แนวทางการเรียนรู้ด้านการเงินรอบโลก
เพราะเหตุใดหลายประเทศจึงมีความรู้การเงินและวินัยการเงินที่แข็งแกร่ง ภาครัฐและผู้คนถ่ายทอดความรู้และส่งต่อวัฒนธรรมทางการเงินอย่างไรให้พลเมืองของประเทศ เป็นเหตุผลให้การส่งต่อความรู้ถูกถอดบทเรียนทั้งจากระบบการศึกษาและบริบททางสังคมที่ต่างกัน
‘เดนมาร์ก-สวีเดน-นอร์เวย์’ ความรู้ด้านการเงินแข็งแรง
อันดับ 1 ร่วมกันของ 3 ประเทศชั้นนำในกลุ่มประเทศยุโรป
จากการสำรวจทั่วโลกของ Standard & Poor's Ratings Services Global Survey ที่นำเสนอโดยนิตยสาร World Excellence กันยายน ค.ศ. 2023 ตอกย้ำว่าเดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดนอยู่ในอันดับสูงสุดในรายชื่อประเทศที่มีความรู้การเงินมากที่สุดอย่างน่าติดตาม ตามด้วยประเทศอันดับรองลงมา
เดนมาร์ก
มีมาตรฐานการครองชีพสูงและให้ความสำคัญกับการศึกษาทางการเงิน ด้วยความรู้มากถึง 71% ดังนั้นจึงมีส่วนแบ่งอันดับหนึ่งร่วมกับนอร์เวย์และสวีเดนในกลุ่มประเทศยุโรป และจากข้อมูลของ Tell Us ครัวเรือนเดนมาร์กมักมีสินทรัพย์ขนาดใหญ่แม้ว่าจะมีหนี้ผู้บริโภคในระดับสูง พนักงานเตรียมพร้อมที่จะคิดถึงการเงินในอนาคตของตน เพราะพวกเขาได้รับแผนเงินบำนาญที่คิดเป็นระหว่าง 10-15% ของเงินเดือนและดอกเบี้ยค้างรับที่ชวนให้ตื่นตัว
สวีเดน
ด้วยการผสมผสานระหว่างสวัสดิการของรัฐและความรับผิดชอบส่วนบุคคลของประชากรในประเทศ ชาวสวีเดนจึงรอบรู้เรื่องการเงิน ทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความรู้ทางการเงินชั้นนำสูงสุด ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นความสามารถที่เป็นผลมาจากระบบการศึกษาที่บูรณาการหัวข้อความรู้ทางการเงิน การให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมเกี่ยวกับการออมและความประหยัด และความคิดริเริ่มของรัฐบาลในการส่งเสริมการศึกษาทางด้านการเงินให้กับพลเมือง
นอร์เวย์
เช่นเดียวกับทั้ง 2 ประเทศ นอร์เวย์โดดเด่นในฐานะสัญลักษณ์แห่งความรู้ทางการเงินในระดับโลก มีรากฐานมาจากกรอบการศึกษาที่แข็งแกร่ง แนะนำแนวคิดทางการเงินมาตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อรวมกับวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายและการออมอย่างรอบคอบ ชาวนอร์เวย์จึงมีความพร้อมในการนำทางทางการเงิน ความไว้วางใจในระบบธนาคารที่โปร่งใสและประชากรที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัลช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับความเฉียบแหลมทางการเงิน
‘แคนาดา-อิสราเอล-สหราชอาณาจักร-เนเธอร์แลนด์’
เกาะกลุ่มอันดับต้นการเรียนรู้ด้านการเงิน
จากการสำรวจเดียวกันในหัวข้อประเทศที่มีความรู้การเงินมากที่สุด นอกจาก 3 อันดับแรกจากประเทศในยุโรปเหนือแล้ว ในอันดับถัดมาเราได้เห็นความแตกต่างและหลากหลายของประเทศมากขึ้น บางอันดับเป็นประเทศที่หลายคนอาจคิดไม่ถึง ท่ามกลางบริบทการสอนและการเรียนรู้ที่สามารถนำมาปรับใช้
แคนาดา
อีกหนึ่งประเทศที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อนำเรื่องการเงินมาเป็นกรณีศึกษา เพราะแคนาดาเป็นประเทศที่มีการเรียนการสอนเรื่องการเงินมาตั้งแต่เนิ่นๆ โดยมีหลายโปรแกรมที่มุ่งเป้าไปที่การให้ความรู้เยาวชนโดยตรง ด้วยการจัดทำแผนวิจัยแห่งชาติความรู้ทางการเงิน แน่วแน่ที่จะแก้ไขปัญหาความรู้ทางการเงินที่ลดลง เพื่อเพิ่มความรู้ให้มากขึ้น ซี่งนับได้เป็นโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีประสิทธิภาพจากระดับความรู้ที่วัดได้ถึง 68%
อิสราเอล
แม้จะมีจุดแข็งหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและการเป็นผู้ประกอบการ แต่อิสราเอลยังไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นประเทศที่มีความรู้ทางการเงินอันดับต้น ในลักษณะเดียวกับนอร์เวย์หรือสวีเดน อย่างไรก็ดีคะแนนของอิสราเอลยังคงอยู่ในอันดับสูงโดยมีความรู้ด้านการเงินถึง 68% ที่ผันผวนไปตามกลุ่มประชากรที่แตกต่างกัน ทั้งยังกล่าวได้ว่าเศรษฐกิจที่มีพลวัตและการมุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมทำให้ความรู้ทางการเงินมีความสำคัญเป็นอันดับแรกสำหรับอิสราเอล
สหราชอาณาจักร
สหราชอาณาจักรได้รวมการศึกษาด้านการเงินไว้ในหลักสูตรของโรงเรียน เพื่อให้มั่นใจว่าคนรุ่นใหม่มีความรู้พื้นฐานด้านการจัดการเงิน การออม และการลงทุนที่ควรมี เสริมด้วยการเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรทางการเงินดิจิทัล และกรอบการกำกับดูแลที่เน้นความโปร่งใสและการคุ้มครองผู้บริโภคที่ผู้คนให้ความสำคัญในเวลานี้ มีโครงการต่างๆ ที่ริเริ่มโดยรัฐบาลและองค์กรพัฒนาเอกชนที่ยังคงทำงานต่อเนื่องเพื่อให้พลเมืองของประเทศมีความพร้อมที่จะตัดสินใจด้านการเงิน
เนเธอร์แลนด์
ชาวดัตช์มีชื่อเสียงด้านนิสัยทางการเงินที่รอบคอบ สะท้อนจากคะแนนที่ได้จากการสำรวจนี้ โรงเรียนในเนเธอร์แลนด์ผสมผสานการศึกษาทางการเงินเข้ากับหลักสูตร วางรากฐานการจัดการเงินอย่างชาญฉลาดตั้งแต่วัยเด็ก ให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและการคุ้มครองผู้บริโภคในการบริหารประเทศ แสดงให้เห็นผ่านกฎระเบียบด้านการธนาคารและการเงินที่เข้มงวด ส่งเสริมความไว้วางใจและการตัดสินใจด้วยข้อมูลรอบด้านให้กับประชาชน นอกจากนี้ ชาวดัตช์ยังได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานธนาคารดิจิทัลขั้นสูง มีทรัพยากรทางการเงินที่ครอบคลุม และมีวัฒนธรรมความประหยัดและการออม
มองแนวทางการเรียนรู้ด้านการเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากการศึกษาใหม่โดย Milieu Insight ที่เผยแพร่ผ่านบทความ New study highlights financial literacy gap in Southeast Asia ทาง Tech Day มีนาคม ค.ศ. 2024 เผยให้เห็นถึงแนวทางปฏิบัติทางการเงินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการปรับปรุงความรู้ทางการเงินและการริเริ่มการวางแผนที่ครอบคลุมในพื้นที่ ที่ได้ดำเนินการใน 6 ตลาด โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 3,000 คน ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์
ผลการวิจัยพบว่าชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 43% มีเงินออมเพียง 10% เท่านั้นจากรายได้ที่สร้างมา และมากกว่าครึ่งคิดเป็น 54% ไม่ได้มีการลงทุนอย่างจริงจัง บ่งชี้ว่าอาจพลาดช่องทางการสะสมความมั่งคั่งและโอกาสในการเติบโตทางการเงินในโลกยุคนี้ ขณะเดียวกันในแง่การรับรู้ถึงความสำเร็จ รายงานยังแสดงให้เห็นว่าความมั่นคงทางการเงินและการออมเพื่อการเกษียณที่เพียงพอเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญ รองจากการรักษาสุขภาพที่ดี สะท้อนผ่านผู้ตอบแบบสอบถาม 52%
ขณะเดียวกันสัญญาณเชิงบวกจากรายงานนี้คือการเปิดกว้างของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ชัดเจนต่อคำแนะนำทางการเงินอย่างมืออาชีพ ซึ่ง 60% ระบุว่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น โดยมีผู้ลงทุนพึ่งพาที่ปรึกษาเป็นแหล่งคำแนะนำอันดับต้นถึง 49% แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญในกระบวนการตัดสินใจทางการเงิน
สิงคโปร์ ประเทศที่มีความรู้การเงินมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากผลสำรวจเดียวกันสิงคโปร์นับเป็นผู้นำในด้านการลงทุนเชิงรุก โดยชาวสิงคโปร์ 59% ลงทุนเงินของตนเทียบกับค่าเฉลี่ย 46% ทั่วทั้งภูมิภาค ที่มีหุ้น แผนเงินฝากประจำ และกองทุนรวมกลายเป็นพื้นที่การลงทุนชั้นนำสำหรับภูมิภาคนี้ ขณะเดียวกันสิงคโปร์ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ทางการเงินชั้นดี ที่มีองค์ประกอบหลายปัจจัย
- การเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก : หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระบบนิเวศทางการเงินการลงทุนเกิดความคึกคัก
- การมีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการเรียนรู้ : อย่างห้องสมุด ห้องปฏิบัติการ เทคโนโลยีทันสมัย ไปจนถึงทุนสนับสนุน
- การมีนโยบายส่งเสริมการเรียนรู้ : รัฐบาลมุ่งมั่นกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีนโยบายส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ดังนั้นเพื่อที่จะก้าวให้ทันความรู้และไม่พลาดโอกาสด้านการเงินและการลงทุน ประเทศไทยสามารถเรียนรู้จากความสำเร็จของนานาประเทศและนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับบริบบท ที่ไม่ควรรอช้าในเวลานี้ แต่ต้องเร่งลงมือทำ
ข้อมูลอ้างอิง :
- cambridge.org
- cmotech.asia
- epale.ec.europa.eu,
- worldexcellence.com
- The Knowledge by okmd vol.35

