พฤติกรรมเนือยนิ่ง วิถีชีวิตยอดฮิตแต่เป็นพิษของคนเมือง

06 กันยายน 2023
|
3093 อ่านข่าวนี้
|
10

       

          “อยากมีชีวิตที่ดี อย่าเอาแต่อยู่นิ่งๆ ต้องขยับเขยื้อนร่างกายบ้าง” เพราะการอยู่นิ่งๆ ต่อเนื่องยาวนาน จะทำให้เกิดพฤติกรรมเนือยนิ่ง หนึ่งในวิถีชีวิตยอดฮิตแต่เป็นพิษของคนเมืองได้ง่ายๆ

          แล้วทำไม พฤติกรรมเนือยนิ่ง จึงกลืนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนเมืองยุคนี้ได้ล่ะ คำตอบชัดเจนอยู่แล้วว่า มาจากเทคโนโลยีต่างๆ ก้าวล้ำนำสมัย ผู้คนไม่จำเป็นต้องทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากเหมือนสมัยก่อน แถมยังถูกจำกัดการทำกิจกรรมนอกบ้านจากสถานการณ์โควิด ในช่วงที่ผ่านมา ก็ยิ่งส่งผลให้คนส่วนใหญ่เคลื่อนไหวหรือใช้พลังงานน้อยลงไปอีก จนติดนิสัยมีพฤติกรรมเนือยนิ่งโดยไม่รู้ตัว  

ฟังเผินๆ อาจดูไม่ค่อยน่ากลัว แต่หากติดพฤติกรรมยอดฮิตนี้เป็นเมื่อไหร่ แล้วจะรู้สึก ประมาณ ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา เลยทีเดียว

เพราะโรคเรื้อรังหลายๆ โรคจะตามมาเป็นพรวน

          โดยในทางวิชาการ พฤติกรรมเนือยนิ่ง (Sedentary Behavior) ก็คือ พฤติกรรมของการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยหรือแทบไม่เคลื่อนไหวเลย เช่น การนั่งจับเจ่าอยู่หน้าจอทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ หรือโทรทัศน์, การนั่งอยู่หลังพวงมาลัยเป็นเวลายาวนาน, การนั่งๆ นอนๆ ไม่ยอมลุกไปไหน ฯลฯ ไม่นับรวมการนอนหลับ แล้วมีการใช้พลังงานน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1.5 METs (Metabolic Equivalent of Task) ซึ่งหมายถึง ค่าจำนวนของพลังงานที่ร่างกายใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ เปรียบเทียบกับพลังงานที่ใช้ในขณะพัก โดยกำหนดพลังงานที่ใช้ในขณะพักเท่ากับ 1 METs

          ส่วนเกณฑ์เหมาะสมของการเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมทางกายนั้น จะขึ้นอยู่กับวัย หากเป็นเด็กประถม ควรอยู่ที่ 60 นาทีต่อวัน เพราะเป็นวัยที่กระดูกและกล้ามเนื้อกำลังพัฒนา จำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหวมากๆ ขณะที่วัยทำงานกับวัยสูงอายุ ควรอยู่ไม่ต่ำกว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือประมาณวันละ 20-30 นาที

          ทั้งนี้ คำว่า การเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมทางกาย มีความหมายไม่เหมือนการออกกำลังกาย เพราะแค่การขยับเขยื้อนจากการอยู่นิ่งๆ ไปรดน้ำต้นไม้ กวาดใบไม้ ล้างรถ ถูพื้น หรือทำครัว ก็ถือเป็นการทำกิจกรรมทางกายแล้ว ไม่ถึงกับต้องออกแรงกล้ามเนื้อมากๆ เช่นการออกกำลังกายก็ได้

          จึงเห็นได้ว่า แม้มีเวลาน้อย ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นกิจลักษณะ แต่หากรู้จักลุกขยับไปทำโน่นทำนี่บ่อยๆ ก็สามารถช่วยลดการมีพฤติกรรมเนือยนิ่งลงได้ไม่น้อย

          แต่ถึงอย่างนั้น จากการสำรวจการเฝ้าระวังและติดตามพฤติกรรมของคนไทย โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม  มหาวิทยาลัยมหิดล ในแต่ละวันในรอบ 24 ชั่วโมง ก็ยังพบว่า คนไทยมีกิจกรรมทางกายเพียง 1.53 ชั่วโมงเท่านั้น และมีพฤติกรรมเนือยนิ่งมากถึง 13.54 ชั่วโมง   

          นอกจากนี้ รายงานจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุเพิ่มเติมว่า มีประชาชนคนไทยถึง 1 ใน 3 ที่มีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ โดยเป็นเด็กและวัยรุ่นจำนวน 2 ใน 3 ที่มีพฤติกรรมเนือยนิ่งมากถึง 14 ชั่วโมงต่อวัน และ 56% ของเด็กนักเรียนอายุระหว่าง 13-17 ปี ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง ในแต่ละวัน นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ แชตกับเพื่อน หรือดูโทรทัศน์ รวมทั้งคนในชนบทมีกิจกรรมทางกายมากกว่าคนในเมืองอีกด้วย

          จากข้อมูลข้างต้น ก็คงบอกได้แล้วว่า คนไทยส่วนใหญ่-โดยเฉพาะคนเมือง กำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคภัยต่างๆ อย่างมากมาย เนื่องจากพฤติกรรมเนือยนิ่ง เห็นนิ่งๆ อย่างนี้ มีพิษทำลายสุขภาพร้ายแรง โดยการไปทำให้กระบวนการเผาผลาญไขมันและน้ำตาลเป็นพลังงานลดลง น้ำหนักตัวจึงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การไหลเวียนของโลหิตไม่ดี และอาจสูญเสียความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก จนในที่สุดก็ก่อเกิดเป็นโรคทั้งหลาย เช่น โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน โรคกระดูกพรุน โรคข้อเสื่อม โรคซึมเศร้า-วิตกกังวล ฯลฯ และดีไม่ดี อาจถึงขั้นเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

          ดังนั้น จึงถึงเวลาที่เหล่าชาวเมืองควรต้องหันมาปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตยอดฮิตนี้กันอย่างจริงจัง ด้วยการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายเพิ่มขึ้นทีละนิด โดยผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน อาจจะเริ่มจากการลุกขึ้นยืนสลับกับการนั่ง ในระหว่างวัน หรือเดินยืดเส้นยืดสาย ในช่วงพักระหว่างทำงาน หรือทำกิจกรรมทางกายในแต่ละวัน ด้วยวิธีการค่อยเป็นค่อยไป ดังนี้

- เมื่อนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน ให้หยุดพักเปลี่ยนอิริยาบถทุก 30 นาที

- ลุกขึ้นยืนหรือเดินไปมาขณะคุยโทรศัพท์

- เดินขึ้นลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์ ในกรณีที่ไม่ต้องรีบร้อนมาก

- ออกไปสูดอากาศนอกบ้าน ด้วยการเดินทักทายเพื่อนบ้าน หรือหากเลี้ยงสัตว์เลี้ยง แนะนำให้พาออกไปเดินเล่น

- ทำความสะอาดบ้าน ล้างรถ ตกแต่งสวน ชงกาแฟ ทำอาหาร จ่ายตลาด ด้วยตนเอง

- วางเครื่องออกกำลังกายไว้ในบ้าน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออกกำลังกาย

- เมื่อเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเนือยนิ่งได้มากขึ้น ลองเริ่มออกกำลังกายอย่างง่ายๆ ที่บ้านก่อน โดยดูวิดีโอสอนออกกำลังกายจากโทรทัศน์หรืออินเทอร์เน็ต

- จากนั้นเมื่อเคยชินกับการออกกำลังกายแล้ว อาจสลับจากออกกำลังกายที่บ้านไปยังฟิตเนสหรือยิม ซึ่งเดินทางสะดวก ไม่ไกลจากบ้านหรือสำนักงาน

และสุดท้าย อย่าลืมท่องไว้บ่อยๆ ว่า ขยับวันละนิด ฮิตกว่าอยู่นิ่งๆ จะได้ช่วยให้เหล่าชาวเมืองมีกำลังใจฮึดในการเลิกพฤติกรรมเนือยนิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกายได้สำเร็จเร็วไว... 

·       ข้อมูลอ้างอิง : www.chula.ac.th, www.pobpad.com


0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI