Business of Dog breed ในโลกของการเพาะพันธุ์สุนัข

18 กรกฎาคม 2023
|
1485 อ่านข่าวนี้
|
17


 

            สำหรับผู้รักสุนัขและผู้เพาะพันธุ์สุนัขมืออาชีพแล้ว การได้เห็นสุนัขของตัวเองสามารถชนะการประกวดในเวทีใดๆ ก็ตาม ถือเป็นความภูมิใจของผู้เลี้ยงและผู้เพาะพันธุ์ราวกับว่าเราได้เห็นลูกๆ ของเราได้เหรียญทองโอลิมปิก 

            หนึ่งในเวทีการประกวดที่มีอิทธิพล รับความเชื่อถือและมีการจัดประกวดแข่งขันกันมาอย่างยาวนานมากที่สุดของโลก คือ รายการเวสมินสเตอร์ คาเนล คลับ (Westminster Kennel Club) โดยสมาคมผู้เพาะพันธุ์สุนัขแห่งสหรัฐฯ หรือ American Kennel Club (AKC) ซึ่งจัดขึ้นทุกปีที่เมดิสัน สแควร์ การ์เดนท์ นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกเหนือจากการเป็นผู้จัดการแข่งขันสุนัขที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกแล้ว ยังเป็นผู้กำหนดมาตรฐานการแข่งขัน คุณลักษณะพิเศษของแต่ละสายพันธุ์ และมีอิทธิพลในการกำหนดทิศทางของธุรกิจการเพาะพันธุ์สุนัขอย่างมีนัยยะสำคัญอีกด้วย ครั้งนี้เราจะพาคุณไปท่องโลกของการเพาะพันธุ์สุนัขว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไรและน่าสนใจแค่ไหน  

            สมาคมผู้เพาะพันธุ์สุนัขแห่งสหรัฐฯ หรือ American Kennel Club (AKC) องค์กรที่มีอิทธิพลมากที่สุดของการเพาะพันธุ์และการประกวดสุนัขของโลก ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1884 เป็นหนึ่งในองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานของสายพันธุ์สุนัขเลี้ยงมาอย่างยาวนานที่สุดของโลก และการแข่งขันเวสมินสเตอร์ก็ถือเป็นรายการแข่งขันที่ทำอย่างต่อเนื่องเก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ จะเป็นรองก็แค่รายการแข่งม้าแข่งรายการ แข่งม้าแคนตักกี้(Kentucky Derby) เท่านั้น ที่เริ่มมาก่อนหน้าคือปี ..1875 ส่วนรายการเวมินสเตอร์ เริ่มต้นเมื่อปี 1877

            แรกเริ่มเดิมทีการแข่งขันนี้เป็นไปเพื่อหาสุนัขรูปร่างดีที่เหมาะสำหรับการใช้ในการล่าสัตว์ เหล่าผู้เลี้ยงสุนัขไว้สำหรับยิงนกพันธุ์เทอร์เรีย จึงเริ่มรวมกลุ่ม ตั้งสมาคมขึ้นมาเพื่อคัดสรรสุนัขที่มีคุณลักษณะดี เพื่อใช้งาน ตลอดนระยะเวลานับศตวรรษ มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนามากฎกติกามาเรื่อยๆ กระทั่งวิวัฒน์มาเป็นการแข่งขันอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน

            เวสมินสเตอร์ คาเนล คลับ ถือกำเนิดหลังจากการก่อตั้งสมาคมผู้เพาะพันธุ์สุนัขแห่งสหรัฐฯ (AKC)  เจ็ดปีและกลายเป็นการแข่งขันแรก ที่เป็นที่ยอมรับของสมาคมฯ โดยมีสโมสรพ่อแม่พันธุ์ในยุคนั้น เช่น Collie Club of America ซึ่งเป็นผู้เริ่มต้นสร้างมาตรฐานสำหรับสุนัขแต่ละสายพันธุ์โดยมี AKC จัดการกฎเกี่ยวกับการแสดงและการตัดสิน สุนัขถูกตัดสินโดยความใกล้ชิดกับคำอธิบายที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ใกล้เคียงกับภาพอุดมคติของสายพันธุ์นั้นๆ มากที่สุด โดยให้ความสำคัญกับความสามารถในการทำงานตามสายพันธุ์ แต่ปัจจุบันความสำคัญเรื่องการทำงานแทบไม่เหลืออยู่แล้ว แต่ก็ยังคงตัดสินจากความสามารถโดยชาติกำเนิดและรูปลักษณ์ทางกายภาพเพื่อทำงานดั้งเดิม มาตรฐานทางอุดมคติยังรวมถึง สีขน รูปร่างตา หางม้าและอื่นๆ บวกกับการอบรมเพื่อให้เป็นเพื่อนของมนุษย์มากกว่า

            เวสมินสเตอร์ คาเนล คลับจะจัดขึ้นสองวัน ระหว่างวันสุนัขจะแข่งขันกับสุนัขสายพันธุ์เดียวกัน และผู้ชนะรางวัล Best of Breed (BOB) แต่ละตัวจะได้เลื่อนระดับไปยังระดับกลุ่ม ที่ถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดกลุ่มจามลักษณะของการใช้งาม นั่นคือ สายพันธุ์กีฬา(Sporting) สายพันธุ์ไม่เล่นกีฬา (Non-Sporting) สุนัขล่าเนื้อ (Hound โดยเฉพาะพันธุ์ที่มีหูยาวหน้าใหญ่สุนัขเพื่อการทำงาน(Working) สุนัขสายพันธุ์ขนาดเล็กที่เอาไว้ล่าสัตว์ (Terria) สายพันธุ์ขนาดเล็ก (Toy) และสุนัขสำหรับช่วยกวาดต้อนฝูง (Herding) ผู้ชนะทั้งเจ็ดกลุ่มได้เลื่อนชั้นสู่ Best in Show ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของการแสดง ในระหว่างการแสดง Best in Show ซึ่งจัดขึ้นที่ Madison Square Garden กรรมการผู้ตัดสินจะเลือกหนึ่งในผู้ตัดสินให้เป็นผู้ชนะ Best In Show ซึ่งผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลราว 2 ล้านบาท(ปัจจุบันสุนัขพันธุ์ผสมหรือที่เรียกกันว่า Hybrid ที่ยังเพาะพันธุ์ยังไม่เป็นที่ยอมรับว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ ได้รับอนุญาตเข้าร่วมการแข่งขันเรื่องความคล่องตัวเท่านั้น)

            การประกวดสุนัขรายการใหญ่เช่นนี้ดึงดูดผู้เพาะเลี้ยงจากทั่วสหรัฐอเมริกาเดินทางเข้ามาแข่งขันและทุ่มทุนอย่างมากมายในการแข่งขัน ตั้งแต่การเช่าโรงแรม อุปกรณ์ การผึกสุนัขเพื่อแข่งขัน การบำรุงเพื่อให้สุนัขพร้อมที่สุดสำหรับการแข่งขัน ไม่มีการระบุตัวเลขไว้ชัดเจนว่า ธุรกิจการประกวดสุนัขนั้นสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนแต่ละปีเท่าไหร่ แต่หากดูขนาดของธุรกิจการเพาะพันธุ์สุนัขของสหรัฐอเมริกา จากข้อมูลของ Statista คาดว่าปัจจุบันมีมูลค่ารวม 2 พันล้านดอลลาร์หรือราว 68,000 ล้านบาท ทั่วโลกอาจมีมูลค่าถึงสองแสนล้านบาท


  

            สำนักข่าว CNBC ของสหรัฐอเมริกาเคยทำรายงานพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าในการประกวดเวสมินสเตอร์ คาเนล คลับในแต่ละปี อาจมีผู้เข้าประกวดมากถึง 2,800 ผู้เพาะพันธุ์ และหากชนะรางวัลใดรางวัลหนึ่ง อาจทำให้ค่าตัว ของสุนัขตัวนั้นๆ รวมถึงสายพันธุ์นั้นเขยิบสูงขึ้นในตลาด อัตราค่าจ้างในการผสมพันธุ์ของสุนัขระดับชนะการประกวดอาจเริ่มตั้งแต่ 850,000 บาทไปจนถึง หลักล้านบาท ขึ้นกับความนิยมของสายพันธ์และความโด่งดังของสุนัข การชนะเวทีการประกวดของผู้เป็นเจ้าของ ย่อมหมายถึงโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างรายได้จากการเพาะพันธุ์สุนัขและแน่นอนการมีสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่สามารถชนะการประกวดก็ย่อมหมายถึงโอกาสที่สายพันธุ์นั้นๆ จะได้รับความนิยมมากขึ้น หรือเป็นที่สนใจก็ย่อมมีมากขึ้นเช่นกัน

            ยกตัวอย่างเช่นกรณีของ ทรัมเป็ต สุนัขพันธุ์บลัดฮาวด์ ซึ่งชนะการแข่งขันเวสมินสเตอร์ คาเนล คลับเมื่อปี 2021 ถือเป็นครั้งแรกที่สุนัขพันธุ์นี้ชนะการแข่งขันเวทีใหญ่ ทำให้บลัดฮาวด์ได้รับความสนใจขึ้นอย่างมากในการค้นหาคำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ บลัดฮาวนด์ถูกมองว่าเป็นสุนัขพันธุ์รองบ่อนที่ไม่เป็นที่นิยมนัก แต่การชนะในรายการใหญ่นั่นหมายถึง สายพันธุ์นี้จะได้รับความสนใจมากขึ้น ผู้เพาะเลี้ยงอาจให้ความสำคัญกับการเพาะเลี้ยงสายพันธุ์ลักษณะดีๆ ของบลัดฮาวนด์มากขึ้นและยังคงอยู่ สุนัขพันธุ์อื่นๆ คว้ารางวัลก็ เช่น วินสตันสุนัขพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก (ที่มีเจ้าของร่วมคือ มอร์แกน ฟอกซ์ นักอเมริกันฟุตบอล NFL โดยเขาได้รับวินสตันมาจากย่าของเขาที่เป็นนักเพาะพันธุ์สุนัขพันธุ์เฟรนช์ บูลด็อก) สไตรเกอร์สุนัขพันธุ์ซามอยด์ริเวอร์สุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดเอ็มเอ็มสุนัขพันธุ์เลคแลนด์ เทอร์เรียร์เบลล์” สุนัขพันธุ์อิงลิช เซตเทอร์ และฮอลลีวู้ดสุนัขพันธุ์มัลทีส

            ชื่อสายพันธุ์ส่วนใหญ่ ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อที่คุ้นหูของผู้นักสุนัข แต่จริงๆ แล้วสายพันธุ์ที่ได้รับการรับรองจาก AKC มีมากถึง 200 สายพันธุ์ เท่าที่มีการเก็บข้อมูลกัน สุนัขเลี้ยง น่าจะมีมากกว่า 340 สายพันธุ์ ที่เหลือคือยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน ซึ่งการขึ้นทะเบียนไม่ได้เกี่ยวกับความเก่าหรือใหม่ของสายพันธุ์ แต่อยู่ที่โดยข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับจำนวนรวมและต้นกำเนิดของสุนัขที่ขึ้นทะเบียนทั่วประเทศนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านภูมิศาสตร์ และปัจจัยอื่นประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมีสุนัขอีกหลายสายพันธุ์ที่ได้รับการจดทะเบียนในสมาคมอื่นที่ไม่ใช่ AKC หรือที่ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการเลยก็มี

            ล่าสุดปี 2022 AKC ประกาศเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมว่า สุนัขล่านกสายพันธุ์โบราณของอิตาลี สายพันธุ์บราโก อิตาเลียโน เป็นสมาชิกอันดับที่ 200 ในรายชื่อสายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับของทางสมาคม นั่นหมายความว่าหมาสายพันธุ์นี้สามารถสามารถเข้าร่วมการแสดงประกวดเเนวหน้าในสหรัฐฯ หลายๆ รายการได้รวมถึงงานเวสมันสเตอร์ คาเนล คลับ สุนัขพันธุ์นี้มีประวัติเก่าแก่กว่าสองพันปี แต่ไม่ได้ถูกนำเข้ามาในสหรัฐฯ จนถึงช่วงกลางคริสต์ทศวรรษที่ 1990 

            หากดูทะเบียนสุนัขที่เก่าแก่ที่สุดของสมาคมผู้เพาะพันธุ์สุนัขแห่งสหรัฐฯ ในปี 1878 มีเพียงเก้าสายพันธุ์เท่านั้น แต่ในทศวรรษที่ผ่านมาเพียงทศวรรษเดียว ทางสมาคมเพิ่มสุนัขมากกว่า 20 สายพันธุ์ ตั้งแต่พันธุ์รัสเชียนทอย (Russian Toy) ที่มีขนาดเล็กไปจนถึงพันธุ์โดโกอาร์เจนติโน (Dogo Argentino ) 

            สิ่งที่ตามมานก็คือ ความกังวลของความคลั่งความบริสุทธฺ์ของสายพันธุ์นั้น ในด้านหนึ่งก็อาจสร้างค่านิยมที่ไม่ค่อยดีนักต่อการเลี้ยงสุนัข การเพิ่มสายพันธุ์ใหม่ๆ เข้าไปในลิสต์ของสมาคมฯ ทำให้สถานการณ์ที่คนคลั่งอยากได้สุนัขพันธุ์แท้เเค่ตามเเฟชั่นยิ่งน่ากังวลและยังเป็นการส่งเสริมธุรกิจผลิตลูกสุนัขเหมือนโรงงานสินค้า(Puppy Mills) ซึ่งเพาะพันธุ์สุนัขเชิงพาณิชย์โดยเน้นปริมาณแต่ไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพหรือชีวิตของพ่อแม่พันธุ์ อีกทางหนึ่งการชื่นชมคุณลักษณะของสายพันธุ์บริสุทธิ์ อาจเสริมสร้างการมีอคติทางชาติพันธุ์ได้โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

 อ้างอิง

https://www.akc.org/dog-breeds/

https://www.cnbc.com/2018/02/21/why-dog-owners-spend-thousands-to-compete-at-westminster-and-elsewhere.html

https://howtostartanllc.com/business-ideas/dog-breeding#:~:text=How%20much%20a%20dog%20breeding,an%20annual%20revenue%20of%20%2460%2C000.

https://www.ibisworld.com/industry-statistics/market-size/dog-pet-breeders-united-states/

0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI