Notifications

You are here

ห่วงโซ่คุณค่า

เทรนด์การทำ Modular Farms ฟาร์มออร์แกนิกในเมือง

07 สิงหาคม 2024 66 อ่านข่าวนี้ 3 เดือนก่อน 0
แผนแม่บท : แผนแม่บท การเกษตร  
หมวดหมู่ : #3.5เกษตรอัจฉริยะ 


การทำฟาร์มแบบโมดูลาร์ (Modular Farms) คือ ระบบการเกษตรที่สามารถปลูกพืชได้ในหลากหลายชนิด โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่

และหากมองเพียงคำว่า ‘โมดูลาร์’ ในเชิงการออกแบบ หมายถึง การใช้วิธีทำรูปแบบคล้ายๆ กัน ต่อไปเรื่อยๆ ได้ไม่จำกัด หรืออาจจำกัดตามความพอใจของเราป็นการออกแบบที่สามารถใช้แบบแยกชิ้นแล้วค่อยนำมาประกอบกันใหม่อีกครั้งได้ แล้วถึงจะแยกส่วนก็ยังใช้งานได้ด้วยเช่นกัน  

เมื่อนำมาใช้ในการทำเกษตร ฟาร์มแบบโมดูลาร์จึงสามารถเคลื่อนย้าย ติดตั้งง่าย และปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ดูแลพืชผลได้ทั่วถึงด้วยการใช้เทคโนโลยีเกษตรแบบไฮโดรโปนิกส์ที่ควบคุมสภาพแวดล้อมได้ ลดปัญหาศัตรูพืช ได้ผลผลิตที่ปลอดภัย และขยายพื้นที่ปลูกได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากการทำเกษตรกรรมในพื้นที่ใกล้ชุมชนและทำเกษตรกรรมได้ยาก

องค์ประกอบการทำเกษตรแบบโมดูลาร์ มีทั้งหมด 3 องค์ประกอบ ดังนี้

  • มีโมดูลที่เชื่อมและปรับเปลี่ยนได้ 
  • มีเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อควบคุมและติดตามสภาพแวดล้อม
  • มีการออกแบบระบบที่เน้นความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันแนวคิดการทำฟาร์มแบบเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มร้านอาหารและคาเฟ่ในต่างประเทศ เนื่องจากสามารถผลิตพืชผลได้ตลอดทั้งปี มีผลผลิตที่หลากหลาย และยังเป็นส่วนหนึ่งในการทำเกษตรแบบยั่งยืน

บทความนี้ชวนดู 5 ฟาร์มทั่วโลกที่ใช้หลักคิดโมดูลาร์ฟาร์มที่ทำธุรกิจหลากหลาย แต่มีเป้าหมายคล้ายกัน คือ การสร้างผลผลิตที่หลากหลายและตอบโจทย์ลูกค้าไปในเวลาเดียวกัน


1. Farm.One - ฟาร์มครบวงจร ตั้งแต่ปลูกผักไปจนถึงห้องเรียนธรรมชาติ ที่ ‘บรู๊คลิน’ สหรัฐอเมริกา

Farm.One เป็นโครงการเกษตรกรรมเมืองที่ตั้งอยู่บนถนนเบอร์กินของเมืองบรู๊คลิน สหรัฐอเมริกา มีพืชผักกำลังเติบโตอยู่มากกว่า 100 สายพันธุ์บนพื้นที่ที่ใหญ่กว่า 10,000 ตารางฟุต 

ฟาร์มแห่งนี้ให้บริการมากมาย ตั้งแต่การเยี่ยมชมสวนที่ต้องจองล่วงหน้า ชิมพืชผัก รับจัดงาน สอนปลูกผัก ทั้งยังมีบริการจัดส่งผักให้กับร้านอาหารท้องถิ่น 

ทั้งยังใช้เทคโนโลยีไฮโดรโปนิกส์ควบคุมสภาพแวดล้อมด้วย ก็คือ พืชจะเติบโตด้วยการใช้น้ำ แต่กลับใช้น้ำน้อยกว่าการทำฟาร์มแบบทั่วไปถึง 95% และไม่ใช้ยาฆ่าแมลง 

โดยให้ความสำคัญกับ 3 สิ่ง ประกอบด้วย คุณภาพ ความสดใหม่ และความเป็นท้องถิ่น

มากกว่านั้น หัวใจสำคัญของ Farm.One คือการเป็น Neighborhood Farm กับความต้องการที่จะเป็นมากกว่าองค์กรที่ทำเกษตรกรรม แต่อยากสร้างความสัมพันธ์ ชวนคุย และสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน 

เนื่องจากฟาร์มแห่งนี้อยู่ใกล้กับร้านอาหาร จึงใช้จักรยานในการขนส่ง จึงสามารถช่วยลดมลพิษได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงยังเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมที่น่าสนใจทั้งแบบสาธารณะและแบบส่วนตัว ด้วยบริการที่หลากหลาย

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น Farm.One จึงถือเป็นแหล่งรวมประสบการณ์ของการเกษตรเมืองที่น่าสนใจ ทั้งในแง่ของผลผลิตและกิจกรรม

2. Bygaard - ฟาร์มเห็ดและสมุนไพรออร์แกนิก 100% ที่โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก

ทุก ๆ วันพฤหัสบดี เห็ดออร์แกนิกจาก BYGAARD ฟาร์มเห็ดและสมุนไพรในโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก จะถูกส่งจากสวนถึงผู้บริโภค

เป้าหมายหลักของฟาร์มมี 3 ประการ คือ ส่งมอบคุณภาพ เคารพสิ่งแวดล้อม และสร้างชุมชน

ลาสซี่ อันโตนี คาร์ลเซ่นให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Hortidaily ว่า BYGAARD ไม่ได้ต้องการทำการตลาดอย่างเดียว แต่ต้องการใกล้ชิดกับชุมชนด้วยการปลูกพืชอินทรีย์ 

ฟาร์มแห่งนี้ทำเกษตรอินทรีย์ 100% และมุ่งสู่การปลูกแบบไบโอไดนามิก เพราะคิดว่า เห็ดจะเป็นทางเลือกของอาหารอีกรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยลดมลพิษจากการผลิตเนื้อสัตว์ได้ ทั้งยังใช้วิธีการปลูกแบบพืชหมุนเวียน ส่งมอบผลผลิตให้กับร้านอาหารในเมือง และกำลังขยายการผลิตและกิจกรรมเพื่อให้ทันและตอบสนองความต้องการของตลาดในอนาคต

3. Fotografiska - ความยั่งยืนภายใต้ความเรียบหรูที่เมืองสตอกโฮล์ม สวีเดน

หากมองจากด้านนอก ‘Fotografiska’ อาจเป็นเพียงพิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายสุดหรู แต่หากมองที่ชั้นบนสุดของพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหารบนชั้น 6 ดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด ‘ความยั่งยืน’

นั่นคือ การใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ไม่ทิ้งของเหลือ และนำของเหลือกลับมาใช้ประโยชน์ได้ จนได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนและคุณภาพอาหาร

อีกทั้ง Fotografiska ยังมีฟาร์มหอยแมลงภู่ของตนเองที่ชายฝั่งตะวันตกของสวีเดน และมีพื้นที่เพาะปลูกในเขตชานเมืองของสตอกโฮล์ม และยังมีฟาร์มไฮโดรโปนิกส์ในห้องใต้ดินของตนเองอีกด้วย

ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานศิลปะ อาหาร และความยั่งยืนเข้าด้วยกัน ภายใต้คอนเซปต์ของพิพิธภัณฑ์ที่ดูเรียบหรู



4. Agriko Farm - ฟาร์มผักแบบอควาโปนิกส์บนดาดฟ้าของเมืองโตเกียว

ที่ดาดฟ้าของร้านกาแฟเมืองโตเกียว มีการเลี้ยงปลาแบบออร์แกนิก และมีฟาร์มผักแบบอวาโปนิกส์ชื่อ ‘Agriko Farm’

เจ้าของ คือ ‘เรียวโกะ โคบายาชิ’ อดีตนักแสดงที่สนใจเรื่องการทำเกษตรและต้องการกลับมาพัฒนาบ้านเกิด

วิธีการที่เธอเลือกก็คือการ ปลูกผักแบบ อควาโปนิกส์ ที่เชื่อว่าจะสามารถประหยัดน้ำได้มากถึง 80% สร้างระบบนิเวศเองบนดาดฟ้าในเมืองใหญ่ 

แบคทีเรียและของเสียจากปลาถูกนำมาใช้เป็นปุ๋ยปลูกผัก แล้วน้ำก็จะถูกทำให้สะอาดคืนสู่ตู้ปลา นี่คือระบบที่เธอสร้างขึ้น

นอกจากนี้ เธอยังใช้ผักที่ปลูกบนดาดฟ้า มาเป็นส่วนหนึ่งของคอร์สอาหารกลางวัน ในราคา 3,300 เยน ที่ชั้น 1 ของร้าน OGAWA COFFEE LABORATORY 

เพราะเธอเชื่อว่า ไม่ต้องเป็นลูกชาวนา แต่ทุกคนสามารถเป็นผู้สืบทอดอุตสาหกรรมการเกษตรได้ และก็หวังให้ฟาร์มของเธอเป็นจุดศูนย์รวมให้คนทุกคนหันมาสนใจเรื่องเกษตรและสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น

5. 1-Arden Food Forest - หลากหลายพืชพันธุ์บนตึกชั้น 51 ที่สิงคโปร์

‘การแสดงความยั่งยืน’ คือ หัวใจหลักของ 1-Arden Food Forest ที่ตั้งอยู่บนชั้น 51 ของ CapitaSpring ที่สิงคโปร์

เพราะสถานที่แห่งนี้มีพื้นที่มากถึง 10,000 ตารางฟุต ปลูกพืชกว่า 130 ชนิดเพื่อใช้ในร้านอาหาร Kaarla และ Oumi และจะได้ดื่มด่ำอาหารผ่านสิ่งที่เรียกว่า Food Forest ที่เขียวชอุ่มและสวยงามบนตึกสูงเสียดฟ้า

ผลผลิตจากฟาร์มที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกนั้นอยู่ที่ 60-80 กิโลกรัมต่อเดือน และพืชผักต่างๆ ถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งในอาหารหลากหลายรูปแบบ ทั้งอาหารจานเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก หรือแม้แต่ค็อกเทล

ขณะเดียวกัน ยังมีการปลูกพืชหลากหลายด้วยการจัดการพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้การทำฟาร์มออร์แกนิกภายใต้พื้นที่ที่จำกัด และยังช่วยให้นักกินแบบเราๆ เข้าใจเรื่องอาหารยั่งยืนและทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติและสภาพแวดล้อมในเมืองไปพร้อมกับมื้ออาหาร


อ้างอิง :


URL อ้างอิง:

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้คุกกี้ (Cookie) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้
ยอมรับ