ไขความสำเร็จ 3 ประเทศต้นแบบ ใช้ AI ต้านภัยพิบัติ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นความท้าทายระดับโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือจึงไม่ใช่เรื่องพึ่งพิงมนุษย์เพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องอาศัยเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้ามาช่วยด้วย ซึ่งพลังแห่ง AI ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยต้านทานได้ จนหลายประเทศประสบความสำเร็จในการนำมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม
ไปไขความสำเร็จของ 3 ประเทศต้นแบบ ว่ามีการใช้ AI ต้านภัยพิบัติต่างๆ อย่างไร เพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับนำมาถอดบทเรียนได้
ญี่ปุ่น สุดยอดผู้นำใช้ AI ต้านภัยแผ่นดินไหว
ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ต้องประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้งที่สุด โดยเฉพาะภัยแผ่นดินไหวและสึนามิ จึงไม่น่าแปลกที่จะกลายเป็นผู้นำด้านการพัฒนาและประยุกต์ใช้ AI จัดการความเสี่ยงเหล่านี้
โดยการพัฒนาที่โดดเด่น ก็คือการร่วมมือของรัฐบาลกับองค์กรวิจัย เช่น Japan Meteorological Agency (JMA) และ NIED ในการนำ AI มาใช้ต้านภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า ด้วยระบบ Machine Learning/Deep Learning ที่จะช่วยวิเคราะห์คลื่นไหวสะเทือน P-Wave (คลื่นเตือน) จากเซนเซอร์กว่า 1,000 จุดทั่วประเทศ ก่อนที่จะจำแนกและคาดการณ์แรงสั่นสะเทือนจากคลื่น S-wave (คลื่นทำลาย) ที่ตามมาได้ภายในไม่กี่วินาที ทำให้สามารถทำการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าได้ประมาณ 5-10 วินาที ก่อนแรงสั่นสะเทือนมาถึง โดยระบบจะส่งการแจ้งเตือนผ่านช่องทางต่างๆ อย่างรวดเร็ว เช่น สถานีโทรทัศน์ วิทยุ ลำโพงสาธารณะ และสมาร์ทโฟน ซึ่งระบบนี้เคยเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า แล้วช่วยให้รถไฟชินคันเซ็นหยุดวิ่งทันก่อนแรงสั่นจะถึงราง และช่วยให้โรงเรียนต่างๆ อพยพเด็กนักเรียนออกจากอาคารได้ทันเวลา
นอกจากนั้นยังมีการนำ AI มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ เช่น โซเชียลมีเดีย ภาพจากโดรนหรือกล้องวงจรปิด เพื่อช่วยจัดการภัยพิบัติทั้งหลายจากหนักเป็นเบา
สหรัฐอเมริกา ผู้พิชิตภัยไฟป่าแบบเรียลไทม์ด้วย AI
สหรัฐอเมริกาไม่ต่างจากญี่ปุ่น เพราะประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยมากเช่นกัน ทั้งภัยไฟป่า พายุเฮอริเคน และน้ำท่วมฉับพลัน อย่างกรณีไฟป่าที่มักเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วงในรัฐแคลิฟอร์เนีย กรมป้องกันป่าไม้และป้องกันไฟป่าแห่งรัฐ (Cal Fire) ร่วมกับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก ภายใต้โครงการ Alert California ได้มีการนำ AI มาใช้ตรวจจับข้อมูลการเกิดไฟป่าจากกล้องกว่า 1,000 ตัวที่ติดตั้งไว้ทั่วรัฐ และเมื่อตรวจพบ ข้อความแจ้งเตือนจะถูกส่งไปยังศูนย์บริการฉุกเฉินและหน่วยงานอื่นๆ แบบเรียลไทม์ ซึ่งจุดเด่นของกล้องสามารถหมุนได้ 360 องศา ซูมและแสดงผลด้วยความคมชัดพิเศษ มีเซนเซอร์จับความร้อนที่สูงผิดปกติ เมื่อผสานกับระบบ Machine Learning ก็ทำให้ระบุสัญญาณไฟป่าได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ผ่านมา สามารถรับมือและลดความเสียหายจากไฟป่าที่เกิดขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนียได้หลายครั้ง และเป็นกรณีศึกษาเพื่อนำไปขยายระบบแจ้งเตือนให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น
เนเธอร์แลนด์ เทพแห่งระบบ AI รับมือภัยน้ำท่วม
เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่ต่อสู้กับภัยน้ำท่วมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีพื้นที่กว่า 20% ตั้งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ทำให้รัฐบาลต้องลงทุนในเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อรับมือกับภัยนี้ โดยหนึ่งในนั้นคือ ระบบเตือนภัยน้ำท่วมล่วงหน้า FEWS (Flood Early Warning Systems) ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลน้ำจากเซนเซอร์วัดระดับน้ำ อัตราการไหล และข้อมูลดาวเทียม ทำให้ทำนายและเตือนภัยน้ำท่วมล่วงหน้าได้เป็นวัน พร้อมสร้างแบบจำลองสถานการณ์ในอนาคตได้ หน่วยงานจึงสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ได้เร็วขึ้น โดยระบบนี้มีการบูรณาการกับโครงการ Delta Project ซึ่งเป็นโครงการระดับชาติเพื่อบริหารจัดการน้ำของเนเธอร์แลนด์ ส่วนผลสำเร็จที่ผ่านมา เช่น ช่วยเตือนภัยน้ำท่วมในปี ค.ศ. 2021 ได้ล่วงหน้าหลายชั่วโมง ส่งผลให้เมืองใหญ่ๆ อพยพประชาชนและเตรียมกำแพงชั่วคราวทันเวลา และช่วยป้องกันน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่สำคัญต่อเนื่องมาหลายสิบปี
จากความสำเร็จของประเทศต้นแบบเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงพลังแห่ง AI ที่ช่วยต้านภัยพิบัติทางธรรมชาติได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ตราบใดที่ภัยพิบัติยังคงรุนแรงและเกิดบ่อยครั้ง การต้านภัยด้วยการนำ AI มาใช้ทั้งโดยตรงและสนับสนุน ก็ต้องพัฒนาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
อ้างอิง :
- deltares.nl
- gov.ca.gov
- jma.go.jp,
- uni.net.th
- 6 เทคโนโลยีรับมือแผ่นดินไหวในโรงงานอุตสาหกรรมมีอะไรบ้าง?
- www.okmd.or.th/TheKnowledgevol.39

