กิจกรรมนำเทรนด์คนวัยเก๋า เพราะความเหงาเป็นเหตุสังเกตได้
จากปรากฏการณ์สังคมผู้สูงวัย
ซึ่งเกิดขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก ทำให้กลายเป็นวิกฤตเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนต้องรับมือให้ได้
มิเช่นนั้นปัญหาหลายอย่างจะตามติดมา โดยเฉพาะความเหงาของผู้สูงวัยหรือคนวัยเก๋า
เพราะยิ่งมีคนวัยเก๋ามากขึ้นเท่าไหร่
ความเหงาในสังคมก็มีมากขึ้นเท่านั้น
โดยข้อสังเกตเกี่ยวกับความเหงา
มาจากช่วงอายุของผู้สูงวัยเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านสรีระร่างกายและจิตใจ
สภาพแวดล้อมต่างๆ สัมพันธภาพกับสังคมและบุคคลแวดล้อม การสูญเสียความสามารถ
การปลดเกษียณ การต้องพึ่งพาคนอื่น การคาดคะเนถึงไม่แน่นอน และความตายที่ใกล้เข้ามา
ฯลฯ
เหล่านี้ล้วนทำให้ผู้สูงวัยรู้สึกเหงา
โดดเดี่ยว อ้างว้าง ยิ่งหากขาดลูกหลานหรือคนใกล้ชิดดูแลเอาใจใส่
จะนำไปสู่ความเครียด หดหู่ นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ไม่สบายตามร่างกาย ปวดเมื่อย อ่อนล้า
และในที่สุดอาจเจ็บป่วยหรือเป็นโรคซึมเศร้าได้
ดังนั้นปัญหาความเหงาในกลุ่มผู้สูงวัยจึงควรได้รับแก้ไขอย่างจริงจัง
เพื่อจะได้ไม่ขยายตัวจนสร้างความกังวลระดับชาติ โดยหลายประเทศก็พยายามจัดการกับความเหงาของคนวัยนี้ให้คลี่คลายลง
เช่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา
ในอังกฤษ
จำนวนประชากรคนเหงามีมากถึง 9 ล้านคน โดยมี 2
แสนคนเป็นผู้สูงอายุที่ไม่ได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนหรือคนรู้จักมากกว่า 1 เดือน และอีก 2 ล้านคนอาศัยอยู่เพียงลำพัง
ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนขึ้นด้วย ทำให้รัฐบาลถึงกับต้องจัดตั้งกระทรวงความเหงาขึ้นมาเพื่อจัดการกับความเหงาโดยตรง
สถานการณ์ในสหรัฐอเมริกาก็ไม่ต่างกัน
พบว่ามีประชากรมากกว่า 75% หรือมากถึง 3 ใน 4
ที่มีปัญหาความเหงา โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้สูงวัยอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
สำหรับประเทศไทยเองก็ตกที่นั่งเดียวกัน
เพราะมีจำนวนผู้สูงอายุโดดเดี่ยวและเหงาสูงกว่าการคาดการณ์ โดยจากรายงานวิจัยของวิทยาลัยจัดการ
มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า ปี พ.ศ.2561 สถิติคนเหงาของไทยมีมากถึง 40.4% หรือคิดเป็น 26.57 ล้านคน
จากจำนวนประชากรทั้งประเทศกว่า 66 ล้านคน และยังมีความเหงาทุกระดับ
ตั้งแต่เหงาเล็กน้อยไปถึงเหงาลึกอีกด้วย
โดยในจำนวนคนเหงาทั้งหมดข้างต้น
เป็นกลุ่มผู้สูงวัยอายุ 41-60
ปี 33.6% และกลุ่มผู้สูงวัยอายุมากกว่า 60 ปี 24.5%
จากความเหงาเป็นเหตุนี้
ทำให้รัฐบาลวางแผนแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุในภาพรวมเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าโครงการยิ้มรับกับการเข้าสู่วัยสูงอายุ
การขยายอายุเกษียณในบางสาขาอาชีพ การกระตุ้นให้มีการจ้างงานผู้สูงวัยที่ยังมีกำลังวังชา
การเผยแพร่ความรู้และเพิ่มทักษะใหม่ๆ ให้กับคนวัยเก๋า
การส่งเสริมการออมและสร้างหลักประกันให้กับผู้สูงวัย การรณรงค์ให้คนในครอบครัวหันมาใส่ใจผู้สูงอายุ
หรือสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ที่คลายความเหงาให้กับคนกลุ่มนี้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม
ในส่วนของผู้สูงวัยเองก็ควรลุกขึ้นมาสลัดความเหงาออกไปด้วยตนเองด้วย
ก็จะช่วยให้คนใกล้ชิดรู้สึกมีกำลังใจและเกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน ซึ่งกิจกรรมนำเทรนด์เก๋ๆ
สำหรับคนวัยเก๋า ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและ ใจ มีอยู่หลากหลาย แถมบางกิจกรรมยังทำเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย
ตัวอย่างเช่น
1. เที่ยวพิพิธภัณฑ์หรือเยี่ยมห้องสมุด เพราะการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด และไม่ได้จำกัดด้วยอายุ การเที่ยวพิพิธภัณฑ์และเยี่ยมห้องสมุด จึงเป็นกิจกรรมเติมความรู้ที่ให้ประโยชน์กับผู้สูงอายุสองเด้ง เด้งแรกคือช่วยให้หายเหงา เด้งสอง-ช่วยกระตุ้นสมองให้เกิดการคิด การอ่าน และการสั่งสมความรู้ใหม่ๆ ซึ่งจะส่งผลต่อการลดภาวะความจำเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ได้ดีอีกด้วย โดยผู้สูงอายุสามารถเลือกเข้าไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์หรือเยี่ยมห้องสมุดได้อย่างหลากหลาย ทั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะ โบราณคดี มรดกโลก พิพิธภัณฑ์มีชีวิต พิพิธภัณฑ์ที่จำลองชีวิตคนเมืองหรือวิถีชุมชน และห้องสมุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุดเมือง ห้องสมุดชุมชน หรือห้องสมุดโรงเรียน ซึ่งเป็นกิจกรรมนำเทรนด์ที่เหมาะกับคนวัยเก๋าอย่างมาก โดยแนะนำให้ลองไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สักเดือนละ 2-3 ครั้ง แวะอ่านหนังสือในห้องสมุดสัก 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือหากไม่สะดวก จะอ่านอยู่กับบ้านวันละ 30 นาทีก็ได้ รับรองคลายเหงาและทำให้สมองตื่นตัวดีนักแล
2. เล่นเกมพัฒนาสมอง เนื่องจากคนวัยเก๋ามักจะมีอาการหลงๆ ลืมๆ การเล่มเกมต่างๆ เช่น เกมคอมพิวเตอร์เกมในหนังสือ เกมทายคำศัพท์และตัวเลข เกมอักษรไขว้ เกมหมากรุก เกมเศรษฐี หรือแม้กระทั่งบอร์ดเกมที่กำลังอินเทรนด์ จะช่วยให้ความจำในผู้สูงอายุไม่เสื่อมง่าย พร้อมลดความเหงาและกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่นด้วย เพราะเกมเหล่านี้ต้องเล่นกันหลายๆ คน
3. ฝึกเล่นโซเชียลมีเดียและใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นกิจกรรมนำทางให้ผู้สูงอายุได้คลายเหงา และเรียนรู้ช่องทางการติดต่อสื่อสารใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น การฝึกใช้ไลน์ เฟซบุ๊ก ยูทูบ หรืออินสตาแกรม โดยลูกหลานอาจเป็นผู้ช่วยสอนหรือไปอบรมระยะสั้นๆ กับโรงเรียนที่เปิดสอน โดยกิจกรรมนี้เมื่อเล่นเป็นแล้ว จะทำให้คนวัยเก๋าสามารถสร้างสุขได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นๆ
4. เลี้ยงสัตว์หรือปลูกต้นไม้ เป็นกิจกรรมอดิเรกที่ช่วยแก้เหงา และส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับคนวัยเก๋าไปในตัว เพราะความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยงหรือต้นไม้ที่ปลูก จะช่วยให้ผู้สูงวัยรู้สึกอบอุ่น มีคุณค่า มีความจำดีขึ้น ซึ่งสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสมสำหรับคนวัยนี้ ก็เช่น สุนัข แมว ปลา นก กระต่าย ส่วนต้นไม้มีหลายชนิด โดยปัจจุบันบอนไซกำลังเป็นที่นิยม โดยทั้งสองกิจกรรม หากทำบ่อยๆ มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น อาจสามารถเพาะพันธุ์ขายสร้างรายได้ให้กับผู้สูงอายุได้อีก
5. อบรมเสริมความรู้ ด้วยการเข้าคอร์สต่างๆ เพิ่มพูนความรู้และอาชีพ ที่ใช้ระยะเวลาอบรมไม่นานนัก ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกเข้าร่วมมากมายทั้งจากภาครัฐและเอกชน เช่น การขายของออนไลน์ การตัดแต่งภาพสินค้าอย่างง่ายๆ ด้วยแอปพลิเคชั่น การตัดผม-ทำเล็บ การทำขนม หรือทำอาหาร ก็จะช่วยให้รู้สึกสนุก ตื่นตากับความรู้ใหม่ๆ และนำไปใช้ประกอบการเล็กๆ น้อยๆ ได้
6. ทำงานอาสาสมัคร นอกจากเป็นการทำประโยชน์ให้กับสังคมด้วยความรู้ความสามารถที่มีแล้ว การทำงานอาสาสมัครยังช่วยให้ผู้สูงวัยที่เกษียณอายุเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น แถมความรู้ไม่ขึ้นสนิมด้วย โดยการไปเป็นอาสาสมัครในหน่วยงานต่างๆ เพื่อสอนวิชาความรู้ตามที่ถนัด เช่น สอนงานประดิษฐ์ งานเย็บปักถักร้อย งานวาดรูป งานดนตรี งานทำอาหารหรือขนม ฯลฯ
7. สร้างอาชีพเสริม เป็นการต่อยอดจากงานอาสาสมัคร คือใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่นั่นแหละ มาสร้างอาชีพเสริมควบคู่กันไป เพราะผู้สูงอายุจำนวนมากแม้เกษียณแล้วก็ตาม แต่ยังทำงานได้อย่างกระฉับกระเฉง ดังนั้นแทนที่จะปล่อยเวลาให้เหงาๆ อยู่กับบ้าน การทำอาชีพเสริมนับเป็นกิจกรรมที่ดี เช่น การไปเป็นติวเตอร์ เป็นที่ปรึกษา เป็นล่าม เป็นผู้แปลเอกสาร หรือทำเบเกอรี เพาะพันธุ์พืชพันธุ์ไม้จำหน่าย ตลอดจนอาชีพเสริมอื่นๆ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้คลายเหงาเท่านั้น แต่ยังมีรายได้เข้ากระเป๋าเงินอีกด้วย
ดังนั้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลก ที่มีผู้สูงอายุหรือคนวัยเก๋าเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าตกใจ ก็จงอย่าละทิ้งหรือปล่อยให้ความเหงาเกาะกุมหัวใจของท่าน เพราะก่อนจะเป็นผู้สูงวัยในวันนี้ ท่านเคยเป็นวัยทำงานขับเคลื่อนสังคมสู่ความก้าวหน้าให้กับคนรุ่นหลังอย่างเรามาก่อน...
·
ข้อมูลอ้างอิง : กรมสุขภาพจิต, www.lifeline24.co.uk,
www.techsauce.co