กาญจนบุรี

ขนมทองโย๊ะ : ขนมสีดำ ทำจากข้าวเหนียว แห่งความมงคล

09 ตุลาคม 2025
|
12 อ่านข่าวนี้
|
0

ขนมทองโย๊ะ

                ว่ากันว่า อย่าเพิ่งตัดสินใครจากภายนอก จนว่าจะได้สัมผัสหรือรู้จักมากขึ้นประโยคนี้ ใช้ได้ "ขนมทองโยะ ขนมแป้งหนึบสีดำ" ที่เราได้มีโอกาสได้เห็นเป็นครั้งแรก ขนมทองโย๊ะ หรือภาษากะเหรี่ยงเรียกว่า หมี่สิ แปลว่า ข้าวบด เป็น อาหารพื้นเมืองของชาวกะเหรี่ยง จัดเป็นประเภทของหวานหรือของว่าง ที่ขึ้นชื่อ ของอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ภาษากะเหรี่ยงเรียกว่า หมี่สิ แปลว่า ข้าวบด เป็นขนมพื้นบ้านของชาวกะเหรี่ยง ที่ทำจากข้าวเหนียวนึ่ง งาคั่ว และเกลือโขลกรวมกันขนมทองโย๊ะ ทำจากข้าวเหนียวผสมกับงาดำตำจนแหลก ปั้นเป็นก้อนพอดีคำแล้วนำไปทอดจนเหลืองกรอบขึ้นพัก จะได้เนื้อขนมสีดำหอมกลิ่นแป้งทอดและงาดำ นำมารับประทานกับนมข้นหวาน หรือน้ำผึ้ง 



ขนมทองโย๊ะ ข้าวบด แห่งความเป็นมงคล

ขนมทองโย๊ะ แปลว่า ข้าวบด เป็นขนมมงคล ทำจากข้าวเหนียว ซึ่งข้าวเหนียวนั้นในความเชื่อของชาวกะเหรี่ยง จะมีการปลูกแซมกับการปลูกข้าวเจ้าในทุกไร่ทุกนา เพราะถือว่าข้าวเจ้าคือตัวแทนของเพศผู้ และข้าวเหนียวคือตัวแทนของเพศเมีย ต้องปลูกคู่กันเมื่อถึงฤดูการเก็บเกี่ยวจะทำให้ได้ผลผลิตดี

ในสมัยก่อน ทองโย๊ะ จะนิยมทำในงานบุญ เป็นอาหารมงคล ที่จะต้องมีในพิธีสำคัญๆของชาวกะเหรี่ยงเช่น พิธีแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ พิธีผูกข้อมือเดือนเก้า(ไคจูวหล่าเขาะ)ของชาวกะเหรี่ยง เนื่องจากงาสื่อถึงความงอกงาม อุดมสมบูรณ์ ข้าวเหนียวสื่อถึงความกลมเกลียว แน่นแฟ้น และทำขึ้นเพื่อเป็นอาหารในระหว่างการออกเดินทางของชาวกะเหรี่ยง โดยในอดีตนั้นชาวกะเหรี่ยงจะอาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน และมีการโยกย้ายถิ่นที่พักอาศัยบ่อยครั้ง โดยจะอพยพกันไปเรื่อยๆ เนื่องจากจุดที่พักเดิมนั้นไม่มีอาหารให้บริโภคแล้ว และในการเดินทางหาแหล่งที่พักใหม่นี้ จะไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ จนกว่าจะพบสถานที่ที่สงบและมีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นก่อนออกเดินทางทุกบ้านจะมีการเตรียมตัวโดยมารวมตัวกันทำหมี่สิหรือขนมทองโย้ะไว้ เพื่อเป็นเสบียงระหว่างเดินทางในการโยกย้ายถิ่นฐาน 

ขนมที่ใช้แรงและเวลาในการทำ

วัตถุดิบในการทำขนมทองโย๊ะ จะประกอบด้วยข้าวเหนียว งาดำ เกลือ โดยขั้นตอนในการทำทองโย๊ะเริ่มตั้งแต่การนำข้าวเหนียวมาล้างน้ำให้สะอาด ก่อนแช่น้ำไว้ไม่ต่ำกว่า 6 ชม ก่อนนำมานึ่งในซึ้งบนเตาถ่าน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็จะได้ข้าวเหนียวที่นุ่มพร้อมจะทำขนมทองโยะ ขั้นตอนต่อมาคือการนำงามาคั่วในกระทะที่ตั้งบนเตาถ่าน คั่วจนงาสุกส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล ต่อจากนั้นจึงนำงามาตำในครกกระเดื่อง โดยก่อนตำจะต้องใส่เกลือเพื่อเติมรสงาให้มีรสเค็มอ่อนๆ เมื่อตำงาจนละเอียดแล้วจึงนำตักใสภาชนะ เช่นกระด้งหรือกะละมัง ก่อนนำข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วมาใส่ในครกกระเดื่อง พร้อมทั้งโรยงาที่เตรียมไว้ ก่อนตำช้าวเหนียวในครกกระเดื่อง ระหว่างที่ตำต้องคอยพลิกข้าวเหนียวไปมา พร้อมทั้งโรยงาเป็นระยะๆ โดยใช้ระยะเวลาในการตำกว่า 20 นาที สนสังเกตเห็นว่าข้าวเหนียวกับงาละเอียด ผสมกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน จนสามารถปั้นเป็นก้อนได้จึงเสร็จสิ้นขั้นตอนการตำต่อจากนั้นจึงนำทองโยะที่ได้มาแบ่งเป็นก้อนขนาดพอเหมาะ ก่อนนำมาคลึงด้วยมือให้เป็นแผ่นวางบนใบตองกล้วยที่เตรียมไว้ ที่มาของชื่อทองโย๊ะ

