5 มิติพลิกโฉมวงการศิลปะและวัฒนธรรม ในวันที่ AI มาเยือน

ในวันที่ ‘AI’ หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันในนวนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป แต่เกิดขึ้นจริงและได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกอย่างมากมาย ศิลปะและวัฒนธรรมก็เป็นหนึ่งในวงการที่ได้รับแรงกระเพื่อมนั้น จนเกิดการพลิกโฉมในเชิงบวกอย่างไม่เคยมีมาก่อนใน 5 มิติ ดังนี้
1. มิติของการสร้างสรรค์ ในอดีตศิลปินอาจใช้คอมพิวเตอร์เป็นเพียงเครื่องมือในการทำงาน แต่ในวันที่ AI มาเยือนอย่างเต็มตัว ก็ได้สร้างจุดเปลี่ยนที่ก้าวข้ามบทบาทนั้นไปแล้ว โดยศิลปินหรือผู้ใช้งานสามารถป้อนคำสั่งสั้นๆ ให้กับ AI แล้ว AI จะช่วยสร้างสรรค์ภาพศิลปะที่มีสไตล์และองค์ประกอบตามที่ต้องการได้ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้ศิลปินหรือผู้ใช้งานได้สำรวจแนวคิดใหม่ๆ และสร้างสรรค์ผลงานที่หลากหลาย เหนือจินตนาการได้อย่างง่ายดาย อย่างเช่น โครงการ The Next Rembrandt (2016) ที่ใช้ AI สร้างภาพวาดใหม่ในสไตล์ Rembrandt จากข้อมูลศิลปะของเขา หรือการวาดภาพของศิลปิน Sougwen Chung ที่วาดคู่กับหุ่นยนต์ควบคุมด้วย AI ได้อย่างน่าทึ่ง
2. มิติของการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม ยุคก่อน AI การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มีคุณภาพสูงอาจต้องใช้ทักษะเฉพาะทางและเครื่องมือราคาแพง แต่ในวันนี้เมื่อ AI เข้ามาแทรกซึม ใครๆ ก็สามารถใช้เอไอวาดรูป เขียนหนังสือ หรือแต่งเพลงได้ด้วยค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก มิตินี้จึงทำให้ศิลปะเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน แม้จะเป็นคนที่ไม่เคยจับพู่กันมาก่อน ไม่มีความรู้ด้านดนตรี หรือเขียนหนังสือไม่เก่ง AI ก็ช่วยให้มีความสามารถในการสร้างสรรค์และเกิดการกระจายอำนาจอย่างเท่าเทียม ทำให้คนทั่วไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวงการศิลปะและวัฒนธรรมได้มากขึ้น
3. มิติของการอนุรักษ์และฟื้นฟู AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้ในการอนุรักษ์หรือฟื้นฟูศิลปะและมรดกทางวัฒนธรรมที่กำลังเลือนหายไปได้ด้วย เช่น การใช้ AI วิเคราะห์และซ่อมแซมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เสียหาย การใช้ AI จดจำและจัดทำฐานข้อมูลวัตถุโบราณที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก หรือการใช้ AI ฟื้นฟูเสียงเพลงพื้นบ้านจากบันทึกเสียงเก่า นอกจากนี้ AI ยังช่วยแปลภาษาโบราณที่ไม่มีผู้ใช้แล้ว ทำให้ผู้คนเข้าใจเรื่องราวในอดีตอย่างลึกซึ้งได้อีกครั้ง
4. มิติของการแสดงผลงานในรูปแบบใหม่ ด้วยการมาเยือนของเอไอผสานกับเทคโนโลยี AR/VR ทำให้เกิดการแสดงผลงานศิลปะและวัฒนธรรมเสมือนจริง ซึ่งทุกคนสามารถเข้าชมจากทั่วทุกมุมโลกได้จากที่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์ ในขณะเดียวกันยังสร้างประสบการณ์แบบ Interactive ที่ช่วยให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับผลงานได้มากขึ้น อันเป็นจุดพลิกโฉมรูปแบบการแสดงผลงานและการเข้าชมจากสมัยก่อนไปอย่างสิ้นเชิง
5. มิติของกลไกตลาดและมูลค่างาน เมื่อ AI สามารถสร้างสรรค์งานศิลปะได้อย่างหลากหลายและแปลกใหม่ ก็ทำให้ได้รับความนิยมในตลาดมากขึ้น จึงเกิดการสร้างมูลค่าตามกลไกตลาด รวมถึงการให้มูลค่าแบบใหม่ที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งเคยอิงกับชื่อเสียงและฝีมือของศิลปินมนุษย์ ไปสู่แนวคิดและความสามารถในการกำกับ AI โดยผลงาน AI ยิ่งมีความคิดสร้างสรรค์และเอกลักษณ์เฉพาะมากเท่าไหร่ มูลค่างานก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
แม้ AI จะพลิกโฉมวงการศิลปะและวัฒนธรรมในเชิงบวกหลายมิติ แต่ก็มีความท้าทายที่มนุษย์ควรต้องกำหนดทิศทางเพื่ออยู่ร่วมกับ AI อย่างมีคุณค่าด้วย
ข้อมูลอ้างอิง :
- artsandculture.google.com
- artsmart.ai
- theguardian.com
- time.com
- unesco.org