ขนมตดหมา เมนูเชิดชูอาหารถิ่นจากบุรีรัมย์ ชื่อไม่หอมแต่อร่อยและสร้างเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้
อาหารท้องถิ่นไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ปัจจุบันบางเมนูอาจหารับประทานยากหรือเลือนหายไปแล้ว ดังนั้น กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้ริเริ่มแคมเปญ 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น ขึ้น ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่น สู่มรดกทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thailand Best Local Food) “รสชาติที่หายไป...The Lost Taste” เป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ.2566 ผลปรากฎว่า ขนมชื่อแปลกและไม่หอมอย่าง ขนมตดหมา ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ได้รับเลือกตามแคมเปญนี้ เป็นเมนูเชิดชูอาหารถิ่นของจังหวัดบุรีรัมย์อย่างสิ้นข้อสงสัย
เกณฑ์การคัดเลือก มีอยู่ด้วยกัน 5 ข้อ ได้แก่
- ด้านวัตถุดิบท้องถิ่นที่สำคัญของอาหาร และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ต้องเป็นอาหารที่ใช้วัตถุดิบหรือเครื่องปรุงที่มีในท้องถิ่น สามารถบ่งบอกถึงลักษณะภูมิภาคทางธรรมชาติที่ผลิตได้ในพื้นที่ และมีส่วนช่วยดูแลรักษาฐานทรัพยากรอาหาร ในการส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตลอดจนระบบนิเวศ ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของวัตถุดิบ
- ด้านวิธีการปรุง เคล็ดลับ ประวัติความเป็นมา ต้องเป็นอาหารที่มีการบรรยายแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์
- ท้องถิ่นหรือวิถีชีวิต มีการสืบทอดต่อกันมาผ่านวัฒนธรรม และมีภูมิปัญญาที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ที่สอดคล้องกับลักษณะของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
- ด้านสุขภาพ โภชนาการ สมุนไพร ต้องเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ และมีสรรพคุณจากเครื่องสมุนไพร ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยป้องกันและบรรเทาโรคภัยต่างๆ และมีส่วนผสมหรือเครื่องปรุงที่ถูกหลักโภชนาการ ให้สารอาหารครบ 5 หมู่
- ด้านการสืบสานและถ่ายทอด ต้องเป็นอาหารที่ใกล้สูญหาย หารับประทานยาก ควรได้รับการสืบทอดและจัดทำข้อมูลและตำราหรือได้รับการเผยแพร่
- ด้านการเผยแพร่และพัฒนาต่อยอด เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ต้องเป็นอาหารที่สามารถพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการร้านอาหาร ในการพัฒนาเป็นอาหารเอกลักษณ์ท้องถิ่น หรือพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านคหกรรมอาหารของไทย ที่จะนำไปพัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมการตลาดและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์อาหารไทยสู่สากลได้
ทั้งนี้ หลังจากประกาศผลการคัดเลือกจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ มีหลายเมนูชื่อแปลกและน่าสนใจ เช่น ข้าวส้มโถ่โก้จากจังหวัดแม่ฮ่องสอน อั่วบักเผ็ดจากจังหวัดอุตรดิตถ์ เบาะโดงจากจังหวัดสุรินทร์ ละแวกะตามจากจังหวัดศรีสะเกษ โกยุกจากจังหวัดตรัง อาเกาะจากจังหวัดนราธิวาส รวมถึงขนมตดหมาด้วย ซึ่งรายชื่อเมนูอาหารทั้งหมดที่ได้รับการคัดเลือก สามารถตรวจสอบได้ทาง www.culture.go.th
นอกจากอาหารหลายเมนูมีชื่อแปลกแล้ว บางเมนูยังไม่เป็นที่คุ้นหูหรือรู้จักของผู้คนด้วย กรมส่งเสริมวัฒนธรรมก็ได้อธิบายว่า ตามแคมเปญมีการชูเรื่อง “รสชาติที่หายไป...The Lost Taste” ซึ่งหมายถึงรสชาติของอาหารถิ่นที่หายไป อันอาจเนื่องมาจากภูมิปัญญาโบราณของคนเฒ่าคนแก่ไม่ได้สืบทอดให้กับลูกหลาน สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงทำให้ไม่มีวัตถุดิบในการปรุงอาหารถิ่นชนิดนั้น และทางเลือกของอาหารมีมากมายหลากหลายขึ้น ดังนั้น อาหารบางเมนูที่ได้รับการคัดเลือกจากโครงการนี้ จึงอาจไม่เป็นที่คุ้นหูหรือรู้จักสำหรับคนในยุคปัจจุบันก็เป็นได้
ขนมตดหมา
สำหรับขนมตดหมา หรือภาษาเขมรพื้นถิ่นเรียกว่า นุมเวือรพอม นั้น เป็นขนมโบราณของชาวบุรีรัมย์ เกิดจากภูมิปัญญาคนเฒ่าคนแก่ในชุมชนท้องถิ่น มีลักษณะหน้าตาคล้ายๆ ขนมจาก แต่ห่อด้วยใบตอง โดยที่มาของชื่อมาจากวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุง นั่นก็คือรากของเครือตดหมา หรือกระพังโหม ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรและไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Paederia Linearis Hook.f. จัดอยู่ในวงศ์เข็ม) เมื่อเด็ดมาขยี้กลิ่นจะฉุนคล้ายตดหมา ชาวบ้านจึงเรียกพืชนี้ว่า ตดหมา โดยขึ้นได้ทั่วไปในป่าละเมาะและในสวน มีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง เช่น ช่วยบรรเทาอาการอักเสบบริเวณคอ ปาก ช่วยขับลม รักษาบาดแผล และใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ ได้ ตลอดจนช่วยรักษาสมดุลในระบบนิเวศด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ชื่อไม่หอม แต่เมื่อนำมาปรุงเป็นขนมตดหมา กลิ่นกลับหอมชวนรับประทาน ซึ่งวิธีการทำก็ไม่ยาก เริ่มจากเอารากของเครือตดหมามาล้างและหั่นเป็นแว่นๆ ตากแห้งแล้วนำไปต้ม จากนั้นนำน้ำที่ได้จากการต้มมาผสมกับแป้งข้าวเหนียว น้ำตาล มะพร้าวอ่อน กะทิสด เกลือ คลุกเคล้าทุกอย่างและนวดให้เข้ากัน เสร็จแล้วจึงห่อด้วยใบตองสดขนาดพอเหมาะเป็นชิ้นยาว และปิ้งให้สุกจนกลิ่นหอมกรุ่นพร้อมรับประทาน
ไม่เพียงกลิ่นหอมตรงข้ามกับชื่อเท่านั้น ขนมตดหมายังมีความอร่อยนุ่มลิ้น รสชาติหวานมันกลมกล่อม หากเคี้ยวอย่างละเอียดจะสัมผัสได้ถึงความเหนียวนุ่มของแป้งกับความกรอบของมะพร้าวอ่อน ทั้งยังได้อรรถรสจากกลิ่นหอมของรากเครือตดหมา บวกกลิ่นจางๆ ของควันไฟและกลิ่นสุกของเนื้อแป้ง อันเป็นกลิ่นเอกลักษณ์ของขนมนี้โดยเฉพาะ
จากคุณสมบัติอันครบถ้วนนั่นเอง ทำให้คณะกรรมการเลือกขนมตดหมาเป็นเมนูท้องถิ่น ในแคมเปญ 1 จังหวัด 1 เมนู ชูอาหารถิ่น ประจำปี พ.ศ.2566 ของจังหวัดบุรีรัมย์ จนส่งผลให้ขนมนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าเดิม ชาวบ้านจึงมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น และหันมาอนุรักษ์พืชสมุนไพรตดหมา เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงและจัดให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน
ดังนั้น หากมีการส่งเสริมต่อเนื่องและจริงจัง ขนมตดหมาซึ่งได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ ก็สามารถต่อยอดเป็นซอฟต์พาวเวอร์อาหารถิ่นของไทยได้ไม่ยาก ตามนโยบายที่รัฐกำลังต้องการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน
มาถึงตรงนี้ คงกล่าวได้ว่า แม้ชื่อไม่หอม แต่ขนมตดหมาก็อร่อยและสร้างเป็นซอฟต์พาวเวอร์ในอนาคตได้.
- ข้อมูลอ้างอิง : www.culture.go.th, www.prd.go.th, www.isangate.com
- ภาพอ้างอิง : www.prd.go.th