สำหรับที่มาของชื่อทองโย๊ะ มีที่มาจากเมื่อ ร.ศ.119 พระยาวรเดชศักดาวุธผู้ตรวจราชการมณฑลราชบุรีพร้อมด้วยพระยาประสิทธิสงคราม เจ้าเมืองกาญจนบุรี ได้เดินทางมาตรวจราชการที่เมืองสังขละบุรี ซึ่งขณะนั้นเมืองสังขละบุรี ตั้งอยู่ที่บ้านสะเนพ่อง ปัจจบันเป็นหมู่บ้านหนึ่งในตำบลไล่โว่ อยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร โดยพระศรีสุวรรณคีรี ที่ 5 (ทะเจียงโปรย )เจ้าเมืองสังขละบุรีได้ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งจัดชาวบ้านมาประกอบอาหารคาวหวานของชาวกะเหรี่ยง เลี้ยงรับรองพระยาทั้ง 2 ซึ่งหนึ่งในนั้นมี หมี่สิ เป็นขนม เมื่อพระยาทั้ง2 ได้กินก็ติดใจในรสชาติ จึงสอบถามถึงชื่อขนมดังกล่าวว่าเรียกว่าเช่นไร พระศรีสุวรรณคีรี จึงได้เรียนว่ายังไม่มีชื่อเรียกที่เป็นภาษาไทย  จึงเป็นเหตุให้พระยาทั้ง 2 หาชื่อที่เหมาะสมให้กับขนมดังกล่าว ในสมัยนั้นพระศรีสุวรรณคีรีได้ นำทองคำถวายเป็นเครื่องราชบรรณาการ ทุกๆ 3 ปี เนื่องจากในพื้นที่อุดมไปด้วยแร่ทองคำ อีกทั้งกับรัชกาลที่3ได้พระราชทาน ชื่อเจ้าเมืองสังขละบุรีว่า พระศรีสุวรรณคีรี ซึ่งมีความหมายว่าทอง ทั้ง 2 พระยาจึงตั้งชื่อขนมดังกล่าวว่า ทองเยอะ ซึ่งเป็นชื่อที่เป็นมงคลสอดคล้องกับขนมมงคลของไทย ที่มักขึ้นชื่อด้วยทอง เช่นทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เป็นต้น แต่ด้วยสำเสียงการพูดภาษาไทยของชาวกะเหรี่ยงที่เรียกต่อๆ ผิดเพี้ยน จากทองเยอะกลายมาเป็นทองโยะ ตามสำเนียงกะเหรี่ยงจนถึงทุกวันนี้ ขนมทองโย๊ะในวันนี้

ปัจจุบันขนมทองโย๊ะเป็นของหายากที่ใครก็ต้องลองชิม จากการที่ชาวกะเหรี่ยงได้ที่พักพิงเป็นหลักแหล่งในประเทศไทย ก็ได้มีการปรับรูปแบบของขนมทองโย๊ะให้เข้ากับพื้นที่มากขึ้น อย่างรูปแบบของขนมทองโย้ะที่ขึ้นชื่อของอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรีทุกวันนี้ คือการ ตำทองโย๊ะจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว จะมีการแผ่ให้เป็นแผ่นหนาประมาณ ครึ่งนิ้ว ผึ่งลมจนแห้ง จากนั้นนำมาหั่นให้ได้ขนาดเป็นแท่งพอดีคำ แล้วทอดต่อในน้ำมันร้อนๆ จนแท่งทองโย้ะภายนอก มีลักษณะกรอบ สีเหลืองทองสวยงาม จัดใส่จานพร้อมกับถ้วยนมข้น สำหรับนำแท่งขนมทองโย้ะจิ้มรับประทาน อันจะได้รสชาติ เค็ม กรอบ หอมงา ผสมรสหวานอร่อยของนมข้น ทำให้วันนี้เรายังคงได้เห็นและมีโอกาสได้ชิม ขนมทองโย๊ะ ที่เดินทางมาพร้อมชีวิตผู้คนชาวกระเหรี่ยงที่เต็มไปด้วยความหมายของเรื่องราว สมกับที่ได้ชื่อว่า เป็นอาหารแห่งเผ่าพันธุ์โดยแท้จริง




_____________________________

อ้างอิง :  "ขนมทองโยะ" ของดีสังขละบุรี https://www.thairath.co.th/news/local/central/1521415

ปราชญ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น "ขนมทองโย๊ะ  https://sites.google.com/kan1.go.th/nfeskb-lib/0

สัมภาษณ์ร้านบ้านทองโย๊ะ


0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI