อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ จังหวัดนครปฐม จาก "สวนสมุนไพร" ก้าวสู่ "ห้องเรียนแห่งการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน"

17 ตุลาคม 2023
|
20930 อ่านข่าวนี้
|
12

เมื่อกว่า 40 ปีก่อน “โครงการปลูกสวนสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์” ของมหาวิทยาลัยมหิดล ได้เริ่มต้นขึ้นตามความประสงค์ของศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ ดร.ณัฐ ภมรประวัติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และศาสตราจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ หัวหน้าภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์คณะเภสัชศาสตร์ในขณะนั้น ซึ่งต้องการให้มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา มี “สวนสมุนไพร” ที่เป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์พืชสมุนไพรไทยเพื่อการศึกษาและวิจัย ซึ่งในเวลาต่อมาได้รับพระราชทานชื่อสิรีรุกขชาติ” จาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานชื่อสวนสมุนไพรสิรีรุกขชาติใหม่ว่า “อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ” เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2553

บนพื้นที่ร่มรื่นเขียวขจี 140 ไร่ ของอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ (Sireeruckhachati Nature Learning Park) ซึ่งอนุรักษ์พันธุ์พืชสมุนไพรหายากในประเทศไทยที่มีมากกว่า 900 ชนิด ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งเป็นอาหารและยา ได้รับการออกแบบพื้นที่ให้เข้าถึงได้สำหรับทุกคน รวมทั้งผู้พิการและผู้สูงอายุ จนได้รับการประกาศเกียรติคุณจากมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ให้เป็น “สถานที่อารยสถาปัตย์แห่งปี 2561 ประเภทแหล่งท่องเที่ยว Friendly Design” และต่อมาในปี 2564 ได้รับการรับรองจาก Botanic Gardens Conservation International (BGCI) ให้เป็น “สวนพฤกษศาสตร์ที่มีมาตรฐานระดับสากลแห่งแรกในประเทศไทย”

พื้นที่ต่างๆ ภายในอุทยานฯ มีการจัดแสดงเรื่องราวพันธุ์พืชสมุนไพร การแพทย์แผนไทย และการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรอย่างครบวงจร โดยนำเสนอด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและหลากหลาย ตลอดจนมีกิจกรรมให้ความรู้ไปพร้อมๆ กันกับสร้างความเพลิดเพลิน สงบ ร่มรื่น และผ่อนคลายใน “พื้นที่ธรรมชาติบำบัด” ที่เต็มไปด้วยสมุนไพรนานาชนิด

  • ลานนานาสมุนไพร จัดแสดงสมุนไพรนานาชนิดที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน
  • สวนสมุนไพร พื้นที่สวนสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานฯ จัดแสดงสมุนไพรประเภทไม้ยืนต้น
  • ลานไม้เลื้อย จัดแสดงไม้เลื้อยสมุนไพรอย่างเป็นระเบียบ เพื่อความสะดวกในการศึกษาและเข้าชม
  • ลานสมุนไพรวงศ์ขิง จัดแสดงพืชวงศ์ขิงที่มีคุณค่าทางยา เช่น ขิง ขมิ้นชัน กระชายดำ
  • ลานสมุนไพรเพื่อผู้พิการและผู้สูงอายุ จัดแสดงสมุนไพรที่สามารถสัมผัส ชิมรส และดมกลิ่นได้โดยไม่เป็นอันตราย และปลูกในระดับความสูงที่เหมาะสม สอดคล้องกับการออกแบบพื้นที่เพื่อทุกคน (Universal design) สำหรับรองรับผู้คนทุกเพศ ทุกวัย และทุกกลุ่มในสังคม โดยเฉพาะผู้พิการ ผู้สูงอายุ และยังมีการออกแบบพื้นที่บริเวณนี้ให้เป็นสวนในรูปแบบของ Sensory Garden หรือสวนเพื่อการสัมผัส เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ในเด็กผ่านการใช้สัมผัสทั้งห้า (รูป รส กลิ่น เสียง และผิวสัมผัส) อีกด้วย
  • ศาลาหมอชีวกโกมารภัจจ์ ประดิษฐานรูปหล่อ “หมอชีวกโกมารภัจจ์” แพทย์ผู้มีชื่อเสียงในสมัยพุทธกาล ถือเป็นบิดาแห่งศาสตร์การแพทย์แผนไทย ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือและเป็นผู้มีคุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง
  • ลานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ จัดแสดงสมุนไพรรอบตัวเราที่รับประทานได้ เช่น กรรณิการ์ ใบเตย อัญชัน กระเจี๊ยบ
  • ห้องนิทรรศการถาวร อาคารไม้สามใบ จัดแสดงนิทรรศการถาวร “สมุนไพร ภูมิปัญญาไทยสู่สากล” ในรูปแบบ Interactive exhibition เล่าเรื่องราวความเป็นมาของแพทย์แผนไทยและสมุนไพร ตำรับยาไทย และการดูแลรักษาสุขภาพ
  • บ้านหมอยา คลินิกแพทย์แผนไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างอุทยานฯ กับสถานการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้บริการนวดรักษาในรูปแบบราชสำนัก
  • หอดูนก บริเวณชุ่มน้ำของอุทยานฯ ในช่วงเปลี่ยนฤดูจะมีนกจำนวนมาก เหมาะสำหรับเฝ้าดูและสังเกตพฤติกรรมของนก
  • พิพิธภัณฑ์พืชเภสัชพฤกษศาสตร์ เก็บรวบรวมตัวอย่างพรรณไม้แห้งมากกว่า 2,000 ตัวอย่าง เพื่อใช้เป็นตัวอย่างอิงในบทความทางวิชาการ และเป็นแหล่งเรียนรู้พืชสมุนไพรและการนำไปใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง

ปัจจุบัน “อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ” จึงเป็นมากกว่าศูนย์การเรียนรู้พืชสมุนไพร และกำลังก้าวสู่การเป็น “ห้องเรียนแห่งการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ซึ่งจะเป็นพื้นที่เชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชนและสังคมเพื่อสร้างคุณค่าและคุณประโยชน์ให้กับทุกคนในสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป

แหล่งข้อมูล:

1.      ฝ่ายจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์ มหาวิทยาลัยมหิดล www.museum.li.mahidol.ac.th

2.      อุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล www.sireepark.mahidol.ac.th

0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI