โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา แหล่งเรียนรู้คู่เมืองเชียงใหม่

02 พฤษภาคม 2023
|
2036 อ่านข่าวนี้
|
12



 

          ความรู้ใหม่ๆ ที่ทันสมัยเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่ภูมิปัญญาเก่าก่อนซึ่งเคยสั่งสมมาก็ไม่ควรละทิ้งหรือปล่อยให้สูญสลายไป พร้อมๆ กับการล้มหายตายจากของผู้เฒ่าผู้แก่ เพราะกว่าจะเรียนรู้และพัฒนาเป็นภูมิปัญญาที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเหมาะสมต่อชุมชนหรือสังคมแต่ละยุคได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

ภูมิปัญญาในอดีต จึงเป็นสิ่งมีคุณค่าและความหมาย ที่สำคัญเป็น มรดกทางวัฒนธรรม อันควรแก่การสืบสานสู่รุ่นต่อรุ่น


ดังเช่น โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและบ้านทรงไทยล้านนา บนถนนรัตนโกสินทร์ ด้านหลังโรงเรียนปรินส์รอยัล ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่มุ่งสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวเหนือเอาไว้ จนตอนนี้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศก็ว่าได้ 


คำว่า โฮงเฮียน เป็นคำเมืองล้านนา หมายถึง โรงเรียน-ศูนย์รวมของการสอนวิชาความรู้ต่างๆ นั่นเอง โดยที่นี่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 นับมาถึงปีนี้ก็ 20 ปีเต็ม นับเป็นการเดินทางอันยาวนานทีเดียว โดยจุดเริ่มต้นมาจากการจัดงาน สืบสานล้านนา ของกลุ่มเอ็นจีโอ ซึ่งนำโดยอาจารย์ชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ในรูปแบบของกาดมั่วหรือตลาดนัดแบบล้านนา ที่มีการนำวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น มหรสพ ดนตรีพื้นเมืองต่างๆ มาแสดงให้ชมกันในลักษณะประยุกต์ ปีละหนึ่งครั้ง

หลังจัดงานจนมีผู้คนสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงนำมาสู่แนวคิดในการก่อตั้งเป็นโรงเรียนขึ้นอย่างจริงจัง และตั้งชื่อว่า โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา ภายใต้การสนับสนุนของ พระพุทธพจนวราภรณ์ หรือหลวงปู่จันทร์ แห่งวัดเจดีย์หลวง ซึ่งมองเห็นว่าภูมิปัญญาล้านนาเป็นสิ่งที่ควรจะสืบสานอยู่ในทุกลมหายใจ ไม่ใช่หนึ่งปีจัดงานสืบสานกันเพียงครั้งเดียว ส่วนพื้นที่ของโรงเรียนนั้น คุณเล็ก ล่ำซำ มอบให้หลวงปู่จันทร์มาใช้จัดตั้ง โดยตอนนี้อยู่ในความดูแลของวัดป่าดาราภิรมย์ 


          สำหรับการเรียนการสอนนั้น มุ่งเน้นชัดเจนมาแต่แรกเริ่มคือ สอนวิชาภูมิปัญญาล้านนาเพียงวิชาเดียว แต่แค่วิชานี้วิชาเดียวก็แตกออกไปเป็นวิชาย่อยอย่างหลากหลายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิชาทำผ้ามัดย้อมลวดลายล้านนา วิชาวาดลายบนร่มกระดาษสา วิชาทำตุง วิชาทอผ้า วิชาจักสาน-แกะสลัก วิชากลองสะบัดชัย ระบำฉาบ ฟ้อนพื้นเมือง ฟ้อนดาบ ฟ้อนเล็บ ฟ้อนสาวไหม หรือฟ้อนเทียน ฯลฯ โดยมีพ่อครูแม่ครูที่มีวิชาความรู้ในภูมิปัญญาล้านนาเป็นจิตอาสามาสอนให้

          แล้วพ่อครูแม่ครูมาจากไหน?

คำตอบก็คือ พ่อครูแม่ครูของโฮงเฮียงฯ มาจากปราชญ์ชาวบ้านหรือผู้เฒ่าผู้แก่จากหลายชุมชนห่างไกลในภาคเหนือ ซึ่งมีความรู้ในภูมิปัญญาล้านนามาช่วยกันสอน แต่มีทักษะด้านการสอนไม่มากนัก ระยะแรกรูปแบบการสอนจึงปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ บางท่านสอนเก่ง บางท่านสอนไม่ค่อยเก่ง ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเหล่าพ่อครูแม่ครูก็มีประสบการณ์และเทคนิคในการสอนที่ดีมากขึ้น ซึ่งน่ายินดีว่า เมื่อเปิดโฮงเฮียงฯ นี้ไม่นาน ก็ได้รับการตอบรับจากพ่อแม่ผู้ปกครองส่งเด็กๆ มาร่ำเรียนมากมาย และเด็กๆ ก็สนุกสนานกับการเรียนรู้วิชาภูมิปัญญาล้านนาอย่างมาก รวมถึงคนรุ่นใหม่และบรรดาผู้สูงวัยอายุ 70-80 ปีก็สมัครมาเรียนกัน เพียงแต่เด็กกับคนรุ่นใหม่วัย 10-25 ปีจะมีมากหน่อย โดยเด็กๆ นั้นพ่อแม่สนับสนุนให้เรียนเพื่อเป็นความรู้พิเศษ ส่วนคนรุ่นใหม่เดิมทีเรียนกันเป็นงานอดิเรก แต่พอนานๆ ไปก็เริ่มอยากเรียนเพื่อนำไปประกอบอาชีพหรือไปเป็นครู

ดังนั้นภายหลังโฮงเฮียงฯ จึงมีการปรับการสอนเป็น 3 หลักสูตร กับ 5 หมวดหมู่ โดย 3 หลักสูตร แบ่งตามวัตถุประสงค์ของผู้เรียน ได้แก่ หลักสูตรความรู้พิเศษ หลักสูตรอาชีวะท้องถิ่น และหลักสูตรครูภูมิปัญญา ส่วน 5 หมวดหมู่ ประกอบด้วย หมวดภาษาคำเมืองและวรรณกรรมพื้นบ้าน, หมวดคีตหรือดนตรีพื้นเมือง, หมวดศิลปะ เช่น การทำตุง ทำโคม วาดรูป วาดลวดลายทั้งหลาย, หมวดงานหัตถกรรม เช่น งานจักสาน แกะสลัก ดุนโลหะ หล่อพระ ทำเครื่องเขินล้านนา และสุดท้าย-หมวดนาฏยหรือการฟ้อนรำต่างๆ ทั้งของชายและหญิง 


ส่วนการจัดสรรพื้นที่ของโฮงเฮียงฯ แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกเป็นโฮงเฮียงฯ สำหรับทำการเรียนการสอน และสืบสานกิจกรรมเกี่ยวกับภูมิปัญญาล้านนา เช่น จัดประชุมสัมนา จัดงานแสดง-มินิคอนเสิร์ตพื้นเมือง หรือกาดมั่ว ส่วนที่สองเป็นพิพิธภัณฑ์จัดนิทรรศการเล็กๆ และส่วนที่สามเป็นร้านกาแฟ เพื่อให้ผู้เรียนหรือผู้เยี่ยมชมได้มีที่นั่งพักดื่มกาแฟและสนทนากัน  

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของโฮงเฮียงฯ เกิดขึ้นด้วยการร่วมมือร่วมใจของบรรดาจิตอาสา ค่าคลาสเรียนแรกๆ จึงเก็บตามอัธยาศัยของผู้เรียน ให้เท่าไหร่ก็ได้ เพราะโฮงเฮียงฯ ไม่ได้แสวงหาผลกำไร แต่ต่อมาจำเป็นต้องกำหนดค่าคลาสเรียนตามต้นทุนรายวิชา เช่น 500 บาท, 700 บาท หรือมากกว่านั้น เนื่องจากบางวิชามีวัสดุอุปกรณ์ประกอบการเรียนสูง ค่าคลาสเรียนจึงต้องปรับขึ้นตามความเป็นจริง เพื่อให้มีเงินทุนในการจัดคลาส พ่อครูแม่ครูมีค่าวิชาเล็กๆ น้อยๆ และทีมงานมีรายได้พออยู่ได้

แต่เหนืออื่นใด เพื่อให้โฮงเฮียงฯ สามารถสืบสานภูมิปัญญาล้านนาต่อไปได้ยาวนาน

โดยการเรียนการสอนจะแบ่งเป็นสอนวันธรรมดากับวันเสาร์-อาทิตย์ สำหรับวันธรรมดาจะจัดสำหรับโรงเรียน หน่วยงาน หรือกลุ่มบุคคลที่ติดต่อขอเข้ามาเรียน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์สำหรับผู้สนใจทั่วไปสมัครเข้ามาเรียน ซึ่งชั่วโมงการเรียนจะอยู่ที่ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ นอกจากนั้นหากใครต้องการเรียนให้ลึกซึ้งขึ้น จะไปเรียนกันต่อที่บ้านของพ่อครูแม่ครูก็ได้ เพราะถือเป็นการสืบสานภูมิปัญญาล้านนาเช่นกัน  

จึงเห็นได้ว่า โฮงเฮียงฯ แห่งนี้เป็นตัวอย่างของการสืบสานภูมิปัญญาโบราณที่ดี แต่สิ่งที่ท้าทายคือ การสร้างความมั่นคงแข็งแกร่งให้กับโฮงเฮียงฯ แม้ปัจจุบันจะมีผู้เข้ามาเรียนในโฮงเฮียงฯ ไม่ขาดสาย พ่อครูแม่ครูยังคงแข็งขันในการสอน และคณะทำงานทุ่มเททำงานสืบสานอย่างเต็มที่ก็ตาม

โดยการที่จะทำให้ โฮงเฮียงสืบสานภูมิปัญญาล้านนา ดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนนั้น นอกจากการปรับปรุงการบริหารสู่รูปแบบธุรกิจเพื่อสังคมตามที่เป็นอยู่แล้ว

การสนับสนุนจากภาครัฐยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลได้ไม่น้อย และมิใช่การช่วยเหลือแบบสร้างกรอบเกณฑ์ตายตัว เพราะอย่าลืมว่า รูปแบบของโฮงเฮียงฯ แห่งนี้มีต้นธารความรู้มาจากพ่อครูแม่ครูผู้เฒ่าผู้แก่ ซึ่งต้องเปิดโอกาสให้ท่านส่งต่อภูมิปัญญาไปยังคนรุ่นหลังที่เข้ามาเรียนอย่างเป็นธรรมชาติ

หากภาครัฐเข้ามาเกื้อกูลในแนวทางเช่นนี้ได้ ก็เชื่อว่า การสืบสานภูมิปัญญาล้านนา ของโฮงเฮียงแห่งนี้ จะคงอยู่คู่เมืองเชียงใหม่ไปอย่างยาวนาน สมกับเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้...

 

·       ข้อมูลอ้างอิง : แหล่งสารสนเทศใน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

·       อ้างอิงรูปภาพ : www.chiangmainews.co.th, Facebook: โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา Lanna Wisdom School

 

0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI