เทคโนโลยี Biometric สู่การปลดล็อกโลกไร้รหัสผ่าน

ในยุคที่โลกหมุนเร็วและข้อมูลกลายเป็นสินทรัพย์สำคัญ การปกป้องตัวตนและข้อมูลส่วนบุคคลจึงเป็นเรื่องที่ทุกองค์กรและผู้ใช้ต้องใส่ใจ เทรนด์ “Passwordless Authentication” หรือการเข้าสู่ระบบโดยไม่ใช้รหัสผ่าน กำลังเปลี่ยนวิถีการเข้าถึงบริการดิจิทัลในทุกแวดวง และ “Biometric” เทคโนโลยีระบุตัวตนด้วยลักษณะเฉพาะตัวมนุษย์ เช่น ลายนิ้วมือ ใบหน้า หรือเสียง ได้กลายเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนยุคไร้รหัสผ่านให้เกิดขึ้นจริงอย่างปลอดภัยและสะดวกยิ่งขึ้น
Biometric กับการปฏิวัติการยืนยันตัวตน
การยืนยันตัวตนแบบเดิมอาศัย “สิ่งที่รู้” เช่น รหัสผ่าน หรือ “สิ่งที่มี” เช่น OTP หรือตัวสแกน แต่ Biometric ใช้ “สิ่งที่เป็น” (เช่น ลายนิ้วมือ ใบหน้า เสียง หรือรูปแบบการพิมพ์) ซึ่งยากต่อการลอกเลียนแบบและนำไปใช้ซ้ำ ประชากรทั่วโลกคุ้นเคยกับการปลดล็อกโทรศัพท์ด้วยลายนิ้วมือหรือ Face ID ไปจนถึงการชำระเงินผ่านระบบสแกนใบหน้า โดยในปี 2024 กว่า 58% ของผู้ใช้ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเลือกใช้ Biometric ในธุรกรรมต่าง ๆ เป็นประจำ และตลาดโน้มน้าวให้ 65% ของร้านค้าทั่วโลกนำระบบชำระเงินแบบ Biometric ไปใช้แล้วในปีเดียวกัน พบว่าการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนแบบไร้สัมผัสคิดเป็น 82% ของธุรกรรมทั้งหมด
เทคโนโลยีที่หลากหลายและอัจฉริยะ
Biometric Authentication พัฒนาจากการสแกนลายนิ้วมือมาสู่ระบบผสมผสาน (Multimodal Biometrics) ที่รวมใบหน้า เสียง และรูปแบบการเคลื่อนไหวเข้าไว้ด้วยกัน เพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัยมากขึ้น ข้อมูลจาก Avatier ระบุว่าระบบนี้ลดเหตุการณ์โจรกรรมข้อมูลจากรหัสผ่านลงได้ถึง 50%, ลดค่าใช้จ่ายด้าน IT สนับสนุนได้ประมาณ 30-50% และผู้ใช้ 86% ให้ความพึงพอใจกับประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น ทั้งนี้ตลาด Biometric ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตถึง 19.3% ต่อปี และคาดว่าจะมีมูลค่ารวมถึง $118,000 ล้านในปี 2027
จุดแข็งของ Biometric Authentication
• ความปลอดภัยสูง ลักษณะเฉพาะบุคคลยากต่อการลอกเลียนแบบหรือสวมรอย
• สะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องจดจำหรือรีเซ็ตรหัสผ่าน
• ลดภาระทาง IT ลดค่าใช้จ่ายด้าน Call Center ที่เกี่ยวกับรหัสผ่าน
• ตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่ ดึงดูดกลุ่ม Gen Z และ Millennials ให้มาใช้บริการดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะการชำระเงินผ่านมือถือที่ใช้งาน Biometric เป็นหลัก
ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
แม้ Biometric จะดูปลอดภัยกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงเฉพาะตัว ดังนี้
• ข้อมูลไม่สามารถเปลี่ยนได้ หากข้อมูล Biometric รั่วไหล จะไม่สามารถสร้างใหม่เหมือนรหัสผ่าน
• ค่าใช้จ่ายสูงในการติดตั้ง ระบบที่แม่นยำมีต้นทุนในการพัฒนาและดูแลสูง
• ความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้บางกลุ่มอาจรู้สึกไม่สบายใจกับการเก็บข้อมูลลักษณะชีวภาพของตน
• ยังมีโอกาสถูกโจมตี เช่นการลอกเลียนแบบข้อมูล การใช้แฮ็กข้อมูลในฐานเซิร์ฟเวอร์ หรือเกิดความผิดพลาดจากสิ่งแวดล้อม เช่น แสง หรือลักษณะใบหน้าที่เปลี่ยนไป
ก้าวต่อไปขององค์กรและภาคประชาชน
องค์กรขนาดใหญ่เริ่มขยายการใช้งาน Biometric Authentication อย่างจริงจัง Gartner คาดการณ์ว่าในปี 2025 กว่า 60% ขององค์กรใหญ่ทั่วโลกจะใช้วิธีการนี้มากกว่า 50% ของกระบวนการยืนยันตัวตน แนวทาง “Zero Trust Security” หรือการตรวจสอบแบบต่อเนื่องจะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยนำ AI มาช่วยตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล Biometric เพื่อให้ปลอดภัยขึ้น
กับกระแส “ไร้รหัสผ่าน” ที่มาแรง ทั้งภาคธนาคารค้าปลีก สุขภาพ การศึกษา หรือแม้แต่ระบบขนส่ง กำลังหันมาใช้ Biometric เป็นมาตรฐานใหม่ของการยืนยันตัวตน เพื่อรองรับการใช้งานที่ยอดเยี่ยม ปลอดภัย และทันสมัยยิ่งขึ้น
แหล่งอ้างอิง :
- avatier.com/blog/biometrics-ai-the-future/
- blog.hidglobal.com/whats-horizon-10-biometric-trends-2025
- coinlaw.io/biometric-payment-authentication-statistics/
- auth0.com/blog/what-are-biometrics-the-proscons-of-biometric-security/
- financialcrimeacademy.org/pros-and-cons-of-biometric-verification/
- techtarget.com/searchsecurity/tip/Evaluate-biometric-authentication-pros-and-cons-implications
- keepnetlabs.com/blog/what-is-biometric-security-strengths-and-weaknesses
#OKMDCREATOR #OKMD #KnowledgePortal #กระตุกต่อมคิด #KnowledgeSharing #Trend&Technology