STEAM EDUCATION นวัตกรรมการศึกษาของโลกยุคใหม่
STEAM
EDUCATION นวัตกรรมการศึกษาของโลกยุคใหม่
เพราะการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ส่งผลต่อการปรับตัวในเรื่องของการเรียนรู้ท่ามกลางความผันผวนที่เกิดขึ้น
STEAM Education จึงเป็นแนวทางจัดการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่
21 ที่ผสานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม ศิลปะ และคณิตศาสตร์เข้าด้วยกัน
เพื่อช่วยให้ผู้เรียนกล้าคิด กล้าลอง
พัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์ที่ใช้ได้ในชีวิตจริง
STEAM
EDUCATION คืออะไร
STEAM Education คือ รูปแบบการศึกษาที่เน้นบูรณาการองค์ความรู้ของวิทยาศาสตร์ (S - Science) เทคโนโลยี (T - Technology) วิศวกรรม (E - Engineering) ศิลปะ (A - The Arts) และคณิตศาสตร์ (M - Mathematics) ซึ่งมีรากฐานมาจากการศึกษาแบบ STEM Education แต่เพิ่มศาสตร์การใช้ชีวิต (Art of Life) ในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม และการช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ผสานทักษะทางวิชาการควบคู่ไปกับการคิดวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหา การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้พร้อมรับมือในทุกการเปลี่ยนแปลง
ในปี 2006 นักวิจัยที่ชื่อว่า Georgette Yakman ตระหนักว่าศิลปะสามารถนำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ล้ำค่ามาสู่ระบบการศึกษาจึงพัฒนาจาก STEM เป็นการศึกษาแบบ STEAM และเริ่มนำมาใช้ในการเรียนการสอนจริงในปี 2007
จุดมุ่งหมายของ STEAM EDUCATION
- ตั้งคำถาม (Inquiry)
- ทำงานร่วมกัน (Cooperation)
- เรียนรู้ตามกระบวนการ (Emphasis on Process-based Learning)
ขั้นตอนการเรียนรู้แบบ STEAM
EDUCATION
1) กำหนดเป้าหมาย (Focus)
เริ่มจากตั้งคำถามหรือปัญหาที่ต้องการแก้ไข สิ่งสำคัญคือการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและเชื่อมโยงกับหัวข้อ
STEAM ที่เลือก
2) วิเคราะห์รายละเอียด (Detail)
หาต้นเหตุและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับปัญหา สังเกตความสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆ
และค้นหาข้อมูลพื้นฐาน ทักษะ กระบวนการ และแนวทางที่ต้องใช้ในการแก้ปัญหา
3) ค้นคว้าข้อมูล (Discovery) ศึกษาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางแก้ไข ครูต้องวิเคราะห์ว่านักเรียนขาดทักษะหรือกระบวนการใดและเติมเต็มความรู้ที่จำเป็นแบบเฉพาะเจาะจง
4) ลงมือทำ (Application) นำความรู้ที่ได้จากการค้นคว้ามาใช้จริง ทดลองแก้ปัญหาด้วยวิธีของตัวเองและปรับปรุงให้ดีขึ้น
5) นำเสนอผลงาน (Presentation)
สื่อสารแนวคิดและแนวทางแก้ปัญหาของตนเอง เปิดรับความคิดเห็น คำติชม และข้อเสนอแนะเพื่อนำไปใช้พัฒนาปรับปรุง
6) พัฒนาและต่อยอด (Link) วิเคราะห์ผลงานของตัวเอง นำข้อคิดเห็นที่ได้มาปรับใช้และพัฒนาเพื่อให้ได้แนวทางแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ปัจจัยสำคัญของการเรียนรู้แบบ
STEAM EDUCATION
1) นำเสนอสถานการณ์ (Presentation Situation) ที่เชื่อมโยงกับชีวิตหรือปัญหาในปัจจุบันเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจปัญหาและมีข้อมูลพื้นฐานสำหรับการคิดวิเคราะห์ในขั้นต่อไป
2) ออกแบบอย่างสร้างสรรค์ (Creative Design) กระตุ้นให้ผู้เรียนได้คิด ออกแบบแนวทางแก้ปัญหา และสร้างสรรค์ผลงานอย่างอิสระ
เน้นพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการสื่อสารผ่านกิจกรรม โดยผู้เรียนต้องเข้าใจและเห็นคุณค่าของปัญหาเพื่อออกแบบแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
3) สร้างความจับใจ (Emotional Touch) สร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนกระตือรือร้นในการแก้ปัญหาได้สำเร็จ ผู้เรียนมีความภูมิใจ มีทัศนคติที่ดี และสนุกกับการเรียนรู้
ประโยชน์ของ STEAM EDUCATION
- นวัตกรรมคือกุญแจสู่อนาคต เพราะโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนมากขึ้น การคิดวิเคราะห์ ตั้งคำถาม และสร้างสรรค์แนวทางแก้ปัญหาใหม่ๆ จึงสำคัญ ซึ่ง STEAM Education ไม่ได้เน้นแค่อะไรและอย่างไรแต่ยังรวมถึงทำไม เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจผลกระทบของนวัตกรรมต่อสังคม ซึ่งนวัตกรรมไม่ใช่แค่เทคโนโลยีใหม่ๆ แต่เป็นการแก้ปัญหาสำคัญของโลก เช่น ใช้ดาวเทียมคาดการณ์สภาพอากาศและวิเคราะห์ภาวะโลกร้อน เรือนกระจกไฮโดรโปนิกส์ช่วยปลูกพืชในเมืองพร้อมลดคาร์บอนและต้นทุน เป็นต้น
- เตรียมผู้เรียนให้พร้อมสำหรับตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติกำลังเข้ามาแทนที่งานซ้ำๆ แต่ความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหาเป็นสิ่งที่ AI ทดแทนไม่ได้ STEAM Education จึงเน้นการพัฒนาทักษะสำคัญที่ตลาดแรงงานต้องการ เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI และ Big Data ฯลฯ เพื่อยกระดับทักษะความสามารถให้ดียิ่งขึ้น
- กระตุ้นการเรียนรู้ผ่านความสนใจของผู้เรียน เพราะแต่ละคนมีความถนัดต่างกัน STEAM Education จึงช่วยให้ทุกสาขามีความเชื่อมโยงกันผ่านการเรียนรู้แบบบูรณาการและองค์รวม ทำให้มองเห็นปัญหาในมุมมองที่หลากหลาย ใช้ทักษะแต่ละด้านได้อย่างสมดุล เน้นการตั้งคำถามและค้นหาคำตอบด้วยตัวเองมากกว่าการท่องจำร่วมมือแก้ปัญหากับผู้อื่นในมุมมองที่ต่างออกไป
STEAM
EDUCATION สำคัญกับอนาคตการศึกษา
ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพต้องเตรียมความพร้อมให้กับนักเรียนสำหรับตลาดแรงงานในอนาคต
Steam Education จึงมีความสำคัญอย่างมาก
เพราะนักเรียนได้เรียนรู้ผ่านความอยากรู้อยากเห็น การเล่น และการลงมือปฏิบัติจริง
ซึ่งอาจนำไปสู่เส้นทางอาชีพใหม่ๆ บนความท้าทายของอาชีพที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
แม้ไม่สามารถคาดการณ์อนาคตของตลาดแรงงานได้ แต่ Steam Education ช่วยให้นักเรียนมีทักษะและความรู้ที่จำเป็น
เพื่อให้พร้อมปรับตัวและประสบความสำเร็จในโลกการทำงานอนาคต
ข้อมูลอ้างอิง :
-
educa2020.educathai.com/learnings/24
-
onlinedegrees.sandiego.edu/steam-education-in-schools/
-
www.beyondcodeacademy.com/post/steam-education-beyondcodeacademy
-
www.classpoint.io/blog/th/steam-education-คืออะไร-คู่มือฉบับย่อ
- www.moe.go.th/360steam-education/
-
www.spacefoundation.org/2022/06/22/what-is-steam-education-and-why-is-it-important/
-
www.twinkl.co.th/teaching-wiki/steam-khux-xari
-
xqsuperschool.org/high-school-community/what-is-steam-education/

