เทศกาลคริสต์มาส กับ 5 เหตุผลที่คนทั่วโลกรอคอย
ธันวาคมของทุกปี เป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองอย่างแท้จริง เพราะมีทั้งเทศกาลคริสต์มาสและวันปีใหม่เพื่อเฉลิมฉลองและส่งความสุขให้แก่กัน โดยเฉพาะเทศกาลคริสต์มาส แม้จะเป็นเทศกาลสำคัญของชาวคริสต์ และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมตะวันตก แต่คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยต่างก็ตื่นเต้นและเฝ้ารอคอยเหมือนๆ กัน
ดังนั้นช่วงเดือนนี้ ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน จึงมักได้ยินเสียงเพลง We Wish You a Merry Christmas กับการประดับประดาต้นคริสต์มาส ดวงไฟ และซานตาคลอส ตามอาคารบ้านเรือน ร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้าต่างๆ เต็มไปหมด ยิ่งทำให้รู้สึกสัมผัสถึงบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาสมากขึ้น จนทุกคนอยากให้ถึงวันคริสต์มาสเร็วๆ
เทศกาลคริสต์มาส
สำคัญอย่างไร
สำหรับชาวคริสต์แล้ว
วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ถือเป็นวันคริสต์มาสหรือวันประสูติของพระเยซู
ผู้เป็นศาสดาของศาสนาคริสต์ ชาวคริสตจักรทั่วโลกจึงจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ และกำหนดให้เป็นวันหยุดยาวของประเทศด้วย
ทั้งนี้ คำว่า Christmas เป็นภาษาอังกฤษโบราณ
มีรากศัพท์มาจาก Christes Maesse แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า
อันเป็นพิธีแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันชาวคริสต์ ในการบูชาขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงลงมาไถ่บาปแทนมนุษย์นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม
ก่อนจะมีการกำหนดวันที่ 25
ธันวาคม เป็นวันเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู
ในคัมภีร์ไบเบิ้ลไม่ได้มีการบันทึกวันประสูติว่าตรงกับวันที่เท่าไหร่ ทราบกันเพียงพระองค์ประสูติ
ณ เมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย ในสมัยจักรพรรดิซีซาร์ออกุสตุสแห่งจักรวรรดิโรมัน
ต่อมาในปี ค.ศ.274 สมัยจักรพรรดิออเรเลียนทรงกำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันเฉลิมฉลองเหล่าสุริยเทพของชาวโรมัน แต่ชาวคริสต์ในอาณาจักรโรมันถือว่าพระเยซูคือผู้ทรงอยู่เหนือความตาย
และเป็นศาสดาสูงสุดที่พวกเขานับถือ จึงเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซูในวันดังกล่าวแทน
โดยได้บันทึกการจัดงานขึ้นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ เมื่อปี ค.ศ.336 หรือ 1,600 กว่าปีมาแล้ว
ส่วนวันก่อนคริสต์มาสหนึ่งวัน
ตรงกับวันที่ 24
ธันวาคมของทุกปี จะถือเป็นวันคริสต์มาสอีฟ เพราะตามธรรมเนียมนับปีของคริสเตียน
วันจะเริ่มต้นเมื่อพระอาทิตย์ตก
ดังนั้นวันคริสต์มาสจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่เย็นของวันคริสต์มาสอีฟ ซึ่งในวันนี้
ชาวคริสตจักรจะพากันเดินทางไปร่วมพิธีมิสซาอันศักดิ์สิทธิ์ตามโบสถ์ต่างๆ
นอกจากจะได้เฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซูแล้ว
ช่วงเทศกาลคริสต์มาสยังเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขและความทรงจำที่คนทั่วโลกรอคอยอย่างจดจ่อ
ด้วยเหตุผลหลายประการ
5 เหตุผลที่คนทั่วโลกรอคอยเทศกาลคริสต์มาส
· เป็นช่วงเวลาของการตกแต่งดวงไฟและต้นคริสต์มาส ไปพร้อมๆ กับการห้อยสิ่งของที่ต้องการในชีวิต เพื่อสื่อถึงความสว่างไสวและอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทุกคนในครอบครัวจะทำร่วมกันอย่างอบอุ่น โดยชาวคริสต์เชื่อว่าต้นคริสต์มาสคือต้นไม้ในสวนสวรรค์ ที่มีสีเขียวเสมอในทุกฤดูกาล มักทำมาจากต้นสน เพราะหาได้ง่ายในยุโรปและอเมริกา แต่ภายหลังมีการนำต้นไม้ประเภทอื่นๆ มาตกแต่งด้วย เช่น ต้นฮอลลีที่มีใบสีเขียวลักษณะคล้ายหนามและมีผลสีแดงสด หรือต้นพอยน์เซตเทียที่มีใบเขียวแดงสวยงาม เชื่อมโยงกับสีเทศกาล โดยสีแดงเปรียบเสมือนโลหิตของพระเยซู และสีเขียวแทนความบริสุทธ์ นอกจากนั้นสำหรับต้นพอยน์เซตเทียยังมีรูปทรงยอดคล้ายดวงดาวแห่งเบธเลเฮม (Bethlehem) หรือดาวคริสต์มาส ต่อมาจึงกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาส และเรียกกันอีกชื่อว่า ต้นคริสต์มาส
· เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในครอบครัวจะกลับบ้านและมารับประทานอาหารร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุข โดยส่วนใหญ่มักทำอาหารกันเอง ซึ่งเมนูหลักยอดฮิตได้แก่ ไก่งวงอบ รับประทานคู่กับมันบดและอาหารอื่นๆ สำหรับของหวานที่นิยมจะมีทั้งเค้กขอนไม้ ฟรุตเค้ก พุดดิ้ง คุกกี้ขิง แล้วก็พายฟักทอง โดยเฉพาะเค้กขอนไม้ ที่มีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส ที่ในสมัยก่อนจะมีวัฒนธรรมการเผาท่อนไม้ต่อเนื่องในปล่องไฟตลอดช่วงคริสต์มาส เพราะเชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้ แต่ต่อมามีกฎห้ามเปิดปล่องไฟทิ้งไว้ในฤดูหนาว ก็เลยเกิดการทำเค้กรูปทรงยาวกลมคล้ายขอนไม้ขึ้นมาแทน เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมนี้ต่อไป ส่วนเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้คือ ไวน์อุ่น หรือ Mulled Wine (ไวน์แดงต้มผสมน้ำตาลกับเครื่องเทศ) สำหรับดื่มฉลองและช่วยคลายความหนาว ซึ่งถูกคิดค้นโดยชาวโรมันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ก่อนจะแพร่หลายเป็นเครื่องดื่มประจำเทศกาลคริสต์มาสในช่วงศตวรรษที่ 15 มาจนถึงปัจจุบัน
·
เป็นช่วงเวลาที่ทุกคน โดยเฉพาะเด็กๆ
ต่างตื่นเต้นกับของขวัญที่จะได้รับจากซานตาคลอส โดยจะมีการนำถุงเท้ายาวไปแขวนไว้ที่หน้าเตาผิงหรือต้นคริสต์มาส
ตั้งแต่วันคริสต์มาสอีฟ
เพราะเชื่อว่าซานตาคลอสจะนำของขวัญมาใส่ไว้ให้ในคืนวันคริสต์มาส ซึ่งภาพจำของคนทั่วโลก
ซานตาคลอสจะเป็นชายแก่ร่างอ้วน ใจดี หนวดเคราสีขาว สวมชุดสีแดงและรองเท้าบูตสีดำ มาพร้อมกับรถลากเลื่อนและกวางเรนเดียร์
แต่ตามประวัตินั้น ซานตาคลอสมีต้นแบบจริงมาจาก นักบุญนิโคลัส บาทหลวงชาวตุรกี
ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่า เป็นชายที่มีจิตใจดี และชาวฮอลแลนด์นับถืออย่างมาก
โดยเรียกกันว่า ซินเตอร์คลาส แล้วชาวอเมริกันเรียกเพี้ยนเป็น ซานตาคลอส ส่วนกวางเรนเดียร์มีทั้งหมด
9 ตัว มีตัวหนึ่งชื่อรูดอล์ฟ ที่โดดเด่นที่สุดและอยู่หน้าสุดของรถลากเลื่อน
เพราะมีจมูกสีแดงมาตั้งแต่เกิด แถมยังส่องแสงสว่างได้ ช่วยให้ซานตาคลอสสามารถเดินทางฝ่าความมืด
หิมะ หรือหมอกหนาๆ ไปแจกของขวัญได้อย่างราบรื่น
·
เป็นช่วงเวลาที่จะได้สนุกสนานกับการเคาะประตูร้องเพลงเฉลิมฉลอง
ส่งการ์ดอวยพร และมอบของขวัญให้แก่กัน โดยการเคาะประตูจะมีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มแล้วเดินไปเคาะทีละบ้าน
เมื่อประตูเปิดออกทุกคนก็จะร้องเพลงอวยพร ผู้ที่ได้รับการอวยพรก็จะตอบแทนด้วยของขวัญ
เป็นขนม อาหาร หรือเครื่องดื่ม ซึ่งเพลงที่นิยมร้อง ก็เช่น เพลง White
Christmas, Santa Claus is Coming to Town หรือ Silent
Night, Holy Night ส่วนคำอวยพรที่มักได้ยินหรือเขียนให้กันในการ์ดบ่อยๆ
ก็คือ Merry Christmas แปลว่า สันติสุข
·
เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะได้หยุดพักผ่อนยาว
หลังจากทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งปี ก่อนจะเริ่มต้นปีใหม่อย่างมีความสุข
เพราะฉะนั้น แม้เทศกาลคริสต์มาสจะกำเนิดมายาวนานนับพันปีแล้วก็ตาม แต่ความสุขและความทรงจำอันล้ำค่าจากเทศกาลแห่งความสุขนี้ ทำให้คนทั่วโลกยังคงตื่นเต้นและรอคอยให้มาถึงในทุกๆ ปีอยู่เสมอ...

