เที่ยว 7 เมืองปลอดภัยที่สุดในโลก

02 พฤษภาคม 2023
|
33390 อ่านข่าวนี้
|
17

 

แม้สถานการณ์โควิดจะดีขึ้นแล้ว แต่การใช้ชีวิตและการทำงานยุคปัจจุบันก็ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว จากเดิมเป็นปกติแบบใหม่ หรือ New Normal ทำให้การท่องเที่ยวเดินทางพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย เพราะเมื่อก่อนอาจลั้นลาฮาเฮไม่ต้องระมัดระวังมาก แต่ตอนนี้จะต้องวางแผนเตรียมการณ์และเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่ปลอดภัยมากที่สุดจริงๆ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคอีก

ดังนั้นนอกจากความสวยสดงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว มาตราฐานการดูแลความปลอดภัยของสถานที่นั้นๆ โดยเฉพาะด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพอากาศ จึงกลายเป็นข้อพิจารณาสำคัญอันดับต้นๆ ในการสร้างความมั่นใจเวลาไปท่องเที่ยวได้สูงขึ้น ซึ่งเมืองที่อยู่ในขอบข่ายน่าเที่ยวและปลอดภัยที่สุดตามมาตราฐานดังกล่าวในยุคนี้ มี 7 เมืองอยากแนะนำพอสังเขป 


1. โคเปนเฮเกน เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเดนมาร์ก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดชายฝั่งทะเล ถือเป็นหนึ่งเมืองในฝันของนักเดินทางมาแต่ไหนแต่ไร โดยสถานที่สำคัญของเมืองนี้ที่พลาดชมไม่ได้มีหลายแห่ง เช่น พระราชวังอมาเลียนบอร์ก-พระราชวังฤดูหนาวของราชวงศ์เดนมาร์ก สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 18 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ร็อกโคโค และยังเป็นที่ตั้งของพระบรมรูปทรงม้าที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย, ศาลาว่าการเมืองโคเปนเฮเกน อาคารเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ที่มีความงดงามและมีหอคอยสูงถึง 105.6 เมตร ตั้งตระหง่านขึ้นไปยังท้องฟ้า, โบสถ์เฟรเดอริกหรือโบสถ์หินอ่อนทรงโดมสีเขียว ที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบร็อกโคโคเช่นกัน มีจุดเด่นที่การใช้หินอ่อนเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง 

          2. โตรอนโต เมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในแคนาดา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ มีสถานที่สวยๆ งามๆ น่าเที่ยวหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกไนแองการาที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ, ซีเอ็นทาวเวอร์ หอคอยที่สูงที่สุดในโตรอนโต เมื่อขึ้นไปชมจะสามารถมองเห็นเมืองได้จากทุกมุมมอง, พิพิธภัณฑ์โรยัลออนตาริโอ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ชั้นนำที่มีการจัดแสดงนิทรรศการสำคัญจากทั่วโลก หรือคาซาโลมา คฤหาสน์และสวนสวยสไตล์โกธิคบนยอดเขา ซึ่งปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์และบ้านประวัติศาสตร์ให้คนทั่วไปได้เข้าชม มีลักษณะเป็นปราสาทที่ตกแต่งภายในแบบคลาสสิก ประกอบด้วยห้องต่างๆ ถึง 98 ห้องทีเดียว 


3. สิงคโปร์ เมืองจิ๋วแต่แจ๋วในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านความปลอดภัย สะอาด ร่มรื่น และทันสมัย เรียกได้ว่ามีการจัดอันดับโลกประเภทไหนๆ ก็มักติดโผเสมอ เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นที่สุดของเมืองสีเขียว สวนสาธารณะสวยงามตระการตาอย่าง การ์เด้น บาย เดอะ เบย์ จึงเป็นแลนด์มาร์กที่ต้องไปเช็กอินแน่นอน รวมถึงอ่าวมารีนา ที่มีเมอร์ไลอ้อนหรือรูปปั้นสิงโตทะเลพ่นน้ำ เป็นไฮไลต์ กับเซาต์ อีสต์ เอเชีย อควาเรียม-พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ที่มีสัตว์น้ำให้ชมมากกว่า 1 แสนตัว-800 สายพันธุ์ และเรือสำเภาจำลองขนาดใหญ่เท่าของจริง ที่มีการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเส้นทางการเดินเรือเพื่อการค้าขายสมัยก่อน แล้วก็สิงคโปร์  ไนท์ ซาฟารี สวนสัตว์ยามค่ำคืนแห่งแรกของโลก ซึ่งแบ่งพื้นที่เป็นโซนต่างๆ เช่น โซนทุ่งหญ้าสะวันน่า, โซนหุบเขาแม่น้ำเนปาล หรือโซนป่าดงดิบ หลากล้วนอลังการงานสร้างทั้งสิ้น 

4. ซิดนีย์ เมืองหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ในออสเตรเลีย เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาและสีสัน ทั้งด้านสถาปัตยกรรม ชายหาด และตลาดชุมชน โดยสถานที่โดดเด่นเชิญชวนให้ต้องไปเยือนนั้น มีตั้งแต่โอเปร่าเฮ้าส์ ซึ่งสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแห่งศตวรรษที่ 20 จนได้รับเลือกเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.2007 จากองค์การยูเนสโก, ฮาร์เบอร์บริดจ์ สะพานโครงสร้างเหล็กขนาดมหึมา ที่ใช้เป็นโลเกชันจุดพลุฉลองศักราชใหม่ในทุกปี จนเป็นภาพจดจำของชาวโลก เวลาพูดถึงซิดนีย์ คนจึงมักนึกถึงที่นี่เป็นที่แรก จนถึงควีนวิกตอเรีย บิลดิ้ง สถาปัตยกรรมในยุคปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่มีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งงดงามเปรียบประดุจมงกุฎประดับอัญมณีล้ำค่าของเมืองนี้ และมหาวิหารเซนต์แมรี ที่ใหญ่ที่สุดในซิดนีย์และสูงที่สุดในออสเตรเลีย ซึ่งเลอค่าด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค  


5. โตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น ซึ่งอาบอุ่นไปด้วยบรรยากาศผสานความเก่าและความเก๋ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศิลปะ หรือวัฒนธรรม เช่น พระราชวังอิมพีเรียลในย่านมารุโนจิ อดีตเคยเป็นป้อมปราการของเมือง ซึ่งโดดเด่นเคียงคู่มากับสะพานนิจูบาชิ ที่อยู่ภายในรั้ววัง และจะสวยงามที่สุดในช่วงฤดูดอกซากุระบานกับช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี, วัดเซนโจจิในเขตอาซากุสะ วัดเก่าแก่ที่สุดของโตเกียว ที่มีประตูทางเข้าคามินาริ ขนาดใหญ่สีแดงแขวนโคมไฟยักษ์ เป็นสัญลักษณ์โด่งดัง, สวนอุเอโนะอันเลื่องลือ ซึ่งเป็นจุดชมวิวซากุระที่พราวสะพรั่งสะกดสายตามากที่สุด, พิพิธภัณฑ์จิบลิ ซึ่งรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับสตูดิโอจิบลิ ค่ายหนังที่สร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นโดนใจคนทั่วโลก ยังไม่นับรวมย่านสุดชิคต่างๆ อีกมากมาย อย่างชิบูย่าหรืออาโอยามา     


6. อัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์-แดนดอกไม้และคูคลอง ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเติล ที่นี่อากาศสดชื่น เหมาะกับการเดินเล่นเพลินๆ นั่งเรือชิลๆ หรือไม่ก็ปั่นจักรยานสโลว์ไลฟ์ชมเมือง โดยสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์จะอยู่ที่จัตุรัสดัมสแควร์ ศูนย์กลางของเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยแลนด์มาร์กสำคัญๆ หลายแห่ง, พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอัมสเตอร์ดัม ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ และงดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างโกธิคกับเรอเนสซองส์, พิพิธภัณฑ์แวนโก๊ะ ซึ่งจัดแสดงผลงานของวินเซนต์ แวนโก๊ะ ศิลปินก้องโลกที่ไม่มีใครไม่รู้จัก, หมู่บ้านกังหันลมโบราณ แล้วก็ตลาดขายดอกไม้ลอยน้ำ ที่มีดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ให้เลือกไม่หวาดไหว   

7. เวลลิงตัน เมืองหลวงของนิวซีแลนด์ ที่มีขนาดเล็กๆ แต่น่ารักและเปี่ยมเสน่ห์ทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม โดยสถานที่สุดฮอตและเป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นยอด ได้แก่ พิพิธภัณฑ์เตปาป้า ตองกาเรวา ที่มีการรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับนิวซีแลนด์มาจัดแสดงในรูปแบบที่แปลกตาและน่าตื่นเต้นที่สุด, สวนพฤกษศาสตร์เวลลิงตัน โอเอซิสที่เขียวชอุ่มซึ่งเต็มไปด้วยดอกไม้และบรรดาสัตว์พื้นเมือง, สวนสัตว์เวลลิงตัน ที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นสวนสัตว์ขนาดกะทัดรัดที่ดีที่สุดของโลก มีสัตว์มากมายให้สัมผัสอย่างใกล้ชิด เช่น ยีราฟ  เมียร์แคต เสือซีตาห์, ยอดเขาวิกตอเรีย-จุดชมวิวประจำเมือง ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกลแบบพาโนรามา โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วแสงไฟหลากสีของเมืองค่อยๆ สว่างขึ้น สวยจับใจอย่างบอกไม่ถูก

 

·       ข้อมูลอ้างอิง : www.securitysystems.in.th

  

บทความใกล้เคียง
ดูบทความทั้งหมด
ไซบอร์กแห่งปี 2025
27 มิถุนายน 2025
546 0
0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI