ถอดรหัสความสำเร็จ Sapporo Snow Festival จากงานท้องถิ่นสู่เทศกาลหิมะระดับโลก

30 มกราคม 2024
|
1611 อ่านข่าวนี้
|
6


ก่อนจะกลายมาเป็นเทศกาลหิมะขวัญใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติปีละกว่า 2 ล้านคน รู้หรือไม่ว่า Sapporo Snow Festival หรือเทศกาลหิมะซัปโปโร มีที่มาจากงานรูปปั้นหิมะฝีมือเด็กชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลายในซัปโปโรที่มีเพียง 6 ตัวเท่านั้นในสวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park) ซึ่งเป็นที่มาของจุดเริ่มต้นเทศกาลใน ค.ศ. 1950 มาจนถึงปัจจุบัน โดยผู้เข้าร่วมมีทั้งผู้เข้าแข่งขันประชันฝีมือสร้างงานประติมากรรมจากน้ำแข็งและหิมะ และนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเที่ยวชมงานซึ่งเต็มไปด้วยสีสันและมีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นทุกปี

กิจกรรมของเทศกาลนี้ส่วนใหญ่จะจัดขึ้นราว 1 สัปดาห์ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และสำหรับ Sapporo Snow Festival 2024 หรือเทศกาลหิมะซัปโปโร ครั้งที่ 74 นี้มีกำหนดจัดงานในวันที่ 4-11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2024 โดยมีจุดท่องเที่ยวและกิจกรรมที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้มาร่วมงาน เช่น การประกวดผลงานประติมากรรมน้ำแข็งและหิมะนานาชาติ การใช้เทคโนโลยีการฉายภาพบนพื้นผิว (Projection Mapping) และกิจกรรมที่เปิดพื้นที่ให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้เล่นและสนุกกับหิมะตลอดเทศกาล


สถานที่จัดเทศกาล

กิจกรรมทั้งหมดจะเกิดขึ้นใน 3 สถานที่หลัก ได้แก่ 


1. สวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park)จัดแสดงประติมากรรมหิมะขนาดต่าง ๆ ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ บนเส้นทางยาว 1.5 กิโลเมตร รวมถึงประติมากรรมหิมะของชาวซัปโปโร


2. ย่านซุซุกิโนะ (Susukino) ย่านบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในทางตอนเหนือของญี่ปุ่น จัดแสดงประติมากรรมน้ำแข็งและการประกวดประติมากรรมน้ำแข็ง รวมทั้งมีการประดับไฟถนนอิลลูมิเนชัน


3. สึโดมุ หรือสึโดม (Tsudome) ลานกิจกรรมอเนกประสงค์ของเมืองซัปโปโร ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์การเล่นหิมะที่แท้จริงของฮอกไกโด สนุกไปกับสไลเดอร์ ล่องแก่งหิมะ บูทอาหาร และพื้นที่พักผ่อน




เหตุผลที่ทำให้ Sapporo Snow Festival ประสบความสำเร็จ

จากเมืองที่มีเพียงหิมะในฤดูหนาว หากพิจารณาเหตุผลที่ทำให้ Sapporo Snow Festival ประสบความสำเร็จ กล่าวได้ว่าประกอบด้วยหลายปัจจัยสำคัญ ได้แก่


1. “มีแนวคิดเป็นเอกลักษณ์ ใส่ความคิดสร้างสรรค์”
จากที่มาที่เรียบง่าย สะท้อนวิถีชีวิต สอดคล้องกับสภาพอากาศ ชาวเมืองได้เปลี่ยนวิกฤตความหนาวเป็นโอกาสด้วยการจัดแสดงประติมากรรมน้ำแข็งและหิมะหลากหลายขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ให้ความสำคัญกับงานฝีมือที่ประณีต เชื่อมโยงกับประเด็นหรือเรื่องราวที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่สนใจ เช่น ผลงาน “Gulliver, Welcome to Sapporo” ค.ศ. 1972 ประติมากรรมใหญ่ที่สุดที่ใช้รถบรรทุกหิมะถึง 1,300 คัน เพื่อสร้างงานสูง 25 เมตร เปิดตัวไปทั่วโลกพร้อมกับโอลิมปิกฤดูหนาว ซึ่งทำให้เทศกาลนี้ได้รับความสนใจนับแต่นั้นมา


2. “สร้างความเป็นสากลให้แก่เทศกาล”
ไม่ใช่ทุกเมืองจะสามารถจัดเทศกาลหิมะได้ประสบความสำเร็จ แต่ Sapporo Snow Festival ทำได้ด้วยกลยุทธ์การมีส่วนร่วมระดับนานาชาติ เชิญศิลปินและทีมงานจากทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขันประติมากรรมน้ำแข็งและหิมะ ช่วยเพิ่มความหลากหลายของการเล่าเรื่อง สร้างกระแสร่วมลุ้นผลการแข่งขัน นำมาสู่การเดินทางมาเที่ยวชม โดยประเทศไทยได้เป็นหนึ่งในทีมผู้เข้าร่วมแข่งขัน ทั้งยังได้แชมป์แกะสลักหิมะมาหลายยุค รวมถึงคว้าแชมป์ในการแข่งขันแกะสลักหิมะ Sapporo International Snow Sculpture ครั้งที่ 47 ค.ศ. 2020 ด้วยผลงานที่สะท้อนการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ชื่อ “เต่าทะเล”


3. “มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องและจริงจัง”
ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องและจริงจังเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ พัฒนาต่อยอดในฐานะเทศกาลประจำปีและประจำภูมิภาค ตั้งแต่แคมเปญโฆษณาและการร่วมมือกับตัวแทนการท่องเที่ยว ไปจนถึงการพัฒนาและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับเทศกาล เช่น การจัดหาน้ำแข็งและหิมะสำหรับประติมากร การจัดเตรียมสถานที่จัดงาน การจัดการระบบการเดินทางและความปลอดภัย รวมสร้างรายได้ 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตามข้อมูลจากบทความเผยแพร่ ค.ศ. 2023 ใน lestacworld.com ช่องทางการจองด้านการท่องเที่ยวออนไลน์) ให้กับเมืองซัปโปโรและพื้นที่ใกล้เคียง 


4. “ส่งผลดีรอบด้านที่เชื่อมโยงกับแนวคิดความยั่งยืน” 
นอกจากส่งผลดีด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจในท้องถิ่น ทำให้โรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าได้รับประโยชน์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในระหว่างงานแล้ว เทศกาลนี้ยังส่งผลดีในอีกหลายแง่มุม เช่น ผลดีด้านการคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม โดยเฉพาะเทศกาลฤดูหนาว ผ่านอาหาร ดนตรี งานหัตถกรรม, ผลดีด้านสังคม ทำให้เกิดชุมชนและความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชม ที่เมื่อเกิดความประทับใจก็อาจทำให้ตัดสินใจมาเที่ยวเทศกาล เที่ยวเมืองซัปโปโร หรือภูมิภาคฮอกไกโดในอีกหลายโอกาส, ผลดีด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อแหล่งน้ำ เนื่องจากหิมะที่ถูกขนมายังเทศกาลเมื่อละลายจะกลายเป็นแหล่งน้ำอีกครั้ง และผลดีด้านการเรียนรู้และส่งต่อความรู้ ทั้งจากการเที่ยวชมภาพรวมงาน ผลงานประติมากรรม เวิร์กชอปในแง่มุมการออกแบบ ศิลปะ และความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นภายในงาน



เมื่อเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อเนื่องแล้ว ยังทำให้เกิดความร่วมมือกันทั้งในระดับท้องถิ่นและภาครัฐบาล นำไปสู่การปรับปรุงประสบการณ์สำหรับผู้มาเยี่ยมชมเทศกาล ซึ่งสามารถเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการขายพิเศษ ส่วนลด หรือสิ่งจูงใจอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงปีหลังสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดโควิด 19 และแม้ตอนที่อยู่ในช่วงเกิดการระบาดหนัก ทางผู้จัดยังคงส่งต่อความตั้งใจ ถ่ายทอดความงามของหิมะในรูปแบบเทศกาลออนไลน์ “Online Sapporo Snow Festival 2021 - Everyone’s Snow Fest” ทาง online.snowfes.com ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์การจัดเทศกาลหิมะซัปโปโรและของเทศกาลฤดูหนาวแดนอาทิตย์อุทัย



#SnowFestival #Sapporo #Hokkaido #Japan #CreativeEconomy #Sustainability #เทศกาลหิมะ #ซัปโปโร #ฮอกไกโด #ญี่ปุ่น #เศรษฐกิจสร้างสรรค์ #ความยั่งยืน


ข้อมูลอ้างอิง : 

www.snowfes.com
lestacworld.com
piece-of-japan.com 
www.tatnews.org 
www.sapporo.travel 
www.mushroomtravel.com


ภาพอ้างอิง : 
www.jnto.or.th 
www.tatnews.org




บทความใกล้เคียง
ดูบทความทั้งหมด
ไซบอร์กแห่งปี 2025
27 มิถุนายน 2025
588 0
0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI