เคยไหม? ที่จองตั๋วเครื่องบินแล้ว กดเซฟสถานที่ท่องเที่ยวไว้เรียบร้อย แต่พอจะวางแผนเที่ยวก็รู้สึกว่ามันยากไปหมด เพราะที่นั่นก็อยากไป ที่นี่ก็ไป ตรงนั้นก็แลนด์มาร์ก ตรงนี้ก็เหมาะกับทำคอนเทนต์อวดเพื่อนในโซเชียล แต่ปัญหานี้จะหมดไป ถ้าคุณมีคู่หูการท่องเที่ยวเป็นเจ้าเทคโนโลยี AI ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของการป้อนคำสั่งผ่าน ChatGPT หรือแอปพลิเคชันที่บอกว่าเป็น Travel Buddy ของคุณตลอดการเดินทางก็ตาม
เริ่มจากการป้อนข้อมูลผ่าน ChatGPT จะช่วยลดเวลาในการมองหาสถานที่ท่องเที่ยวบนโลกอินเทอร์เน็ต นิตยสาร Forbes บอกว่า การค้นหาบน Google อาจทำให้คุณต้องเลื่อนหาข้อมูลนาน แต่การใช้ ChatGPT จะทำให้คุณได้คำตอบเร็วขึ้นเพียงแค่ป้อนคำถามของคุณ และมันจะตอบกลับมา
อาจเป็นคำถามง่ายๆ เช่น ช่วยแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหน่อยได้ไหม? ฉันมีงบแค่ 20,000 บาท สำหรับ 3 วันที่ญี่ปุ่น ช่วยออกแบบการเดินทางให้หน่อยได้ไหม?
ยิ่งเจาะจงรูปแบบและสถานที่เท่าไหร่ ก็จะได้คำตอบและแผนการท่องเที่ยวที่ตรงใจมากขึ้น
Forbes ยังบอกอีกว่า แม้ว่า Google จะเป็นตัวเลือกแรกสำหรับหลายๆ คน แต่ ChatGPT ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะทำให้คุณลดเวลาวางแผนการเดินทาง หรือส่วนที่อาจดูจะลึกเกินไปสำหรับการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชัน "Travel Buddy AI" ที่เลือกจะเป็นเพื่อนร่วมทางฉบับ AI ที่จะช่วยออกแบบการเดินทาง กิจกรรม ร้านอาหารที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานแต่ละบุคคล
สำหรับฝั่งผู้ให้บริการก็เริ่มปรับตัว ยกตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชัน Romie จาก Expedia ที่จะเป็นผู้จัดการทริปให้กับลูกค้า เพียงแค่ Add Romie เข้ากลุ่ม เธอจะวิเคราะห์การสนทนาในกลุ่มเพื่อให้คำแนะนำที่ตรงกับความสนใจร่วมกัน เช่น หากมีการวางแผนทริปครอบครัวไปชิคาโกและมีคนพูดถึงความสนใจในไดโนเสาร์ Romie จะเสนอพิพิธภัณฑ์และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องให้
นอกจากนี้ Romie ยังช่วยปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางหากเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดระหว่างทริป รวมถึงเป็นผู้ดูแลคอยแจ้งสถานะและอัปเดตการเดินทางให้กับสมาชิกได้ด้วย แม้จะมีการติดตั้งมาตรการรักษาความปลอดภัย แต่ผู้พัฒนาแอปก็บอกว่า ผู้ใช้ก็ควรตระหนักว่ามี Romie อยู่ในกลุ่มเพื่อป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคนใช้งาน