โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตมะเม่าพื้นที่จังหวัดสกลนคร

โดย ศิริรัตน์ เถื่อนสมบัติ
หมวดหมู่
รายงานการวิจัย
ประเภทสื่อ eBook

0 (0 รีวิว)
จำนวนคงเหลือ :
Share
รายละเอียด
มะเม่าเป็นพืชในวงศ์ Euphorbiaceae สกุล Antidesma มีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Antidesma thwaitesianum M?ll.Arg. พบมากในแถบเทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร เป็นพืชท้องถิ่นเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดสกลนคร งานวิจัยครั้งนี้ศึกษามะเม่าหลวง (A. thwaitesianum Muell Arg.) โดยการสำรวจ รวบรวม และศึกษาลักษณะประจำพันธุ์ จัดทำชั้นมาตรฐานคุณภาพ สร้างแผนที่แสดงแหล่งปลูกพร้อมจัดทำฐานข้อมูลการผลิตมะเม่า โดยสุ่มตัวอย่างเกษตรกรผู้ปลูกมะเม่าจำนวน 60 ราย จากแบบสำรวจและสมาชิกชมรมผู้ปลูกมะเม่าในจังหวัดสกลนคร ที่มีต้นมะเม่าอายุระหว่าง 5-15 ปี และอยู่ในระยะให้ผลผลิต พบว่ามะเม่ามีชื่อเรียกตามที่อยู่อาศัยและสภาพพื้นที่ปลูกเป็นหลัก เช่น พันธุ์ฟ้าประทาน สร้างค้อ 1 สร้างค้อ 2 เป็นต้น โดยจัดกลุ่มแบ่งออกตามลักษณะใบที่มีลักษณะต่างกัน ได้ 2 กลุ่ม คือ ใบแหลมยาว 10 สายต้น และใบกว้างมน 7 สายต้น ชั้นมาตรฐานคุณภาพของมะเม่าซึ่งได้คัดเลือกตามลักษณะทางกายภาพ ผลผลิต และคุณภาพผลผลิต พบว่าชั้นมาตรฐานคุณภาพของมะเม่าสดในเทือกเขาภูพาน แบ่งออกได้ 3 ชั้นมาตรฐาน คือ A B และ C ตามลำดับ การสร้างแผนที่แสดงแหล่งปลูกมะเม่า โดยใช้เครื่องมือ GPS รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดเก็บตามระบบ GIS ผ่านโปรแกรม ArcView พบว่าบริเวณพื้นที่ปลูกมะเม่ามีกลุ่มชุดดินที่ 35 และ 17 ลักษณะชุดดิน โคราช ยโสธร และร้อยเอ็ด ตามลำดับ ระบบฐานข้อมูลการผลิตมะเม่าจากข้อมูลแบบสัมภาษณ์เกษตรกร จัดหมวดหมู่ข้อมูลได้ทั้งหมด 8 กลุ่ม ได้แก่ ที่อยู่ของเกษตรกร ที่ตั้งแปลง พันธุ์ที่ปลูก การจัดการสวน การใช้ปุ๋ย การป้องกันกำจัดแมลง พิกัดที่ตั้งแปลง และผลการวิเคราะห์ดิน ซึ่งระบบฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกันสามารถเรียกใช้งานในรูปแบบตารางเก็บข้อมูลและเชื่อมความสัมพันธ์แต่ละตารางเข้าด้วยกัน โดยเรียกดูข้อมูลได้จากเมนูหน้าหลักของระบบ มะเม่าให้ผลผลิตระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี แต่สภาพภูมิอากาศมีผลกระทบต่อปริมาณและคุณภาพของผลผลิต ดังนั้นจึงศึกษาผลของการให้น้ำแบบละอองหมอกต่อการติดผลของมะเม่า ดำเนินการในแปลงเกษตรกรและแปลงทดลองพื้นที่ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสกลนคร วางแผนการทดลองแบบ RCD 2 กรรมวิธี ๆ ละ 5 ต้น กรรมวิธีที่ 1 ไม่มีระบบการให้น้ำ (อาศัยน้ำฝน) กรรมวิธีที่ 2 ให้น้ำแบบละอองหมอก ให้น้ำสัปดาห์ละ 2 ครั้งๆ ละ 3 ชั่วโมง ระยะเวลาที่ดำเนินการปี 2557 และ 2558 ผลการศึกษาในแปลงเกษตรกรพบว่า ไม่มีระบบการให้น้ำ (อาศัยน้ำฝน) ให้ผลผลิตอยู่ระหว่าง 1,347 -2,388 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนักผลต่อช่อระหว่าง 17-38 กรัม สัดส่วนการสุกต่อช่อผลระหว่าง 40-50 เปอร์เซ็นต์ ให้น้ำแบบละอองหมอก ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 3,081-3,854 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนักผลต่อช่อระหว่าง 20-50 กรัม สัดส่วนการสุกเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 40-70 เปอร์เซ็นต์ แปลงทดลองพื้นที่ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสกลนคร พบว่า ไม่มีระบบการให้น้ำ (อาศัยน้ำฝน) ให้ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 138-291กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนักผลต่อช่อระหว่าง 3-10 กรัม สัดส่วนการสุกต่อช่อผลอยู่ระหว่าง 60-70 เปอร์เซ็นต์ ให้น้ำแบบละอองหมอก ผลผลิตเฉลี่ยเท่ากับ 148-420 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนักผลต่อช่อระหว่าง 9-10 กรัม สัดส่วนการสุกต่อช่อผลอยู่ระหว่าง 50-60 เปอร์เซ็นต์ การให้น้ำแบบละอองหมอกมีอิทธิพลต่อการเพิ่มขึ้นของผลผลิต การให้น้ำในระยะติดดอก ติดผล ควรมีการให้น้ำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมออย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้งๆละ2 ชั่วโมง และในช่วงติดผลอ่อนและติดผลอ่อนมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ควรดูแลเป็นพิเศษจึงจะสามารถลดการร่วงของผลมะเม่าได้ ปัจจุบันผลผลิตมะเม่าเป็นที่ต้องการของตลาดด้านการแปรูปอย่างต่อเนื่อง แต่ผลผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการเนื่องจากมะเม่าให้ผลผลิตปีละครั้ง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการแปรรูปมะเม่าเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและเพิ่มมูลค่า จากผลงานวิจัยพบว่าน้ำมะเม่ามีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระและสามารถเก็บรักษาได้จึงพัฒนาชุดเทคโนโลยีการแปรรูปน้ำหมากเม่าพร้อมดื่มเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ให้เป็นสินค้าเฉพาะถิ่นได้ศึกษาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเพื่อให้เกษตรกรสามารถเลือกนำไปผลิตเพื่อเป็นสินค้า เช่น ขนมขบเคี้ยวกัมมี่ เยลลี่แข็ง พั้นซ์มะม่า ไอศกรีมมะเม่านมสด น้ำมะเม่าเพื่อสุขภาพ(หญ้าหวาน) เป็นต้น คำสำคัญ : มะเม่า, คุณภาพผลผลิต และมะเม่าผง

-
ข้อมูลเพิ่มเติม
วันที่เผยแพร่ 09/2021
สำนักพิมพ์ กรมวิชาการเกษตร
หมวดหมู่ รายงานการวิจัย
จำนวนหน้า 77012
People Who Read This Also Read
รีวิว
Ask OKMD AI