การทำฟาร์มแบบโมดูลาร์ (Modular Farms) คือ ระบบการเกษตรที่สามารถปลูกพืชได้ในหลากหลายชนิด โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่
และหากมองเพียงคำว่า ‘โมดูลาร์’ ในเชิงการออกแบบ หมายถึง การใช้วิธีทำรูปแบบคล้ายๆ กัน ต่อไปเรื่อยๆ ได้ไม่จำกัด หรืออาจจำกัดตามความพอใจของเราเป็นการออกแบบที่สามารถใช้แบบแยกชิ้นแล้วค่อยนำมาประกอบกันใหม่อีกครั้งได้ แล้วถึงจะแยกส่วนก็ยังใช้งานได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อนำมาใช้ในการทำเกษตร ฟาร์มแบบโมดูลาร์จึงสามารถเคลื่อนย้าย ติดตั้งง่าย และปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ ดูแลพืชผลได้ทั่วถึงด้วยการใช้เทคโนโลยีเกษตรแบบไฮโดรโปนิกส์ที่ควบคุมสภาพแวดล้อมได้ ลดปัญหาศัตรูพืช ได้ผลผลิตที่ปลอดภัย และขยายพื้นที่ปลูกได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากการทำเกษตรกรรมในพื้นที่ใกล้ชุมชนและทำเกษตรกรรมได้ยาก
องค์ประกอบการทำเกษตรแบบโมดูลาร์ มีทั้งหมด 3 องค์ประกอบ ดังนี้
- มีโมดูลที่เชื่อมและปรับเปลี่ยนได้
- มีเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อควบคุมและติดตามสภาพแวดล้อม
- มีการออกแบบระบบที่เน้นความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันแนวคิดการทำฟาร์มแบบเป็นที่นิยมมากขึ้นในกลุ่มร้านอาหารและคาเฟ่ในต่างประเทศ เนื่องจากสามารถผลิตพืชผลได้ตลอดทั้งปี มีผลผลิตที่หลากหลาย และยังเป็นส่วนหนึ่งในการทำเกษตรแบบยั่งยืน
บทความนี้ชวนดู 5 ฟาร์มทั่วโลกที่ใช้หลักคิดโมดูลาร์ฟาร์มที่ทำธุรกิจหลากหลาย แต่มีเป้าหมายคล้ายกัน คือ การสร้างผลผลิตที่หลากหลายและตอบโจทย์ลูกค้าไปในเวลาเดียวกัน
1. Farm.One - ฟาร์มครบวงจร ตั้งแต่ปลูกผักไปจนถึงห้องเรียนธรรมชาติ ที่ ‘บรู๊คลิน’ สหรัฐอเมริกา
Farm.One เป็นโครงการเกษตรกรรมเมืองที่ตั้งอยู่บนถนนเบอร์กินของเมืองบรู๊คลิน สหรัฐอเมริกา มีพืชผักกำลังเติบโตอยู่มากกว่า 100 สายพันธุ์บนพื้นที่ที่ใหญ่กว่า 10,000 ตารางฟุต
ฟาร์มแห่งนี้ให้บริการมากมาย ตั้งแต่การเยี่ยมชมสวนที่ต้องจองล่วงหน้า ชิมพืชผัก รับจัดงาน สอนปลูกผัก ทั้งยังมีบริการจัดส่งผักให้กับร้านอาหารท้องถิ่น
ทั้งยังใช้เทคโนโลยีไฮโดรโปนิกส์ควบคุมสภาพแวดล้อมด้วย ก็คือ พืชจะเติบโตด้วยการใช้น้ำ แต่กลับใช้น้ำน้อยกว่าการทำฟาร์มแบบทั่วไปถึง 95% และไม่ใช้ยาฆ่าแมลง
โดยให้ความสำคัญกับ 3 สิ่ง ประกอบด้วย คุณภาพ ความสดใหม่ และความเป็นท้องถิ่น
มากกว่านั้น หัวใจสำคัญของ Farm.One คือการเป็น Neighborhood Farm กับความต้องการที่จะเป็นมากกว่าองค์กรที่ทำเกษตรกรรม แต่อยากสร้างความสัมพันธ์ ชวนคุย และสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน
เนื่องจากฟาร์มแห่งนี้อยู่ใกล้กับร้านอาหาร จึงใช้จักรยานในการขนส่ง จึงสามารถช่วยลดมลพิษได้อีกทางหนึ่ง รวมถึงยังเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมที่น่าสนใจทั้งแบบสาธารณะและแบบส่วนตัว ด้วยบริการที่หลากหลาย
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น Farm.One จึงถือเป็นแหล่งรวมประสบการณ์ของการเกษตรเมืองที่น่าสนใจ ทั้งในแง่ของผลผลิตและกิจกรรม
2. Bygaard - ฟาร์มเห็ดและสมุนไพรออร์แกนิก 100% ที่โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก
ทุก ๆ วันพฤหัสบดี เห็ดออร์แกนิกจาก BYGAARD ฟาร์มเห็ดและสมุนไพรในโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก จะถูกส่งจากสวนถึงผู้บริโภค
เป้าหมายหลักของฟาร์มมี 3 ประการ คือ ส่งมอบคุณภาพ เคารพสิ่งแวดล้อม และสร้างชุมชน
ลาสซี่ อันโตนี คาร์ลเซ่นให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Hortidaily ว่า BYGAARD ไม่ได้ต้องการทำการตลาดอย่างเดียว แต่ต้องการใกล้ชิดกับชุมชนด้วยการปลูกพืชอินทรีย์
ฟาร์มแห่งนี้ทำเกษตรอินทรีย์ 100% และมุ่งสู่การปลูกแบบไบโอไดนามิก เพราะคิดว่า เห็ดจะเป็นทางเลือกของอาหารอีกรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยลดมลพิษจากการผลิตเนื้อสัตว์ได้ ทั้งยังใช้วิธีการปลูกแบบพืชหมุนเวียน ส่งมอบผลผลิตให้กับร้านอาหารในเมือง และกำลังขยายการผลิตและกิจกรรมเพื่อให้ทันและตอบสนองความต้องการของตลาดในอนาคต
3. Fotografiska - ความยั่งยืนภายใต้ความเรียบหรูที่เมืองสตอกโฮล์ม สวีเดน
หากมองจากด้านนอก ‘Fotografiska’ อาจเป็นเพียงพิพิธภัณฑ์ภาพถ่ายสุดหรู แต่หากมองที่ชั้นบนสุดของพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหารบนชั้น 6 ดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด ‘ความยั่งยืน’
นั่นคือ การใช้วัตถุดิบท้องถิ่น ไม่ทิ้งของเหลือ และนำของเหลือกลับมาใช้ประโยชน์ได้ จนได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนและคุณภาพอาหาร
อีกทั้ง Fotografiska ยังมีฟาร์มหอยแมลงภู่ของตนเองที่ชายฝั่งตะวันตกของสวีเดน และมีพื้นที่เพาะปลูกในเขตชานเมืองของสตอกโฮล์ม และยังมีฟาร์มไฮโดรโปนิกส์ในห้องใต้ดินของตนเองอีกด้วย
ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานศิลปะ อาหาร และความยั่งยืนเข้าด้วยกัน ภายใต้คอนเซปต์ของพิพิธภัณฑ์ที่ดูเรียบหรู
4. Agriko Farm - ฟาร์มผักแบบอควาโปนิกส์บนดาดฟ้าของเมืองโตเกียว
ที่ดาดฟ้าของร้านกาแฟเมืองโตเกียว มีการเลี้ยงปลาแบบออร์แกนิก และมีฟาร์มผักแบบอวาโปนิกส์ชื่อ ‘Agriko Farm’
เจ้าของ คือ ‘เรียวโกะ โคบายาชิ’ อดีตนักแสดงที่สนใจเรื่องการทำเกษตรและต้องการกลับมาพัฒนาบ้านเกิด
วิธีการที่เธอเลือกก็คือการ ปลูกผักแบบ อควาโปนิกส์ ที่เชื่อว่าจะสามารถประหยัดน้ำได้มากถึง 80% สร้างระบบนิเวศเองบนดาดฟ้าในเมืองใหญ่
แบคทีเรียและของเสียจากปลาถูกนำมาใช้เป็นปุ๋ยปลูกผัก แล้วน้ำก็จะถูกทำให้สะอาดคืนสู่ตู้ปลา นี่คือระบบที่เธอสร้างขึ้น
นอกจากนี้ เธอยังใช้ผักที่ปลูกบนดาดฟ้า มาเป็นส่วนหนึ่งของคอร์สอาหารกลางวัน ในราคา 3,300 เยน ที่ชั้น 1 ของร้าน OGAWA COFFEE LABORATORY
เพราะเธอเชื่อว่า ไม่ต้องเป็นลูกชาวนา แต่ทุกคนสามารถเป็นผู้สืบทอดอุตสาหกรรมการเกษตรได้ และก็หวังให้ฟาร์มของเธอเป็นจุดศูนย์รวมให้คนทุกคนหันมาสนใจเรื่องเกษตรและสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น
5. 1-Arden Food Forest - หลากหลายพืชพันธุ์บนตึกชั้น 51 ที่สิงคโปร์
‘การแสดงความยั่งยืน’ คือ หัวใจหลักของ 1-Arden Food Forest ที่ตั้งอยู่บนชั้น 51 ของ CapitaSpring ที่สิงคโปร์
เพราะสถานที่แห่งนี้มีพื้นที่มากถึง 10,000 ตารางฟุต ปลูกพืชกว่า 130 ชนิดเพื่อใช้ในร้านอาหาร Kaarla และ Oumi และจะได้ดื่มด่ำอาหารผ่านสิ่งที่เรียกว่า Food Forest ที่เขียวชอุ่มและสวยงามบนตึกสูงเสียดฟ้า
ผลผลิตจากฟาร์มที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลกนั้นอยู่ที่ 60-80 กิโลกรัมต่อเดือน และพืชผักต่างๆ ถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งในอาหารหลากหลายรูปแบบ ทั้งอาหารจานเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก หรือแม้แต่ค็อกเทล
ขณะเดียวกัน ยังมีการปลูกพืชหลากหลายด้วยการจัดการพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์ และยังเป็นแหล่งเรียนรู้การทำฟาร์มออร์แกนิกภายใต้พื้นที่ที่จำกัด และยังช่วยให้นักกินแบบเราๆ เข้าใจเรื่องอาหารยั่งยืนและทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติและสภาพแวดล้อมในเมืองไปพร้อมกับมื้ออาหาร
อ้างอิง :
- https://farm.one/
- https://greenstate.ch/blog-posts/modular-farming-agriculture-2-0/#:~:text=At%20its%20core%2C%20modular%20farming,cultivate%20crops%20efficiently%20and%20sustainably.
- https://puregreensaz.com/blog/modular-farms/
- www.agriko.net/
- www.atlasobscura.com/places/farm-one-new-york-underground-farm
- www.bkmag.com/2023/10/03/culinary-paradise-farm-one/
- www.copadata.com/download/0/2110/f655cf22-c61a-40c6-81e6-dbe25a93d973
- www.forbes.com/sites/scottbeyer/2019/11/25/modular-micro-farms-a-new-approach-to-urban-food-production/
- www.hortidaily.com/article/9540681/denmark-our-urban-farm-helps-shape-the-city-and-community/