยายน จอดรถไว้บ้าน ลดการใช้พลังงาน ลดมลพิษ” โดยมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะกิจกรรมปั่นจักรยาน เช่น การปิดถนนสีลมเพื่อจัดขบวนจักรยานในปี 2557 และกิจกรรมใช้เข็มกลัดแทนบัตรโดยสารขนส่งสาธารณะในปี 2556 อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังรัฐประหารปี 2557 กิจกรรมกลับเงียบเหงาลงและหยุดจัดไปหลายปี
Bangkok Car Free For All 2024: ปลดล็อกถนนบรรทัดทอง
กระทั่งในปี 2567 กรุงเทพมหานครภายใต้การนำของผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้นำกิจกรรมวันปลอดรถยนต์กลับมาอีกครั้งในชื่อว่า Bangkok Car Free For All 2024: Connecting For Life โดยเลือก "ถนนบรรทัดทอง" เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมหลัก ภายใต้แนวคิด “จัดระเบียบทางเท้า เปลี่ยนถนนสำหรับรถยนต์ เป็นพื้นที่ให้ผู้คนออกมาใช้ชีวิต” ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Street Diet ที่ลดพื้นที่ถนนสำหรับรถยนต์เพื่อเพิ่มพื้นที่สาธารณะให้ผู้คนเดินเท้าได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น
แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่—ตัวอย่างจากการปิดถนนย่านไทม์สแควร์ในนิวยอร์กเมื่อปี 2009 ได้พิสูจน์แล้วว่า การแปลงถนนให้กลายเป็นพื้นที่สาธารณะ ไม่เพียงช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต แต่ยังส่งผลต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว
กิจกรรมบนถนนบรรทัดทอง: สร้างพื้นที่ชีวิตให้คนเมือง
กิจกรรมที่ถนนบรรทัดทองในวันที่ 21–22 กันยายน 2567 จึงกลายเป็นการทดลองรูปแบบใหม่ที่มีความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นจากหลากหลายภาคส่วน ได้แก่ สำนักงานเขตปทุมวัน สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ และผู้ประกอบการในย่านบรรทัดทอง เส้นทางกิจกรรมปิดถนนระหว่างซอยจุฬาฯ 12–20 ตั้งแต่เวลา 16.00–00.00 น. ตลอดเส้นทางมีการแสดงดนตรีสดโดยศิลปินเปิดหมวก การระบายสีชอล์กบนถนน กิจกรรมสื่อสารและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนว่าควรมีถนนคนเดินในพื้นที่นี้ต่อไปหรือไม่
Parklets: เปลี่ยนที่จอดรถให้เป็นพื้นที่ชีวิต
หนึ่งในกิจกรรมที่โดดเด่นคือการทดลองออกแบบ Parklets หรือพื้นที่พักผ่อนขนาดเล็กริมถนน โดย ศูนย์มิตรเมือง (Urban Ally) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเปลี่ยนพื้นที่จอดรถริมถนนให้กลายเป็นพื้นที่นั่งพัก พื้นที่รับประทานอาหาร และจุดชมการแสดงดนตรี ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากกรุงเทพมหานครที่นำวัสดุที่มีอยู่ เช่น กระถางต้นไม้ พาเลต เสาล้มลุก และที่นั่ง มาจัดวางตามหลักการออกแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัยและการใช้งานได้จริง
บรรทัดทอง: ทำไมจึงเหมาะแก่การทดลอง?
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกถนนบรรทัดทองว่า เป็นพื้นที่ที่มีผู้คนมาใช้สอยหนาแน่นมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีช่วงเวลาที่คนต้องลงมาเดินบนถนนเพราะทางเท้าไม่เพียงพอ จึงเป็นโอกาสเหมาะสมในการทดลองจัดการพื้นที่เมืองใหม่ โดยใช้โอกาสวันคาร์ฟรีเดย์เป็นจุดตั้งต้น
การทดลองนี้จึงมิใช่เพียงกิจกรรมสัญลักษณ์รายปี แต่คือการส่งสัญญาณสำคัญว่า เมืองสามารถ “ปลดล็อก” ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ได้ หากยินดีที่จะปรับมุมมองและการจัดการพื้นที่ของตน
Tactical Urbanism: ยุทธวิธีเมืองเพื่อการทดลองและเรียนรู้ร่วมกัน
แนวคิดแบบ **Tactical Urbanism** หรือ “ยุทธวิธีเมืองเฉพาะกิจ” ที่นำมาใช้ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ สะท้อนถึงความเชื่อว่า พื้นที่เมืองสามารถทดลอง เปลี่ยนแปลง และเรียนรู้ร่วมกันได้ แม้จะเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว แต่ก็เป็นก้าวสำคัญในการทำให้เมืองกลายเป็นพื้นที่ที่คนทุกกลุ่มรู้สึกว่าเป็นของตน และพร้อมเปิดรับชีวิตที่ปราศจากการพึ่งพารถยนต์อย่างสิ้นเชิง
เมืองที่เดินได้ คือเมืองที่อยู่ได้
ในระยะยาว การสร้างต้นแบบเช่นนี้อาจนำไปสู่การออกแบบเมืองที่ตอบสนองความหลากหลายของผู้คนมากขึ้น—ตั้งแต่เด็ก ผู้สูงวัย ไปจนถึงนักท่องเที่ยว และชุมชนผู้ประกอบการในพื้นที่ เมืองที่ทุกคน “เดินได้” คือเมืองที่ “อยู่ได้” อย่างแท้จริง
#วันปลอดรถยนต์ #ถนนบรรทัดทอง #เมืองสำหรับคนเดิน #ยุทธวิธีเมืองเฉพาะกิจ #การออกแบบเมือง #พื้นที่สาธารณะ #กรุงเทพมหานคร #การเดินเท้า #Parklets #StreetDiet #CarFreeDay #BanthatThong #WalkableCity #TacticalUrbanism #UrbanDesign #PublicSpace #Bangkok #PedestrianMobility
อ้างอิง
- https://cleancitiescampaign.org/car-free-days-not-just-a-one-off/
- https://english.elpais.com/usa/2024-06-04/the-woman-who-led-the-transformation-of-new-york-into-a-pedestrian-friendly-city.html
- https://mgronline.com/columnist/detail/9560000122720
- https://pmcu.co.th/news/29900/
- https://pr-bangkok.com/?p=410430
- https://setthasarn.econ.tu.ac.th/blog/detail/18
- https://thestandard.co/bangkok-car-free-2024-connecting-for-life
- www.chula.ac.th/news/188061
- www.facebook.com/sarakadeemag/posts/pfbid0TNDXc43JqDiCTqSAJkDieuKv1NLH1Jn7qTP9dq3cJrYYtKr9JnYmP8KKkiUCUbF7l
- www.facebook.com/UrbanAlly.SU/posts/pfbid0EKcQi9SCHdwD3G3oAarPseANUFKv6kXgQcDd7NbRaz5YT8quSQm3qfSedi1KZt3kl
- www.sanook.com/news/1670753

