จาก “กีฬาแหลมทอง” สู่ “ซีเกมส์” ถึง “SEA GAMES Thailand 2025”

Tachawan Panyawutthitham

20 knowledges

03 ธันวาคม 2025

31 read this

0 share this

จาก “กีฬาแหลมทอง”

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2501 ในคราวการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 3 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น องค์กรการกีฬาของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วมการแข่งขันได้ร่วมกันจัดการประชุมเพื่อก่อตั้งองค์กรการกีฬาในระดับภูมิภาค โดยหลวงสุขุมนัยประดิษฐ์ อดีตรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย และผู้ก่อตั้งองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย (การกีฬาแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน) ได้เสนอว่าควรมีการจัดการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสนับสนุนความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

“สหพันธ์กีฬาแหลมทอง (SEAP Games Federation)” จึงได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีคณะกรรมการสมาชิกผู้ก่อตั้งประกอบด้วย ประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย ประเทศเวียดนาม ประเทศลาว ประเทศเมียนมา และประเทศกัมพูชา ก่อนที่ประเทศสิงคโปร์จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกด้วยหลังจากนั้น โดยสหพันธ์ได้มีข้อตกลงร่วมกันว่าจะจัดให้มีการแข่งขันกีฬาระหว่างภูมิภาคขึ้นในทุกสองปี คือ “กีฬาแหลมทอง (Southeast Asian Peninsular Games)” หรือ “เซียปเกมส์ (SEAP Games)” โดยการแข่งขันครั้งที่ 1 จัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 12 – 17 ธันวาคม 2502 โดยมีเจ้าหน้าที่และนักกีฬาจากประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย ประเทศเวียดนาม ประเทศลาว ประเทศเมียนมา ประเทศสิงคโปร์ เข้าร่วมการแข่งขันกีฬา 12 ชนิด สำหรับประเทศกัมพูชาได้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2504

สู่ “ซีเกมส์”

ในปี 2520 สมาพันธ์กีฬาแหลมทอง ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น “สมาพันธ์กีฬาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South-East Asian Games Federation; SEAGF)” และเปลี่ยนชื่อการแข่งขันกีฬาแหลมทองเป็น “ซีเกมส์ (South-East Asian Games; SEA Games)” ดังที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งมีมติให้ ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศบรูไน เข้าเป็นสมาชิกและกรรมการสมาพันธ์อย่างเป็นทางการ จึงได้สิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกในซีเกมส์ครั้งที่ 9 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และในปี 2546 สมาพันธ์ฯ ได้มีมติให้ประเทศติมอร์-เลสเต เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกในซีเกมส์ครั้งที่ 22 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเวียดนาม ทำให้สมาพันธ์มีรัฐสมาชิกทั้งหมด 11 ประเทศ ครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยยังคงจัดในทุกสองปีหรือแบบปีเว้นปี ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล และสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย

ถึง “SEA GAMES Thailand 2025”

“ซีเกมส์ ประเทศไทย 2025 (SEA GAMES Thailand 2025)” เป็นการแข่งขันกีฬา “ซีเกมส์ 2025” หรือ “กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33” ซึ่งปรเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ถึง 20 ธันวาคม 2568 โดยจะมีพิธีเปิดในวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ณ ราชมังคลากีฬาสถาน และมีกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสงขลาเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดการแข่งขันกีฬา (ก่อนที่จะงดจัดในจังหวีดสงขลาเนื่องจากประสบเหตุอุทกภัยรุนแรง) โดยการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมกันของทั้งสามจังหวัด ได้รับการคัดเลือกในวันที่ 13 มกราคม 2566 หลังจากที่สหพันธ์กีฬาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAGF) ได้ยืนยันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2025 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการคัดเลือกเมืองเจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ผ่านการเสนอตัวและกระบวนการลงคะแนนคัดเลือก

ตราสัญลักษณ์ SEA GAMES Thailand 2025

ตราสัญลักษณ์ได้รับแรงบันดาลใจจากกีฬาและโครงร่างศิลปะไทยดั้งเดิม ที่นำเอาเส้นสนามมาผสมผสานกับโครงร่างพื้นฐานของศิลปะไทย ผ่านแนวคิด “PLAY BY THE RULES” ถ่ายทอดเสน่ห์ของการแข่งขัน ที่อยู่ภายใต้กรอบกติกา แสดงให้เห็นถึงพลังของความคิดสร้างสรรค์และกลยุทธ์ที่สามารถพัฒนาได้ภายใต้กรอบการดำเนินงานที่ชัดเจน แนวคิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากโลกแห่งกีฬาและศิลปะไทยร่วมสมัย หล่อหลอมจนเกิดเป็นแนวคิดที่สะท้อนทั้งระเบียบ วินัย และ ความประณีตของลวดลายไทยดั้งเดิม โดยใช้การเชื่อมโยงเส้นสนามกับโครงสร้างศิลปะของไทย เปรียบเสมือนการหลอมรวมเอาความเป็นระเบียบกับความงามให้รวมกันอย่างมีชั้นเชิง การให้เกียรติกับกติกาที่ใช้ในการแข่งขัน พร้อมทั้งเฉลิมฉลองความสร้างสรรค์ ที่เบ่งบานอยู่ภายใต้ข้อจำกัดได้อย่างงดงาม

คำขวัญ SEA GAMES Thailand 2025

“EVER FORWARD ก้าวไปข้างหน้า ไม่หยุดยั้ง”

สัญลักษณ์นำโชค SEA GAMES Thailand 2025

“เดอะสาน” มาสคอตซีเกมส์ 2025 ได้รับแรงบันดาลใจจากเส้นสายและโครงสร้างการ “สาน” ในรูปแบบต่าง ๆ ของเครื่องสาน ที่สื่อถึงภูมิปัญญาและอัตลักษณ์ของไทย พร้อมนำสีของ “ธงชาติไทย” มาเป็นองค์ประกอบหลัก เพื่อแสดงถึงเอกลักษณ์ไทยอย่างแท้จริง โดยเป็นการรวมกันของ “เดอะสาน” จากแนวคิดดั้งเดิม 7 วัน 7 สี 7 ตัว สู่การรวมเป็นหนึ่ง อันสื่อความหมายถึงความสามัคคี ที่มีเอกลักษณ์ มีจิตวิญญาณ บนพื้นฐานที่เต็มไปด้วยความหลากหลายอันเป็นหนึ่งเดียวของสังคมไทย