ซีรีส์และหนังไทย โอกาสและความหวัง สร้างสรรค์สู่ซอฟต์พาวเวอร์
ซีรีส์และหนังไทย โอกาสและความหวัง สร้างสรรค์สู่ซอฟต์พาวเวอร์
เมื่อพูดถึงซีรีส์และหนังไทย มักเกิดการตั้งคำถามเสมอว่า จะไปได้ไกลถึงเวทีโลกไหม เพราะคุณภาพและฝีมือยังห่างชั้นจากมาตรฐานมาก ดังนั้นโอกาสสร้างสรรค์เป็นซอฟต์พาวเวอร์ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ปรากฏการณ์ของหนังไทยหลายเรื่องนับแต่อดีต เช่น ต้มยำกุ้ง องค์บาก ฉลาดเกมส์โกง ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันอย่างร่างทรง แมนสรวง และล่าสุด สัปเหร่อ ต่างได้รับความนิยมเกินคาดหมาย (ไม่นับหนังเฉพาะกลุ่ม อย่างเช่นหนังของเจ้ย-อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล) หรือซีรีส์ไทยหลายเรื่องก็ไปตีตลาดในต่างประเทศ แม้ส่วนใหญ่จะเป็นตลาดซีรีส์วายก็ตาม เช่น บุพเพสันนิวาส, 2Gether The Series เพราะเราคู่กัน, แปลรักฉันด้วยใจเธอ และพรหมลิขิต (ภาคต่อจากบุพเพสันนิวาส) ที่โด่งดังสร้างกระแสแห่เที่ยวอยุธยา ก็ทำให้พอจะมองเห็นถึงโอกาส หากทั้งซีรีส์และหนังไทยมีการพัฒนาและได้รับการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ อย่างจริงจัง โดยเฉพาะภาครัฐ เหมือนกับเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จ จนสามารถขับเคลื่อนเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในยุคแข่งขันด้านซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลไทยก็ไม่รอช้าด้วยการนำโมเดล KOCCA (Korea Creative Content Agency) ของเกาหลีใต้ มาเป็นต้นแบบในการออกนโยบายส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พร้อมจัดตั้งหน่วยงาน THACCA (Thailand Creative Content Agency) และคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ขึ้นมา เพื่อผลักดัน 11 อุตสาหกรรมเป้าหมาย สร้างสรรค์สู่ซอฟต์พาวเวอร์ โดยมีภาพยนตร์ ละครและซีรีส์ไทย เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมที่จะเร่งดำเนินการด้วย
จากนโยบายส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ดังกล่าว นอกจากจัดตั้ง THACCA เพื่อประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ ฯลฯ เพื่อทำงานร่วมกันแล้ว รัฐบาลยังจะมีการรวมเอากองทุนจากหลายหน่วยงานที่กระจัดกระจาย มาเป็นกองทุนรวมซอฟต์พาวเวอร์ อยู่ภายใต้การดูแลของ THACCA สำหรับเติมทุนให้กับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ลดภาษีสร้างแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขยายศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (Thailand Creative & Design Center-TCDC) ทุกจังหวัด รื้อกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ และปลดปล่อยเสรีภาพในการแสดงออก เลิกระบบเซ็นเซอร์ ตลอดจนเปิดการเจรจาส่งออกซอฟต์พาวเวอร์เป็นสินค้า สร้างรายได้กลับเข้าสู่ประเทศ
ในกรอบของการทำงานส่งเสริม ก็ดูเหมือนจะดีงาม เช่นเดียวกับรัฐบาลชุดที่แล้ว ขับเคลื่อนนโยบาย 5F เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นซอฟต์พาวเวอร์ อันประกอบด้วย ภาพยนตร์ (Films), อาหาร (Food), การแต่งกาย (Fashion), การต่อสู้ (Fight) และเทศกาล (Festival) แต่การตีความวัฒนธรรมไทยหรือความเป็นไทยแบบเดิมๆ และขาดความเข้าใจในนิยามของซอฟต์พาวเวอร์อย่างแท้จริง ก็อาจเป็นปัญหากับการสร้างสรรค์ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยอยู่ไม่น้อย เพราะรัฐบาลมักจะก็ยึดติดกับมโนทัศน์ความเป็นไทยแบบ ไท้ยไทย ไทยจ๋า ไทยแนวข้าราชการ ที่มุ่งเสนอภาพวัฒนธรรมแบบไทยเดิมหรือไทยโบราณ ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ควรต้องลงลึกถึงแก่นแท้ของความเป็นไทยด้วย ต่างจากต่างประเทศเช่นเกาหลีใต้ ซึ่งยกระดับวัฒนธรรมของเขาสู่ความร่วมสมัยและเป็นสากล โดยยังคงสะท้อนความเป็นเกาหลีไว้ได้อย่างแนบเนียน
ที่สำคัญ การปลดล็อกระบบเซ็นเซอร์ ซึ่งเป็นความหวังของคนสร้างหนังและซีรีส์ไทยมาโดยตลอด รัฐบาลจะฉีกกฎแล้วปฏิบัติตามนโยบายได้จริงหรือไม่ เนื่องจากในอดีตหากมีการสอดแทรกประเด็นการเมือง เสียดสีสังคม ตีแผ่วงการศาสนา หรือแม้กระทั่งฉากดื่มเหล้า-สูบบุหรี่ ก็มักถูกกระทรวงวัฒนธรรมเซ็นเซอร์หรือตัดออกทันที ด้วยเหตุผลขัดต่อระเบียบรัฐ สร้างภาพลักษณ์ไม่ดีให้กับประเทศ ทำให้หนังและซีรีส์ไทยที่เผยแพร่สู่ตลาดโลกขาดความสมจริง ไม่เปิดกว้าง ดังเช่น หนังเรื่องอาปัติ, ฝนตกขึ้นฟ้า หรือไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2 เคยประสบมาแล้ว
ส่วนเรื่องงบประมาณ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างหนังและซีรีส์ให้มีคุณภาพ แต่กับหนังและซีรีส์ไทย ยังขาดการสนับสนุนอย่างเต็มที่ทั้งจากนายทุนและภาครัฐ สำหรับนายทุนนั้นผลกำไรและตลาดคนดูกลุ่มใหญ่ต้องมาก่อน จึงไม่กล้าเสี่ยงลงทุนกับหนังเฉพาะกลุ่ม (ทั้งที่ปัจจุบัน ทำหนังดีซีรีส์ดีออกมา ไม่จำเป็นต้องเป็นตลาดแมส คนก็ดูกันเยอะ) ทำให้โอกาสสร้างสรรค์หนังและซีรีส์คุณภาพดีเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ขณะที่ภาครัฐก็จัดสรรงบด้านนี้ในแต่ละปีไม่มากนัก และเน้นเป็นงบไทยเข้มแข็ง ส่งเสริมเนื้อหาชาตินิยมหรือความรู้สึกภาคภูมิใจในชาติเป็นส่วนใหญ่ หนังและซีรีส์ไทยจึงไปไม่ถึงไหน
ในเวลาเดียวกัน วงการหนังและซีรีส์ไทยก็ชอบโอดครวญว่า คนไทยไม่สนับสนุนหนังหรือซีรีส์ไทย ส่วนหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ ผู้สร้างเองก็ไม่พัฒนาเนื้อหา วนเวียนนำเสนออยู่แต่เรื่องเดิมๆ เขียนบทไม่ลึก ขาดข้อมูลน่าเชื่อถือ ฝีมือการแสดงเข้าไม่ถึง และงานโปรดักชันก็ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งคงต้องย้อนกลับมาวนลูปกับเหตุปัจจัยที่ขาดการส่งเสริมและสนับสนุนนั่นเอง ถึงอย่างนั้นก็ตาม บางครั้งภายใต้งบอันน้อยนิด ถ้าเขียนบทดี กำกับดี แม้งานโปรดักชั่นบ้านๆ คนดูก็พร้อมจะแห่ไปดูเช่นกัน ยกตัวอย่าง สัปเหร่อ หนังทุนต่ำแต่ตีแผ่ความจริงของชีวิตอย่างลุ่มลึก ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นกรณีๆ ไป
ดังนั้น ที่สุดแล้วหน่วยงานรัฐและผู้สร้างหนังสร้างซีรีส์ไทยในอุตสาหกรรมบันเทิง จึงต้องร่วมมือกัน โดยรัฐบาลต้องมีความจริงจังกับการส่งเสริมหนังและซีรีส์ไทย เป็นซอฟต์พาวเวอร์ตามนโยบายที่ประกาศไว้ จัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม ไม่น้อยเกินไป ปลดล็อกระบบเซ็นเซอร์ ให้อิสระทางความคิด และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ฉาบฉวย ตามโมเดลของเกาหลีใต้ ซึ่งใช้เวลานับ 20 ปีกว่าจะผลักดันสำเร็จ ยิ่งในอนาคต หากมีการเปิดวิทยาลัยขยายหลักสูตรด้านศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อพัฒนาเป็นซอฟต์พาวเวอร์โดยเฉพาะ ก็ยิ่งเป็นนิมิตหมายที่ดี
ส่วนผู้สร้างก็ต้องกล้าที่จะนำเสนอเนื้อหาใหม่ๆ ไม่ย่ำอยู่กับหนังตลก หนังผี ซีรีส์รักๆ ใคร่ๆ หรือซีรีส์วายเท่านั้น ศึกษาข้อมูลเขียนบทอย่างละเอียด ใส่ความคิดสร้างสรรค์ สอดแทรกความเป็นไทยสากล ให้นักแสดงโชว์ฝีมือเต็มที่ ปรับปรุงงานโปรดักชั่นให้ทันสมัยและมีคุณภาพขึ้น ก็น่าจะช่วยให้หนังและซีรีส์ไทยมีโอกาสต่อยอดสู่ซอฟต์พาวเวอร์ และเติบโตโกอินเตอร์บนเวทีโลกได้ในอนาคต...
#THACCA #หนังไทยซีรีส์ไทย #อุตสาหกรรมบันเทิง #ซอฟต์พาวเวอร์ไทย #softpower #thaisoftpower #okmd #knowledgeportal #กระตุกต่่อมคิด
ข้อมูลอ้างอิง : www.theactive.net, www.urbancreature.co, www.the101.world

