วัตถุมงคลทางดนตรีไทย จากสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่กลายเป็นสินค้าทางวัฒนธรรม

18 กันยายน 2023
|
581 อ่านข่าวนี้
|
2

แวดวง "ดนตรีไทย" มีความเชื่อมโยงกับวิธีคิดและเรื่องราวของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผสานความเชื่อของศาสนาพุทธ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และความเชื่อดั้งเดิมมาตั้งแต่อดีต

แต่ไหนแต่ไรมา ผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการดนตรีไทย ก็ได้สร้าง "วัตถุมงคล" ที่สื่อถึงความเป็น "ครู" ตามความเชื่อในวัฒนธรรมศิลปะการแสดงของไทย เน้นย้ำความเชื่อให้ผสานแนบแน่น จนเกิด “วัตถุมงคลทางดนตรีไทย” ในรูปลักษณ์ต่างๆ ออกมามากมายในปัจจุบัน

จากงานศึกษา 'วัตถุมงคลทางดนตรีไทยในสังคมไทยร่วมสมัย: การสร้าง ความหมาย และบทบาท' โดย ‘ไอยเรศ บุญฤทธิ์’ วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559 ที่ศึกษาการจัดประเภทวัตถุมงคลทางดนตรีไทยที่มีการสร้างใหม่ในสังคมไทยร่วมสมัย และวิเคราะห์กระบวนการสร้างความหมาย และบทบาทของวัตถุมงคลทางดนตรีไทย มีข้อค้นพบที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

 

การสร้าง “เหรียญพ่อแก่วัดพระพิเรนทร์” ปี 2513 จุดเริ่มต้นวัตถุมงคลดนตรีไทยในบริบทสังคมร่วมสมัย

แม้ในอดีตจะมีวัตถุสัญลักษณ์อันเป็นมงคลที่สร้างขึ้นในแวดวงดนตรีไทยมานานแสนนานแล้ว แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป บริบททางสังคมวัฒนธรรมก็ย่อมเปลี่ยนแปลง ความเชื่อแบบดั้งเดิมเปลี่ยน และประสานขนานไปกับวิถีวัฒนธรรมความเชื่อรูปแบบใหม่ ทำให้การสร้างวัตถุมงคลทางดนตรีไทยเพิ่มขึ้นมาก

งานศึกษาชิ้นนี้ชี้ว่า การสร้างวัตถุมงคลในรูปแบบของเหรียญ "พระนารทฤๅษี" หรือ "พ่อแก่" ของวัดพระพิเรนทร์ ในปี 2513 นับเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างรูปเคารพในรูปแบบของ "วัตถุมงคล" ในบริบทวัฒนธรรมดนตรีไทย มีวิธีคิดคล้ายกับการสร้าง "พระพิมพ์" หรือ "พระเครื่อง"

สำหรับวัตถุประสงค์ในการสร้างเหรียญพระนารทฤๅษีฯ ในครั้งนั้น จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการหารายได้ของสมาคมสงเคราะห์สหายศิลปิน (สสศ.) ในวาระการจัดประชันดนตรีไทยและพิธีไหว้ครูดนตรีไทยที่วัดพระพิเรนทร์เมื่อปี 2513 สร้างด้วยเนื้อทองคำ จำนวน 9 เหรียญ เนื้อเงิน 99 เหรียญ และเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง จำนวน 5,000 เหรียญ, ถัดจากนั้นในปี 2515 มีการสร้างเหรียญพระนารทฤๅษีขึ้นเป็นรุ่นที่ 2 มีการออกแบบสัญลักษณ์ต่างๆ เหมือนกับรุ่นปี 2513 เพียงแต่ข้อความที่ปรากฏใต้รูปนูนของพระนารทฤๅษีฯ ได้เปลี่ยนไปเท่านั้น ส่วนการสร้างด้วยเนื้อสารใด หรือสร้างจำนวนเท่าไร กลับไม่มีการบันทึกไว้

การสร้างเหรียญพระนารทฤๅษี (พ่อแก่) ในปี 2513 ครั้งนั้น ถือเป็นที่สนใจของคนในวงการดนตรีไทยที่เช่ามาบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล อีกนัยหนึ่งยังแสดงให้เห็นว่ามีความหมายถึง ความเป็นคนในวงการดนตรีไทยอีกด้วย นักดนตรีไทยผู้สะสมวัตถุมงคลทางดนตรีไทยท่านหนึ่งได้กล่าวว่า "หากเป็นพวกปี่พาทย์ลูกพ่อแก่จริง ก็ต้องมีเหรียญพ่อแก่ของวัดพระพิเรนทร์ไว้บูชา" ซึ่งหลังจากมีการสร้างเหรียญพ่อแก่ วัดพระพิเรนทร์ ปี 2513 และ 2515 ก็ปรากฏการจัดสร้างเหรียญรุ่นต่างๆ อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะตามวัดต่างๆ นอกจากนี้ พบว่าในการถ่ายทอดวิชาทางดุริยางคศาสตร์ไทย โดยเฉพาะในสถาบันการศึกษาที่มีการเรียนการสอนดนตรีไทย ก็มักมีการจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาหลากหลายรูปแบบ และมีความแตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่


ตัวอย่างวัตถุมงคลทางดนตรีไทยในบริบทสังคมร่วมสมัย

งานศึกษาชิ้นนี้พบว่าวัตถุมงคลทางดนตรีไทยในสังคมไทยร่วมสมัย เกิดขึ้นโดยผู้สร้างที่จัดทั้งที่เป็น คนในวงการดนตรีไทย ประกอบด้วย บ้านหรือสำนักดนตรี วัด สถาบันทางดนตรี บุคคล และ ผู้สร้างที่เป็นคนนอกวงการดนตรีไทย ประกอบด้วยสถาบันต่างๆ ในสังคม และกลุ่มผู้มีจิตศรัทธา

ในการประกอบสร้างความหมายของวัตถุมงคลทางดนตรีไทย พบว่ามีการใช้สัญลักษณ์ทางดนตรีไทยอย่างหลากหลายและมีพลวัต ทั้งการใช้สัญลักษณ์จากความเชื่อดั้งเดิม การใช้สัญลักษณ์จากความเชื่อท้องถิ่น การสร้างสัญลักษณ์ใหม่ และการนำสัญลักษณ์เดิมมาสร้างความหมายใหม่ นอกจากนี้ยังมีการสร้างความเป็นมงคลให้แก่วัตถุมงคลทางดนตรีไทยผ่านพิธีกรรม ได้แก่ พิธีพุทธาภิเษก พิธีเทวาภิเษก พิธีสังคีตาภิเษก และผ่านการผูกเรื่องเล่า เป็นต้น

สำหรับรูปแบบของวัตถุมงคลทางดนตรีไทยนั้นก็มี "วัตถุมงคลทางดนตรีไทยที่คงรูปแบบเดิม" ได้แก่ หัวโขน, เครื่องดนตรีไทย และรูปเคารพครูดนตรีไทยล่วงลับ ส่วน "วัตถุมงคลทางดนตรีไทยที่สร้างในรูปแบบใหม่" ได้แก่ พระเนื้อผง, พระเนื้อว่าน, พระเนื้อโลหะ, เหรียญ, ผ้ายันต์, ล็อกเกต, รูปจำลองเครื่องดนตรี, รูปจำลองเทพสังคีตาจารย์, รูปวัตถุมงคลแบบจตุคามรามเทพ และอื่นๆ

ตัวอย่างวัตถุมงคลทางดนตรีไทยในบริบทสังคมร่วมสมัย 

       เหรียญพระนารทมุนี (พ่อแก่) เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง รุ่นปี 2513

       เหรียญพระนารทมุนี (พ่อแก่) เนื้อเงิน รุ่นปี 2515

       ศีรษะพระนารทฤๅษี และศีรษะพระพรตฤๅษี

       บทโองการไหว้ครู ลายมือหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)

       ผ้าหน้าโขนลักษณะต่างๆ

       ตระกรุดหนังตะโพนจารนะเมตตา

       พระเนื้อผง ที่ระลึกวันพระราชทานเพลิงศพครูสุดจิตต์ ดุริยประณีต

       พระเนื้อผงพิมพ์หัวโขนพ่อครูฤๅษีพระภรตมุนี

       ล็อกเกตชุดบรมครูดนตรีไทย รูปพระปรคนธรรพ

       เหรียญหล่อพ่อครูฤๅษี หันข้างหลังตะโพนเนื้อนวโลหะพิเศษ

       เหรียญปัญจสิงขรเทพบุตรเนื้อต่างๆ ของสำนักดนตรี “วิเศษดนตรี” จ.สิงห์บุรี

       ตะโพนหลวงพ่อพัก, เหรียญที่ระลึกอายุ 72 ปี ครูบุญยงค์ เกตุคง

       วัตถุมงคลทางดนตรีไทยชุด “ปัญจดุริยเทพ (มหาเทพมงคล 2547)” จัดสร้างโดยสภาผู้แทนราษฎร

       วัตถุมงคล “พระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร) จัดสร้างโดย วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

       วัตถุมงคล “บูชาครู นเรศวรมหาราช” ที่ระลึกงานไหว้ครูดนตรีไทย

       พระพิฆเนศวร์รุ่น “สำเร็จทุกประการ” วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี ปี 2558 อธิษฐานจิตโดย พระครูสุทธิธรรมารักษ์ (พระอาจารย์ต่อ) วัดสิงห์ทอง จ.ลพบุรี

       “พระพิฆเนศวร์สังคโลก” จากวิทยาลัยนาฏศิลป จ.สุโขทัย

       “พุทธรัตนศิลปะประทานพร” จากวิทยาลัยนาฏศิลปสุพรรณบุรี

       ดวงตราไปรษณียากรรูปหลวงประดิษฐไพเราะ อัดกรอบเงิน

เมื่อ “วัตถุมงคลทางดนตรีไทย” ถูกทำให้กลายเป็นสินค้าทางวัฒนธรรม

งานศึกษาชิ้นนี้พบว่า การสร้างวัตถุมงคลทางดนตรีไทยเกิดความหลากหลายตามความต้องการและการออกแบบของผู้สร้าง โดยหยิบเอา "ลักษณะเด่น" สัญลักษณ์ หรือความเชื่อต่างๆ ในวัฒนธรรมดนตรีไทยซึ่งนับเป็นทุนทางวัฒนธรรมมาผลิต บางกรณีผนวกเอาองค์ความรู้หรือข้อมูลทางคติชนอื่นๆ มาผสมผสานจนเกิดกลายเป็น "วัตถุมงคลรูปแบบใหม่" เช่น เครื่องดนตรีมงคลในรูปแบบของ "ตะโพนหน้าทับพระประโคนธรรพเทวา" สร้างขึ้นจากการนำเอารูปลักษณ์ของ "ตะโพนไทย" ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีไทยประเภทหนึ่งมาย่อส่วนให้เหลือเพียงขนาดย่อม ลักษณะเป็นการเลียนแบบรูปลักษณ์ และสร้างความหมายและความเป็นมงคลผ่านคำอธิบายใหม่ๆ เช่น การกล่าวอ้างถึงเรื่องอำนาจ บารมี ชื่อเสียง เมตตามหานิยม เป็นต้น

นอกจากนี้ วิธีการตั้งชื่อวัตถุมงคล มีแนวคิดเรื่องการสร้าง "นัยเชิงมูลค่า" ที่ผนวกเอาชื่อ คำ ลักษณะเด่นจากวรรณคดีไทย ฯลฯ มาร้อยเรียงและประกอบสร้าง โดยมีเรื่องราวหรือองค์ประกอบทางดนตรีเป็นแกนหลักด้วย เช่น ตัวอย่างการสร้างวัตถุมงคลทางดนตรีชื่อ "เพชรฉลูกันฑ์ตุริยะฦๅชามหาละลวย" และ "ปรคนธรรพรักขาดใจเภรีตุริยเวท" เป็นต้น ข้อสังเกตจากตัวอย่างดังกล่าว พบว่า มีการนำ ชื่อ คำ ลักษณะเด่น ความเชื่อดนตรีไทย เนื้อหาวรรณคดี มาประกอบสร้างให้เกิดขึ้นเป็นชื่อ และยังสร้างคำอธิบายสรรพคุณของวัตถุมงคลให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบัน โดยให้ความหมายเชิงเปรียบเทียบระหว่าง "เสียง" กับ "อำนาจ" ของดนตรีที่สามารถดลบันดาลให้สมหวังตามต้องการได้

นอกจากนี้ งานชิ้นนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า สังคม "นอกวงการดนตรีไทย" หยิบเอาสิ่งที่เรียกว่า "ลักษณะเด่นทางดนตรี" ทั้งทางด้านรูปธรรมและพฤติกรรมมาใช้ในการสร้างความหมายใหม่ให้กับ "วัตถุมงคลทางดนตรีไทย" ที่ยึดโยงเข้ากับสังคมทุนนิยมและวัฒนธรรมป๊อปด้วย

จึงเห็นได้ว่า พื้นที่ทางความคิดและความเชื่อทางดนตรีไม่ได้จำกัดอยู่ในแวดวงของคนในวงการดนตรีไทยแต่เพียงเท่านั้น แต่ขยายไปสู่คนกลุ่มอื่นๆ ในสังคม ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง


ดาวน์โหลดวิทยานิพนธ์นี้ฉบับเต็มได้ที่: 'วัตถุมงคลทางดนตรีไทยในสังคมไทยร่วมสมัย: การสร้าง ความหมาย และบทบาท' (ไอยเรศ บุญฤทธิ์, วิทยานิพนธ์ปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2559)





URL อ้างอิง: http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/55413
0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI