ยุค AI ที่ทำให้ ‘ข้อมูลอาหารล้น’ ส่งผลมุมบวกกับเราทุกคนอย่างไร
ข้อมูลล้นเกินยุค AI อาจสร้างอุปสรรค แต่สำหรับด้านความมั่นคงทางอาหาร ข้อมูลมหาศาลเท่ากับโอกาส และในด้านสุขภาพ ข้อมูลขนาดใหญ่คือทางป้องกันและแก้ไข ชวนคุณมองข้อมูลอาหารที่กำลังล้นเกินในมุมใหม่ท่ามกลางโอกาสและความท้าทายสำคัญ
- ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์แนวโน้มและคาดการณ์คลังอาหาร ในแง่มุมสภาพอากาศ ผลผลิต ที่ตั้ง และเป้าหมาย ช่วยให้เราวางแผนการผลิตและจัดเก็บอาหารในคลังได้ อย่างเหมาะสมเพียงพอต่อความต้องการในอนาคตได้จริง
- ใช้ AI ช่วยการจัดการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อจัดการหรือติดตามตั้งแต่การผลิต การขนส่ง การจัดเก็บในคลัง ไปจนถึงการลดการสูญเสีย ช่วยให้ทุกขั้นตอนดำเนินไปอย่างชาญฉลาด ถูกวิธี เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นได้จริง
- Sencrop คือ หนึ่งตัวอย่างที่เชื่อมโยงได้ ในฐานะสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีเกษตรฝรั่งเศส ที่ให้บริการสถานีตรวจอากาศและเซ็นเซอร์ที่ง่ายแก่การตรวจสอบและจัดการพืช ช่วยลดความเสียหายก่อนถึงเวลาเก็บเกี่ยว ทำได้ผลผลิตใกล้เคียงความต้องการ
2. ข้อมูล ‘ด้านการกินและสุขภาพ’ ที่กำลังล้น ช่วยให้เราดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้นด้วยการกินดี
ประเด็นการกินดีที่ถูกกล่าวถึงเป็นประจำในโลกออนไลน์ ได้กลายมาเป็นเทรนด์ที่ช่วยผลักดันให้เกิดการปรับพฤติกรรมของผู้บริโภคในเวลานี้ อย่างไรก็ดี เราสามารถคัดกรองข้อมูลที่ต้องการอย่างแท้จริงด้วย AI
- ใช้ AI เข้าถึงและเปรียบเทียบข้อมูลคุณค่าและความปลอดภัยของอาหาร จากแหล่งข้อมูลจำนวนมาก เราสามารถสร้างคำสั่งให้ AI จัดอันดับเปรียบเทียบ ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพื่อใช้คู่กับองค์ความรู้เดิมที่มีได้
- ใช้ AI ช่วยวางแผนมื้ออาหารเพื่อป้องกันโรค NCDs ดีต่อร่างกาย การรณรงค์ลดโรค NCDs ในโลกออนไลน์ทำให้เกิดพฤติกรรมการกินใหม่ เช่น ลดเค็ม ลดน้ำตาล กินปริมาณเหมาะสม ซึ่ง AI เข้ามาช่วยวางแผนได้
- SNAQ เป็นอีกหนึ่งในตัวอย่างการใช้ AI สนับสนุนการกินดี นั่นคือ เครื่องมือติดตามโรคเบาหวานที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้การจัดการโรคเบาหวานเป็นเรื่องง่ายด้วยการนับคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันผ่านภาพเพียงภาพเดียว
3. ข้อมูล ‘ด้านโอกาสเข้าถึงอาหารในกลุ่มเปราะบาง’ ที่มีเพิ่มมากขึ้น ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม
กลุ่มเปราะบางหมายถึงกลุ่มคนที่ขาดแคลนหรือเข้าถึงอาหารได้ยาก เช่น ผู้ยากไร้ ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ประสบภัย การได้รับรู้ข้อมูลของคนกลุ่มนี้ที่บ่อยขึ้น ช่วยกระตุ้นการนำ AI มาใช้แก้ปัญหาและยกระดับคุณชีวิต
- ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลประชากร เศรษฐกิจ และปัจจัยอื่นๆ โดยปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาพอากาศ พิกัดที่ตั้ง ภูมิประเทศ เพื่อระบุพื้นที่และกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการขาดแคลนอาหารได้แม่นยำมากขึ้น
- ใช้ AI ช่วยกระจายอาหารเมื่อเกิดภัยพิบัติ โดยใช้วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุพื้นที่ขอความช่วยเหลือเร่งด่วน และช่วยวางแผนกระจายอาหารให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ติดตามแบบเรียลไทม์ ตรวจสอบได้ทันที
- โครงการ World Food Programme (WFP) คือ หนึ่งตัวอย่างที่มุ่งมั่นนำหุ่นยนต์ AI มาใช้จัดส่งอาหารในพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติและความขัดแย้ง มอบให้แก่ผู้ประสบภัย และขจัดอุปสรรคในการกระจายอาหาร
4. ข้อมูล ‘ด้านขยะอาหาร’ ท่วมจอ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
ขยะอาหารเป็นหนึ่งปัจจัยในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คิดเป็น 8-10% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก (ข้อมูลจาก unep.org) ซึ่งเมื่อนำ AI มาใช้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซที่ส่งผลเสียและลดการสร้างขยะเพิ่มในชีวิตประจำวัน
- ใช้ AI ช่วยประเมินสถานการณ์การตลาดไว้ล่วงหน้า ตั้งแต่ความต้องการซื้อในกลุ่มเป้าหมายหลักไปจนถึงวิธีการกระตุ้นให้เกิดความต้องการในกลุ่มเป้าหมายที่รองลงมาเพื่อคำนวณสำหรับกระบวนการผลิตและการแข่งขัน
- ใช้ AI ช่วยลดขยะอาหารในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่ช่วยประเมินปริมาณวัตถุดิบให้แม่นยำขึ้น เลือกวิธีขนส่งและจัดเก็บ ติดตามคุณภาพอาหารก่อนหมดอายุเพื่อบริหารจัดการไปจนถึงจัดการขยะอย่างรู้วิธี
- Binit สตาร์ทอัพจากฟินแลนด์ เป็นตัวอย่างน่าสนใจจากการคิดวิธีลดขยะในครัวเรือนโดย AI แบบเกม ให้รู้ว่าเราสร้างมากแค่ไหน กี่ประเภท จากการระบุวัตถุไปจนถึงการวิเคราะห์องค์ประกอบ เช่น วัสดุ เทคนิคการผลิต และแบรนด์
ในภาพรวมข้อมูลที่ล้นเกินในยุค AI กำลังทำให้อุตสาหกรรมอาหารเปลี่ยนแปลง ซึ่งเมื่อลองมองกลับมาพิจารณารอบด้าน การมองเห็นในมุมบวกจะนำไปสู่โอกาสที่ได้เปรียบคู่แข่ง ทั้งยังนำไปสู่การจัดการทรัพยากรที่คุ้มค่าและยั่งยืนได้จริง
อ้างอิง :
- forbes.com
- bangkokbankinnohub.com
- causeartist.com
- tech.eu
- www.okmd.or.th/knowledge/The Knowledge vol.38

