เมืองกับความรัก ‘ถ้าเมืองโรแมนติก เราจะตกหลุมรักกันมากขึ้น’

12 กุมภาพันธ์ 2024
|
20630 อ่านข่าวนี้
|
23


จะดีแค่ไหน ถ้าผู้คนได้มีพื้นที่ให้เดินทอดน่อง ส่งยิ้มและทักทายกัน ท่ามกลางต้นไม้สีเขียวๆ อากาศสดชื่น สร้างความรู้สึกรื่นรมย์โรแมนติก โดยเฉพาะพื้นที่ในเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพมหานคร เมื่อเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆ เช่น ปารีส เวนิช โรม เวียนนา เกียวโต หรือสิงคโปร์ กรุงเทพฯ ของเรายังอยู่ห่างไกลความโรแมนติกค่อนข้างมาก เนื่องจากขาดองค์ประกอบหลายประการ ทำให้โอกาสที่ความรักจะเบ่งบานมีน้อยเหลือเกิน  ลองนึกภาพดู เมืองที่ถนนขรุขระ เป็นหลุมบ่อ รถติด ควันเสียเยอะ สวนสาธาณะไม่เพียงพอ สิ่งแวดล้อมแย่ เราจะไปหาโมเมนต์สวยงาม สบตา เกี่ยวก้อย เดินไปส่งกันจากที่ไหน ให้เกิดจังหวะของความรักเพื่อสานสัมพันธ์กันได้ล่ะ ดังนั้น เมื่อเมืองไม่โรแมนติก คนจึงตกหลุมรักกันยากขึ้น ตามมาด้วยปัญหาคนโสดเพิ่มขึ้นอีก และในอนาคต คนเมืองก็อาจจะอินกับวันวาเลนไทน์น้อยลง อย่ากระนั้นเลย มาหาคำตอบกันดีกว่าว่า อะไรบ้างที่เป็นองค์ประกอบของการสร้างเสริมเมืองโรแมนติก ซึ่งจะช่วยให้คนกรุงเทพฯ หรือมนุษย์ในเมืองใหญ่ๆ รักกันง่ายขึ้นและมากขึ้นด้วย

 องค์ประกอบพื้นฐานของเมืองโรแมนติก  


  • ทางเท้าที่เป็นใจ ปิ๊งรักก็เกิดขึ้นได้
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเดินเป็นกิจกรรมสำคัญมากในการส่งเสริมให้คนรักกัน เพราะการเดตกับใครสักคน คนๆ นั้นก็คงอยากจะเดินเกี่ยวก้อยพูดคุยกระหนุงกระหนิงนานๆ บนทางเท้าที่ราบเรียบ แข็งแรง ไม่แตกชำรุด เดินแล้วไม่สะดุดเจอหลุมบ่อ เวลาเหยียบย่างไม่มีน้ำพุ่งกระจายเลอะเทอะให้เสียบรรยากาศ เพื่อจะปิ๊งรักและสานสัมพันธ์กันต่อไปได้ โดยทางเท้าที่ดีนั้น ควรมีขนาดกว้างอย่างน้อย 1.5-2 เมตรตามข้อกำหนด ไม่มีสิ่งกีดขวางก่อให้เกิดอันตรายใดๆ รวมทั้งควรมีม้านั่งสำหรับนั่งพัก หรือต้นไม้สร้างความร่มรื่นเป็นระยะ อย่างเช่น ปารีสนอกจากมีม้านั่งและต้นไม้ร่มรื่นแล้ว ยังมีร้านกาแฟกับบาร์เก๋ๆ ตามรายทางให้แวะดื่มด่ำอีกด้วย 

  • ป้ายรถเมล์สวยทันสมัย ชวนสบสายตาระหว่างเดินทาง
เพราะการเดินทางเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตเมือง หากเมืองพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง ก็จะช่วยให้คนหันมาใช้บริการมากขึ้น และลดปัญหาจราจรไปในตัว นอกจากนั้นป้ายรถเมล์ยังเป็นจุดรวมตัวของผู้คนในการรอรถ ทำให้อาจเจอใครสบสายตาแล้วตกหลุมรักกันได้ แต่ป้ายรถเมล์ก็ควรต้องออกแบบสวยงาม ทันสมัย มีชายคากันแดดกันฝน ไม่สกปรกหรือรกด้วยขยะ มีไฟส่องสว่างในยามค่ำคืนเพียงพอ เหมือนฉากป้ายรถเมล์ในซีรีส์โรแมนติกของฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน หรือเกาหลีใต้ ที่ชวนให้คู่รักไปยืนรอนั่งรอรถเพื่อรับ-ส่งกันอย่างมีความสุข ซึ่งจากการสำรวจเมืองโรแมนติกและน่าอยู่ทั่วโลก ก็พบว่าเมืองติดอันดับล้วนให้ความสำคัญกับการออกแบบป้ายรถเมล์หรือป้ายรถสาธารณะทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านความสวยงาม ความคิดสร้างสรรค์ หรือประโยชน์ใช้สอย เช่น ป้ายรถเมล์แสนสนุกเล่นกับตัวอักษร BUS ของเมืองบัลติมอร์, ป้ายรถเมล์ที่มีตู้หนังสือเล็กๆ คล้ายห้องสมุดของเมืองอิสตันบูล, ป้ายรถเมล์ที่ออกแบบเป็นห้องนั่งเล่นย้อนยุคของออสเตรเลีย หรือป้ายรถเมล์ผลไม้ของญี่ปุ่น ฯลฯ เพราะฉะนั้น เมื่อเมืองทำให้การเดินทางปลอดภัยและเอื้ออำนวย พร้อมมีป้ายรถเมล์สวยงามเป็นมิตร คนก็จะยินดีไปใช้บริการและสบายใจในการสานสัมพันธ์กับคนที่ยืนรอรถอยู่ข้างๆ ได้มากขึ้น

  • ร่องรอยอดีต สูบฉีดความรัก
ส่วนใหญ่แล้ว ความรักมักมาพร้อมกับบรรยากาศและสถานที่ที่มีเสน่ห์ของความเก่า มองเห็นร่องรอยอดีตอันยาวนานและทรงคุณค่า โดยตามแนวคิด Sense of Place สถานที่ย้อนยุคส่วนมากจะกระทบกับความรู้สึกของผู้คนได้ง่าย แม้ร่องรอยอดีตของสถานที่นั้นอาจไม่มีร่องรอยของคนๆ นั้นอยู่ก็ตาม แต่ก็มีคนอื่นฝากร่องรอยเอาไว้ กลิ่นของอดีตที่อบอวลท่ามกลางเมืองทันสมัย จึงกระตุ้นให้เคมีความรักสูบฉีดขึ้นได้ นอกจากนั้น นักจิตวิทยายังอธิบายด้วยว่า ร่องรอยความเก่าเป็นเสมือนตัวแทนความรู้สึกผูกพันของคนหรือของเมืองที่มีต่อร่องรอยนั้น เมื่อคนสองคนได้สัมผัสร่วมกัน ความรักก็สามารถสปาร์กขึ้นได้ไม่มากก็น้อย ดังนั้น หากเมืองรักษาความเก่าเอาไว้เคียงคู่กับความทันสมัยของยุคปัจจุบัน ก็จะช่วยให้คนตกหลุมรักกันได้ง่ายขึ้น 


  • ต้นไม้กับสวนเขียวๆ เติมหัวใจสีชมพู
ทุกวันนี้กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ ในบ้านเรา มีต้นไม้ พื้นที่สีเขียว หรือสวนสาธารณะน้อยมาก ทั้งที่ต้นไม้ดอกไม้ และสีสันต่างๆ ของธรรมชาติ เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างบรรยากาศแห่งความโรแมนติก เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ กับหลายเมืองเพื่อนบ้าน กรุงเทพฯ นับว่ามีต้นไม้และพื้นที่สีเขียวน้อยมาก คือประมาณ 6.23 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คนเท่านั้น ส่งผลให้ผู้คนขาดพื้นที่หวานฉ่ำสำหรับมาเดินเล่นผ่อนคลาย ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ด้วยกัน ขณะที่ห้างสรรพสินค้ากลับเต็มเมือง เดินแล้วรู้สึกอึดอัดเพราะคนเยอะ ดูวุ่นวาย ถนนรถติด แตกต่างจากเมืองที่โรแมนติกจะมีสวนสาธารณะให้จูงมือเดินเล่นหลากหลาย เข้าถึงง่าย โดยภายในสวนยังมีสระน้ำ น้ำพุ และต้นไม้ดอกไม้มากมาย เช่น เมืองอัมสเตอร์ดัม โทรอนโต หรือซีแอตเทิล มีพื้นที่สีเขียวกระจายอยู่ทั่วไป ตั้งแต่สวนสาธารณะ จัตุรัสเมือง ไปจนถึงถนนหนทาง ซึ่งเมื่อเมืองมีต้นไม้กับสวนเขียวๆ หนาแน่น อากาศก็พลอยสะอาดสดชื่น เติมหัวใจสีชมพูให้กับคนที่มาพักผ่อน จนก่อเกิดเป็นความรักกลางสวนได้


  • พื้นที่สาธารณะหลากหลาย เปิดโอกาสให้รักมาเจอกัน
นอกจากสวนสวยๆ มีต้นไม้ร่มรื่นแล้ว พื้นที่สาธารณะก็เป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่เปิดโอกาสให้คนโสดมาพบเจอ พูดคุย
แลกเปลี่ยนกัน แล้วเกิดปิ๊งรักกันได้ โดยจากการสำรวจพบว่า ยิ่งมีพื้นที่สาธารณะหลากหลายและมากเท่าไหร่ โอกาสเจอรักของคนโสดก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพราะพื้นที่สาธารณะมักมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ดึงดูดให้คนมาทำกิจกรรมและสร้างสัมพันธ์กัน เช่น ลานเมือง ลานชุมชน หอศิลปะ พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด หรือแหล่งเรียนรู้ทั้งหลาย ฉะนั้นเมืองโรแมนติก จึงควรต้องมีพื้นที่สาธารณะหลากหลาย มีชีวิตชีวา ต้นทุนใช้จ่ายน้อย หรือสามารถไปทำกิจกรรมได้ฟรี เพื่อทุกคนทุกชนชั้นเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะคนมีรายได้น้อย รวมถึงเป็นพื้นที่ที่มี Sense of Community หรือความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของคนในชุมชน ส่งเสริมให้คนเข้ามาใช้พื้นที่อย่างสะดวกใจ สร้างโอกาสในการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างคนกับคนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะพัฒนาไปเป็นความรักอันโรแมนติกได้ไม่น้อย         

ข้อมูลอ้างอิง : www.urbancreature.co, www.citycracker.co  
0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI