ถอดรหัสความท้าทายเชิงจริยธรรมในงานศิลปะจาก AI ใครคือเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง

14 พฤศจิกายน 2025
|
11 อ่านข่าวนี้
|
2


        เมื่อ AI เข้ามามีบทบาทในงานศิลปะมากขึ้น โดยสามารถสร้างภาพวาด บทเพลง ดนตรี วรรณกรรม ไปจนถึงงานมัลติมีเดียได้ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกโฉมหน้าวงการศิลปะแล้ว ยังมีคำถามใหญ่เกี่ยวกับความท้าทายเชิงจริยธรรมตามมาด้วยว่า ผลงานที่สร้างขึ้นนั้นใครคือเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง และแนวทางปฏิบัติเพื่อความเหมาะสมควรเป็นเช่นใด

ความท้าทายเชิงจริยธรรมในงานศิลปะจาก AI

        โดยคำถามข้างต้นเกี่ยวกับความท้าทายเชิงจริยธรรมในงานศิลปะจาก AI เราอาจถอดรหัสออกได้ ดังนี้

        1. การใช้ข้อมูลต้นแบบ เนื่องจากงานศิลปะจาก AI จะเกิดขึ้นได้ AI ต้องเรียนรู้จากฐานข้อมูลภาพ เสียง หรือข้อความที่มีอยู่เดิม ซึ่งมักมาจากผลงานของศิลปินจริงโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นหาก AI ใช้ข้อมูลเหล่านี้สร้างผลงานใหม่ เราจะถือว่าเป็น ‘งานลอกเลียน’ หรือ ‘แรงบันดาลใจ’ และใครคือเจ้าของลิขสิทธิ์กันแน่

        2. การลดคุณค่าของศิลปิน เพราะการที่ AI สามารถสร้างงานศิลปะได้ในเวลาไม่กี่วินาที อาจทำให้ศิลปินมนุษย์ถูกลดคุณค่าลง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ (ราคาผลงานลดลง) และด้านอัตลักษณ์ (ผลงานถูกกลืนด้วยอัลกอริทึม)

        3. ความโปร่งใส ผู้ชมมักไม่รู้ว่าผลงานนั้นสร้างโดย AI หรือมนุษย์ ถ้าไม่มีการเปิดเผยอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดในการประเมินคุณค่า

        4. ความรับผิดชอบ หากผลงาน AI มีเนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น ใช้ภาพต้นแบบของบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือสร้างงานที่เข้าข่ายหมิ่นประมาท ใครจะต้องรับผิดชอบ AI ผู้พัฒนา AI หรือผู้ใช้งาน AI

         ดังนั้นแม้ AI จะมีข้อดีหลายประการในการสร้างงานศิลปะได้ แต่ก็มีปัญหาความท้าทายเชิงจริยธรรมอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะประเด็น ‘ใครคือเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง’ ที่ถอดรหัสออกได้เป็นหลายกรณีเช่นกัน

งานศิลปะจาก AI ใครคือเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง

         สำหรับประเด็นอันซับซ้อนนี้ สามารถถอดรหัส ‘ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริง’ ออกได้เป็นหลายกรณี

        1. ผู้ใช้งานหรือป้อนคำสั่ง เพราะเป็นผู้ที่ใช้จินตนาการและทักษะในการเลือกคำ สไตล์ และองค์ประกอบต่างๆ เพื่อให้ได้งานศิลปะตามที่ต้องการ เปรียบเสมือนการใช้พู่กันเป็นเครื่องมือ แต่ในกรณีนี้ใช้ AI เป็นเครื่องมือ

        2. ศิลปินต้นทาง ที่ถูกนำงานไปใช้เป็นข้อมูลฝึกโมเดล เนื่องจากถ้าไม่มีงานเหล่านี้ AI ก็ไม่สามารถสร้างงานใหม่ได้

        3. ผู้พัฒนา AI เพราะเป็นผู้สร้างเทคโนโลยีที่ทำให้การสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในการสร้างสรรค์ผลงานแต่ละชิ้น

        4. ไม่มีใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เนื่องจาก AI ไม่ใช่มนุษย์ จึงไม่สามารถเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ และผู้ใช้งานก็ไม่ได้สร้างสรรค์งานศิลปะด้วยตนเองโดยตรง ดังนั้นจึงไม่อาจได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายลิขสิทธิ์ใดๆ

        อย่างไรก็ตาม ประเด็นอันซับซ้อนนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ และกฎหมายก็ยังไม่มีความชัดเจน แนวทางปฏิบัติเพื่อความเหมาะสม จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

        แนวทางปฏิบัติเพื่อความเหมาะสมในการสร้างงานศิลปะจาก AI

         ท่ามกลางความท้าทายเชิงจริยธรรม การสร้างแนวทางปฏิบัติเพื่อความเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยลดทั้งปัญหาและทำให้เกิดการสร้างงานศิลปะจาก AI อย่างมีจริยธรรมด้วย เช่น

        • เปิดเผยแหล่งที่มา โเปิดเผยแหล่งที่มาานถูกสร้างโดย AI หรือมนุษย์ หรือเป็นงานผสมผสาน เพื่อความโปร่งใสในการบริโภคหรือซื้อขาย

        • สร้างระบบแบ่งปันผลประโยชน์ หาก AI ใช้ข้อมูลจากศิลปินจำนวนมาก ควรมีกลไกคืนผลประโยชน์ให้กับศิลปิน เช่น มีกองทุน หรือค่าตอบแทนบางส่วนให้

        • ควบคุมข้อมูลที่ใช้ในการฝึกฝนเอไอ โดยอาจมีระบบที่อนุญาตให้ศิลปินสามารถเลือกไม่ให้ผลงานของตนเองถูกนำไปใช้ในการฝึกฝนได้

        • พัฒนากฎหมายลิขสิทธิ์ให้ครอบคลุม โดยทั้งภาครัฐและผู้เกี่ยวข้องควรเร่งพิจารณาและปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ทันสมัยและครอบคลุมถึงงานศิลปะที่สร้างโดย AI เพื่อให้เกิดความชัดเจนและคุ้มครองสิทธิของศิลปินได้อย่างเหมาะสม

         เพราะฉะนั้นการถอดรหัสความท้าทายเชิงจริยธรรมในงานศิลปะ นอกจากจะเป็นเรื่องของการตอบคำถามว่าใครคือเจ้าของลิขสิทธิ์ที่แท้จริงแล้ว ยังเป็นการหาจุดสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับจริยธรรม เพื่อให้เทคโนโลยีเติบโตไปพร้อมกับการเคารพคุณค่าของมนุษย์ได้อย่างยั่งยืนด้วย

ข้อมูลอ้างอิง :

- globallegalpost.com

- photogpedia.com

- tdri.or.th


0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI