8 แบรนด์ระดับโลก ใช้ AI รับมือภัยธรรมชาติ
07 สิงหาคม 2025
|
73 อ่านข่าวนี้
|
1
ในวันที่โลกเดือดขึ้นทุกขณะ เราไม่ได้เผชิญแค่ตัวเลของศาที่สูงขึ้น แต่ยังต้องรับมือกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะน้ำท่วมฉับพลัน ไฟป่ากลางฤดูฝน หรือคลื่นความร้อนทำลายพืช แบรนด์ระดับโลกจึงเลือกใช้ AI เพื่อรับมือ
โดยมีเหตุผลสนับสนุนหลายประการด้วยกัน เช่น การป้องกันความเสียหายทางธุรกิจ การรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก การสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน อย่างไรก็ดี การรับมือนี้ได้สร้างผลดีให้กับผู้คน สังคม โดยมีหลายตัวอย่างธุรกิจหรือแบรนด์ที่ให้ความสำคัญ
- Amazon
AWS Disaster Response รับมือภัย ด้วยคลาวด์อัจฉริยะ โครงการที่นำเทคโนโลยีคลาวด์ ผสาน AI ของ Amazon มาวิเคราะห์ภัยธรรมชาติและสนับสนุนองค์กรบรรเทาทุกข์ เช่น AWS ให้โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์แก่ Team Rubicon เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลไฟป่าและพายุจากภาพถ่ายดาวเทียมและโดรนแบบเรียลไทม์ ทำให้ตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น ระบบ AWS ยังช่วยฟื้นฟูการสื่อสารในพื้นที่ประสบภัย และใช้เครือข่ายโลจิสติกส์จัดส่งสิ่งของจำเป็นได้รวดเร็ว เช่น การสนับสนุนด้านเสบียงในเหตุการณ์ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย และการจัดการข้อมูลหลังพายุเฮอริเคน - IBM
Watson AI จากข้อมูลสู่การรับมือภัยพิบัติ IBM บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกได้นำ Watson AI มาใช้ในการคาดการณ์และรับมือภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและไฟป่า โดยการประมวลผลข้อมูลมหาศาลจากแหล่งต่างๆ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม ข้อมูลอากาศ และเซนเซอร์ภาคสนาม ทำให้หน่วยงานวิเคราะห์สถานการณ์ได้แม่นยำ พร้อมรวมข้อมูลจาก The Weather Company และร่วมมือกับ NGOs และสภากาชาด ผ่านโครงการอย่าง Call for Code เพื่อพัฒนาโซลูชันช่วยศูนย์รับสายฉุกเฉิน และใช้ข้อมูลจาก AI วางแผนจัดสรรทรัพยากรในช่วงวิกฤตอย่างรวดเร็ว - Google
AI + Google Crisis Map กูเกิลใช้ AI เป็นหัวใจของโครงการ Flood Forecasting Initiative และ Google Crisis Response โดยวิเคราะห์ข้อมูลพยากรณ์อากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม และภูมิประเทศ เพื่อคาดการณ์น้ำท่วมล่วงหน้าสูงสุด 7 วันได้ เมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น Google AI จะจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ แสดงผลผ่าน Google Maps และ Google Search ด้วยฟีเจอร์ SOS Alerts ซึ่งรวมถึงเส้นทางอพยพ จุดปลอดภัย และสถานการณ์ในพื้นที่ โครงการนี้ถูกนำไปใช้จริงใน อินเดียและบังกลาเทศ สามารถแจ้งเตือนประชาชนหลายสิบล้านคนล่วงหน้า - One Concern
AI จำลองภัยพิบัติเพื่อรับมือแม่นยำ สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยี ใช้ AI สร้างแบบจำลองภัยพิบัติเสมือนจริง (Digital Twin) ช่วยจำลองสถานการณ์ภัยพิบัติเสมือนจริงระดับละเอียด ตั้งแต่ระดับเมืองไปจนถึงอาคารแต่ละหลัง เพื่อประเมินความเปราะบางและทดสอบกลยุทธ์การรับมือฉุกเฉินโดยไม่เสี่ยงชีวิตหรือทรัพยากรจริง เช่น ใช้จำลองเมืองคุมาโมโตะ ประเทศญี่ปุ่น ทำนายความเสียหายจากน้ำท่วม โดยเฉพาะในช่วงพายุไต้ฝุ่นฮากิบิส ค.ศ. 2019 โดยแพลตฟอร์มนี้สามารถคาดการณ์ระดับน้ำท่วมจากฝนตกหนักได้แม่นยำ
- Zipline
โดรนกู้ภัยขับเคลื่อนด้วย AI บริษัทสัญชาติอเมริกัน ผู้นำด้านการจัดส่งสินค้าด้วยโดรนอัตโนมัติ โดยใช้ AI วางแผนเส้นทางบิน วิเคราะห์สภาพอากาศและภูมิประเทศ และตรวจจับสิ่งกีดขวางแบบเรียลไทม์ ช่วยให้บินได้แม่นยำแม้ในพื้นที่ภัยพิบัติ เช่น ในรวันดาและกานา Zipline ได้ใช้โดรน AI ส่งเลือดและเวชภัณฑ์ไปยังพื้นที่ห่างไกลที่ถนนถูกตัดขาดจากภัยพิบัติ จัดส่งรวดเร็วเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วย ลดความเสี่ยงต่อบุคลากร เติมเต็มช่องว่างด้านโลจิสติกส์ยามฉุกเฉินได้อย่างเป็นรูปธรรม - DHL
โลจิสติกส์กู้ภัยด้วย AI ผู้นำด้านโลจิสติกส์ระดับโลกใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพในงานบรรเทาภัยพิบัติผ่านโครงการ Disaster Response Team (DRT) ที่ร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติ แม้ AI จะไม่วิเคราะห์เส้นทางหลังภัยโดยตรง แต่ถูกใช้บริหารซัพพลายเชนและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการขนส่งสิ่งของยังชีพ เช่น ทีม DRT อาสาสมัครจาก DHL จะเข้าถึงพื้นที่ใน 72 ชั่วโมง เพื่อจัดการโลจิสติกส์ ณ สนามบินและคลังสินค้าชั่วคราว ทำให้สิ่งของบรรเทาทุกข์ เช่น อาหาร ยา และเวชภัณฑ์ ส่งถึงผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที - Palantir Technologies
AI วิเคราะห์ภัยธรรมชาติเพื่อหน่วยงานรัฐ บริษัทซอฟต์แวร์สัญชาติอเมริกันพัฒนาแพลตฟอร์ม AI วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อระบุและวิเคราะห์พื้นที่ความเสี่ยงสูงอย่างไฟป่าและพายุสำหรับหน่วยงานรัฐบาลและกองทัพ ทำให้การจัดการภัยพิบัติแม่นยำและรวดเร็วขึ้น เป็นเครื่องมือในการปกป้องชุมชนจากผลกระทบของภัยธรรมชาติ - P&G
ใช้ระบบคลาวด์วิเคราะห์ข้อมูลล่วงหน้า หลังจากเผชิญพายุเฮอริเคนแซนดี้ ทำให้โรงงานหลักP&G หยุดชะงัก บริษัทได้ยกเครื่องการรับมือภัยพิบัติด้วยการตั้งศูนย์บริการวางแผนให้สามารถตัดสินใจอย่างรวดเร็วและแม่นยำในยามวิกฤติ พร้อมผสานเทคโนโลยีจากบริษัท Kinaxis โดยใช้ระบบคลาวด์ Rapid Response เข้ามาจำลองซัพพลายเชนและวิเคราะห์ผลกระทบแบบเรียลไทม์ เชื่อมข้อมูลจาก ERP และพยากรณ์อากาศเพื่อวางแผนล่วงหน้าได้ในระดับนาที ทำให้โยกย้ายการผลิตและวัตถุดิบทันก่อนภัยมาถึง เช่น ในกรณีเฮอริเคนฮาร์วีย์ เป็นต้น
การพึ่งพาเทคโนโลยีอย่าง AI เพื่อใช้รับมือภัยธรรมชาติ ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก หรือเพื่อการตั้งรับ แต่ยังเป็นโอกาสและทางรอดของผู้คนในยุคที่มีภัยพิบัติรุนแรง
อ้างอิง :
- aicompetence.org
- aws.amazon.com
- blog.pvmit.com
- crisisresponse.google
- dhl.com
- oneconcern.com
- research.ibm.com
- sites.research.google
- supplychaindive.com
- zipline.com
- www.okmd.or.th/TheKnowledgevol.39
บทความใกล้เคียง

ไขความสำเร็จ 3 ประเทศต้นแบบ ใช้ AI ต้านภัยพิบัติ
07 สิงหาคม 2025
108
0

ทำไมเราจึงควรเรียนรู้ AI คู่ไปกับการรับมือภัยธรรมชาติ
07 สิงหาคม 2025
82
0
0
ความคิดเห็น