จริยธรรมและกฎหมายดิจิทัลเพื่อการใช้งาน AI
ในโลกยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก โดยเฉพาะในบริบทของ “ทรัพย์สินทางปัญญา” ของสิ่งที่เกิดมาใหม่และไม่เคยเห็นหรือทำมาก่อน โดยระบบกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาประเภทต่างๆ ได้แก่ ลิขสิทธิ์ (Copyright) สิทธิบัตร (Patent) เครื่องหมายการค้า (Trademark) และความลับทางการค้า (Trade Secret) เป็นกฎหมายคุ้มครองที่มีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน แล้วแต่ว่าผู้ยื่นจะยื่นจดอะไร และเข้าเงื่อนไขใด
ระบบกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา
ระบบกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาสามารถมีอยู่หลายรูปแบบ
แต่รูปแบบที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่
1. ลิขสิทธิ์ (Copyright) ได้รับการคุ้มครองโดยทันทีไม่ต้องจดทะเบียน
2. สิทธิบัตร (Patent) ต้องยื่นขอจดทะเบียน สิ่งประดิษฐ์ใหม่
มีขั้นตอนการประดิษฐ์ที่ซับซ้อน และประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมได้
โดยให้ความคุ้มครองการประดิษฐ์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ และกระบวนการในการทำงาน
3. เครื่องหมายการค้า
(Trademark) ให้การคุ้มครองเครื่องหมายทางการค้าที่ยื่นจดทะเบียนแล้วเป็นหลัก
โดยคุ้มครองเพื่อจำแนกความแตกต่างของสินค้าที่ไม่มีการลักษณะต้องห้ามทางกฎหมาย
และไม่เหมือนเครื่องหมายของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้ การคุ้มครองมีระยะเวลา 10 ปี หากหมดอายุสามารถต่ออายุได้
4. ความลับทางการค้า (Trade Secret) ให้การคุ้มครองข้อมูลทางการค้าที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป
ซึ่งมีประโยชน์เชิงพาณิชย์ จะได้รับการคุ้มครองตราบเท่าที่ยังไม่ได้จดทะเบียน เช่น
สูตรอาหาร สูตรยา เป็นต้น
เทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อระบบกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา
Metaverse เป็นโลกที่หลายๆ
บริษัท IT ให้ความสนใจ มีความท้าทายในการพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ
ซึ่งจะให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่อีกโลก ที่เรียกว่าโลกเสมือนจริง
ยกตัวอย่างเกมที่เป็นแนว Open world ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้วจะสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในเกมที่เล่นด้วยกัน
เช่น การเดินเล่นในเกม การทำภารกิจภายในเกมร่วมกัน เป็นต้น Metaverse อาจแฝงการทำธุรกิจร่วมด้วย เช่น การที่ผู้ใช้ลงมือสร้างอะไรบางอย่าง หรือสร้างสินค้าต่างๆ
ที่เกิดการขายภายในโลกเสมือนจริงได้ ยังต้องพิจารณากันต่อไปว่าในแง่ของ
กฎหมายลิขสิทธิ์ว่าลิขสิทธิ์ของสิ่งนั้นเป็นของผู้สร้างสินค้า
หรือเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของที่เป็นผู้สร้างโลกเสมือน ซึ่งในบริบทของกฎหมายลิขสิทธิ์
มิได้ครอบคลุมถึงสิ่งของที่เกิดขึ้นจากการประดิษฐ์ แต่คุ้มครองงานสร้างสรรค์ เช่น วรรณกรรม
นาฎกรรม ศิลปกรรม ฯลฯ.
คุ้มครองชิ้นงานที่เกิดจากความคิดความพยายามทำอย่างอุตสาหะ จนเกิดคุณค่า
ทางศิลปกรรม ทางวรรณกรรม หรือทางต่างๆ แต่ไม่คุ้มครอง กรรมวิธี ระบบ แนวความคิด หรือ
หลักการ ทั้งนี้สิ่งของที่สร้างสรรค์ในโลกเสมือนจริง อาจจะต้องพิจารณาว่า เข้าข่ายการคุ้มครองของทรัพย์สินทางปัญญาประเภทลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรการประดิษฐ์
แต่เนื่องจากเป็นโลกเสมือนจึงเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนว่าน่าจะมีโอกาสน้อยในการเข้าเงื่อนไขสิทธิบัตรการประดิษฐ์
แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาให้ถูกประเภทงาน หากเป็นงานสร้างสินค้า (ในโลกเสมือน) ก็ต้องมาพิจารณาต่อว่าจะเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาประเภทใดต่อไป
Social Media ซึ่งเป็นช่องทางการมีการเผยแพร่คอนเทนต์ หากมีการนำคอนเทนต์อันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นมาใช้โดยการไม่ขออนุญาต
หรือทำการดัดแปลงคอนเทนต์เพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ จะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์ได้เช่นกัน
การเก็บข้อมูลที่ใช้กับ Generative AI หากไม่ได้รับการยินยอมจากเจ้าของในการเก็บข้อมูลไว้ในระบบ บริษัทจะไม่สามารถนำข้อมูลนั้นมาเก็บไว้ได้
ไม่เช่นนั้นจะถือว่าละเมิดทุกกรณี ในส่วนของผลลัพธ์ ผู้สร้างถือเป็นคนเจ้าของสิทธิ์
แต่ทางบริษัท Open AI มีสิทธินำผลลัพธ์ไปใช้ต่อได้หรือไม่นั้น ยังคงเป็นประเด็นพิจารณา
ปัจจุบัน output หรือผลลัพธ์ของงานสร้างสรรค์โดย
Generative AI ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าในประเด็นเหล่านี้คือ
1. ผลลัพธ์นั้นมีลิขสิทธิ์หรือไม่ เนื่องจากผู้สร้างสรรค์มิใช่มนุษย์
2. ผู้สร้างสรรค์โดยมนุษย์ ที่ส่งคำสั่ง prompt เข้าไปในระบบ
AI ถือว่ามีวิริยะอุตสาหะ ในการพยายามสร้างสรรค์หรือไม่ และ
3. บริษัทเจ้าของ AI มีสิทธิ์ในงานที่มีผู้พิมพ์คำสั่งหรือไม่
ซึ่งได้มีแนวทางการตัดสินหลายแนวที่แตกต่างกันตามแต่ละประเทศ เช่น จีน และ USA
ในปัจจุบัน
AI ยังถูกพัฒนาอยู่ต่อเรื่อยๆ จากการสร้างได้เพียง “ข้อความ” และ “ภาพนิ่ง” แต่หลังจากนี้ สามารถใช้ AI
ในการสร้างภาพเคลื่อนไหว และเสียงมากยิ่งขึ้น
AI ที่สร้างผลลัพธ์ใหม่จากลิขสิทธิ์ของผู้อื่น
เช่นกรณีตัวอย่างการนำเนื้อร้องของศิลปินนักร้องมาพิมพ์คำสั่ง Prompt ใน AI ให้ Generate ภาพ
ลิขสิทธิ์ของภาพภาพที่ได้จาก AI อาจจะไม่ใช่ของเรา
และอาจจะถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะใช้ข้อมูลนำเข้าที่เราไม่ได้สร้างเอง
อย่างไรก็ดี ในบางกรณีอาจมีการพิจารณาในหลักการ Fair use คือการนำเอางานอันมีลิขสิทธิ์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านอื่น ที่ไม่แข่งขัน หรือส่งผลกระทบต่อเจ้าของลิขสิทธิ์เดิม อาจจะยังสามารถทำได้ ในปัจจุบัน ยังมีแนวทางการตัดสินหลายแนว แต่ทั้งนี้ยึดหลัก การใช้งาน Fair use เช่น โปรแกรม Turnitin มีการรวบรวม publication จากหลากหลายผู้ตีพิมพ์ (อันมีลิขสิทธิ์) แต่เอาไปใช้เพื่อตัดสินเรื่องการคัดลอกวรรณกรรม ถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์ในด้านอื่น และไม่ได้ทำซ้ำหรือดัดแปลง วรรณกรรมที่ผู้แต่งสร้างสรรค์บทความต่างๆ ไว้ และตัวอย่างที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันคือ ภาพของตัวเราใน Instagram การที่ภาพปรากฎอยู่ที่หน้า Feed ของผู้ติดตาม เป็นเพราะบริษัท Meta นำภาพของเราไปใช้ต่อ เพื่อทำให้ภาพของเราขึ้น Feed ของผู้ติดตามได้
กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวบุคคล
พ.ศ. 2562 (PDPA)
วัตถุประสงค์เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน ที่สามารถระบุได้ทั้งจากทางตรง
และทางอ้อม ตัวอย่างข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์,
อีเมล, Line ID, รายละเอียดธนาคาร, บัญชีผู้ใช้เว็บไซต์, ลายนิ้วมือ, ใบหน้า และเสียง เป็นต้น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวบุคคลมีประกาศใช้เมื่อวันที่
28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 และผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ
ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565
เพื่อควบคุม พัฒนาและใช้ในการดูแลความปลอดภัยให้เป็นไปตามจริยธรรม
และไม่ละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น
พระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
พ.ศ. 2562
วัตถุประสงค์ในการป้องกันระบบเครือข่าย
ข้อมูล และโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลจากภัยคุกคามต่างๆ
ซึ่งในประเทศไทยกำหนดให้มีหน่วยงานที่สำคัญทางสารสนเทศ (Critical
Information Infrastructure: CII) อย่างเข็มงวด
มีผลบังคับใช้ วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 โดยมีการแบ่งระดับภัยไซเบอร์เป็น 3 ระดับ คือ ระดับไม่ร้ายแรง
ระดับร้ายแรง และระดับวิกฤติ พร้อมให้อำนาจรัฐในการสั่งการหรือระงับเหตุทันที
เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกควบคุมหรือใช้ข้อมูลไปในทางที่ผิดที่เสียหายจนเกินเหตุ
กม.ลิขสิทธิ์ มิได้ครอบคลุมถึงสิ่งของที่เกิดขึ้นจากการประดิษฐ์ แต่คุ้มครองงานสร้างสรรค์ เช่น วรรณกรรม นาฎกรรม ศิลปกรรม ฯลฯ. คุ้มครองชิ้นงานที่เกิดจากความคิดความพยามทำอย่างอุตสาห จนเกิดคุณค่า ทางศิลปกรรม ทางวรรณกรรม หรือทางต่างๆ แต่ไม่คุ้มครอง กรรมวิธี ระบบ แนวความคิด หรือ หลักการ ทั้งนี้สิ่งของที่สร้างสรรค์ในโลกเสมือนจริง อาจจะต้องพิจารณาว่า เข้าข่ายการคุ้มครองของทรัพย์สินทางปัญญาประเภทใด ลิขสิทธิ์ หรือ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ แต่ เนื่องจากเป็นโลกเสมือน ผมคิดว่า การเข้าเงื่อนไขสิทธิบัตรการประดิษฐ์ น่าจะมีโอกาสน้อย
แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาให้ถูกประเภทงาน หากเป็นงานสร้างสินค้า(ในโลกเสมือน) จะหมายถึง ทรัพย์สินทางปัญญาประเภทใด
ประเด็นนี้มีหลักการ Fair use
คือการนำเอางานอันมีลิขสิทธิ์ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในด้านอื่น ที่ไม่แข่งขัน
หรือส่งผลกระทบต่อเจ้าของลิขสิทธิ์เดิม อาจจะยังสามารถทำได้ ในปัจจุบัน
ยังมีแนวทางการตัดสินหลายแนว แต่ทั้งนี้ยึดหลัก การใช้งาน Fair use เช่น โปรแกรม TurnItIn มีการรวบรวม publication จากหลากหลายผู้ตีพิมพ์ (อันมีลิขสิทธิ์)
แต่เอาไปใช้เพื่อตัดสินเรื่องการคัดลอกวรรณกรรม
ถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์ในด้านอื่น และไม่ได้ทำซ้ำหรือดัดแปลง
วรรณกรรมที่ผู้แต่งสร้างสรรค์บทความต่างๆไว้
ปัจจุบัน output หรือผลลัพธ์ของงานสร้างสรรค์โดย Generative AI ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า
1. มีลิขสิทธิ์หรือไม่
เนื่องจากผู้สร้างสรรค์มิใช่มนุษย์
2. ผู้สร้างสรรค์โดยมนุษย์ ที่ส่งคำสั่ง prompt เข้าไปในระบบ AI ถือว่ามีวิริยะอุตสาห
ในการพยายามสร้างสรรค์หรือไม่?
3. บริษัทเจ้าของ AI มีสิทธิ์ในงานที่มีผู้พิมพ์คำสั่งหรือไม่
หมายเหตุ :
OKMD Career Bootcamp 2025 Season 2
สามารถชม Live ย้อนหลังหรือทบทวนบทเรียนได้ที่ :
ครั้งที่ 1 AI Image : https://www.youtube.com/watch?v=Uut7TA1My3k&t=14s
ครั้งที่ 2 AI Media : https://www.youtube.com/watch?v=NLiLvAk5Ung
ครั้งที่ 3 Digital Ethics & Laws : https://www.youtube.com/watch?v=-Sc2eAQyYEM

