รักร้าว หมารู้ สุนัขจะรู้ไหมเมื่อรักเราไม่เหมือนเดิม
ปัจจุบันหลายบ้านเลี้ยงสุนัขเป็นเสมือนสมาชิกในครอบครัว คาดการณ์กันว่าปัจจุบันในประเทศไทยมีสุนัขที่เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านราว 8 ล้านตัวและเชื่อว่าในช่วงการระบาดของโควิด-19 จำนวนของสุนัขภายในบ้านน่าจะเพิ่มมากขึ้น
มีการศึกษาในกันประเทศอังกฤษ ประเทศที่ได้ชื่อว่าให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของสัตว์เลี้ยงมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยการตั้งคำถามว่าถ้าหากสามีภรรยาเลิกกัน สุนัขเหล่านี้จะมีชีวิตอย่างไรและจะรู้ไหมว่า ครอบครัวกำลังจะเปลี่ยนไป
สถิติของประเทศอังกฤษและเวลส์ระบุว่า คู่รัก 42% ที่แต่งงานแล้วมีมีแนวโน้มพร้อมจะหย่าในครอบครัวเหล่านี้มีถึง
12 ล้านครัวเรือน ที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้าน และผู้เลี้ยงสุนัขหลังจากเลิกกัน ล้วนสังเกตเห็นได้ว่าสัตว์เลี้ยงของตัวเองมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ฉุนเฉียวกว่าเดิม โมโหง่าย มีการแสดงออกอย่างสับสน
แองจี้ จอห์นสัน (Angie
Johnson) นักพฤติกรรมสัตว์จาก Yale’s Canine
Cognition Lab กล่าวว่า สุนัขไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับวาระสุดท้าย (Finality) ในการตระหนักรู้นั้นจะไม่รู้ช่วงเวลาการสิ้นสุด หรือยุติเหมือนมนุษย์ ซึ่งมนุษย์เราสามารถรู้ได้ว่าคู่ชีวิตคนนี้ได้ออกจากชีวิตเราไปแล้ว และไม่มีวันกลับมา แต่สุนัขไม่เข้าใจความหมายของการจากลา และจะรอคอยเจ้านายอีกคนหนึ่งกลับมา
แต่ไม่ได้หมายความว่า สุนัขจะไม่รู้เลยว่าบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป สุนัขจะสังเกตความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและกิจวัตรประจำวัน เมื่อมีใครสักคนที่คุ้นเคยหายออกจากบ้านไปนานๆ กลิ่นในสภาพแวดล้อมจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ของบางชิ้นที่มีกลิ่นเฉพาะตัวหายไปจากที่เคยวางอยู่ จากทุกเย็นที่ได้ออกวิ่งเหยาะๆ มีการเปลี่ยนเส้นทาง รูปแบบการได้กลิ่นของสุนัข และกิจวัตรที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดความสับสบ
สุนัขรับรู้การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของกลิ่นที่ซับซ้อน
นอกเหนือจากเรื่องกลิ่นแล้ว สุนัขยังสามารถรับรู้การโต้เถียง หรือบบรรยากาศของความรุนแรงภายนบ้านได้จากผู้เลี้ยงดู ในหนังสือ
Animals’ Agenda
: Freedom, Compassion, and Coexistence in the Human
Age เล่าเรื่องที่สุนัขพยายามหลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยเช่นกัน จากปัญหาครอบครัว หรือมีท่าทีคุกคามผิดปกติ ทำลายข้าวของ ทั้งๆ ที่ไม่เคยแสดงอาการมาก่อน หอบดัง ร้องครวญคราง
หรือเดินวนเวียนในบ้าน บางตัวหากว่าเครียดมาก อาจมีอาการอาเจียนด้วย นั่นแสดงให้เราเห็นว่า ในหลายๆ บริบท สุนัขก็ใช้สัญญาณต่างๆ ในการถอดรหัสอารมณ์และความรู้สึกไม่แตกต่างจากมนุษย์เรา เพราะสุนัขเป็นสัตว์สังคมแบบความใกล้ชิดสูงไม่แตกต่างจากมนุษย์ อีกทั้งสภาพแวดล้อมในการเลี้ยงก็เปลี่ยนแปลงไป มนุษย์เราเลี้ยงสุนัขภายในที่พักอาศัยซึ่งมีสิ่งเร้าน้อยลง การจ้องมองกิจวัตรมนุษย์ระหว่างวัน จึงเป็นกิจกรรมไม่กี่อย่างที่มันสนใจ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการแสดงเพียงเล็กน้อย สุนัขจึงสามารถตีความอารมณ์ว่ามนุษย์เราโกรธ เศร้า หรือดีใจ เพียงแค่ขยับมุมริมฝีปากหรือจากคิ้วที่โค้ง ก็สามารถรู้ได้ทันที เช่น เมื่อเราโกรธ เราหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งมันจะเปลี่ยนองค์ประกอบของกลิ่นและฟีโรโมน โดยสัญชาตญาณและวิวัฒนาการอันยาวนานเพื่อประสิทธิภาพการได้กลิ่น สุนัขมีอวัยวะที่ชื่อ Vomeronasal
organ (VNO) เพื่อตรวจจับฟีโรโมนอยู่ระหว่างเพดานปากบนและจมูก ทำให้เข้าใจและแปลความหมายของกลิ่นเป็นมวลอารมณ์ต่างๆ ได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้บ่อยมากขึ้น สุนัขย่อมตกอยู่ในความเครียดไม่แตกต่างจากมนุษย์เรา
ปัจจุบันในประเทศตะวันตก ลูก และสัตว์เลี้ยง เป็นประเด็นสำคัญที่มีการแย่งชิงสิทธิในการเลี้ยงดู ในกฎหมายของสหราชอาณาจักรถือว่าสุนัขเป็นสินทรัพย์ อย่างหนึ่ง
แม้จะมีการอ้างอิงเรื่องสิทธิในการเลี้ยงสุนัขว่าควรให้สุนัขอยู่กับฝ่ายที่มันเคยอยู่ด้วยนานที่สุด แต่การที่สุนัขอยู่กับใครมากเป็นพิเศษ ก็ไม่ได้ฟันธงว่าสภาพแวดล้อมนั้นเหมาะสมกับมัน
มีกรณีหนึ่งที่เกิดการฟ้องหย่าระหว่างคู่สามีภรรยาและพยายามแย่งสิทธิเลี้ยงดูสุนัขพันธุ์ใหญ่ ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ ศาลตัดสินให้สุนัขอยู่กับฝ่ายชาย เนื่องจากอาชีพของเขาใช้เวลาส่วนใหญ่นอกบ้าน สุนัขสามารถเดินไปมาหาสู่ในละแวกชุมชนนั้นๆ และมีปฏิสัมพันธ์กับสุนัขตัวอื่นๆ อย่างเป็นอิสระ ตรงข้ามกับฝ่ายหญิงที่จำเป็นต้องเลี้ยงมันไว้ในบ้าน และอาจส่งผลกระทบต่อภาวะจิตใจสุนัขมากกว่า ศาลจึงมอบสิทธิให้ฝ่ายชายเป็นผู้เลี้ยงดูแทน
ฉะนั้นก่อนจะเลี้ยงสุนัข คิดถึงผลที่จะตามมาในระยะยาวสักนิด อย่าซื้อมาเลี้ยงเพียงเพื่อต้องการเพื่อนแก้เหงาชั่วครั้งชั่วคราว สุนัขนั้นมีจิตใจอ่อนไหวกว่าที่เราคิดมากนัก
อ้างอิง
- www.boydlawsacramento.com/divorce-affect-dogs/
- www.abc.net.au/news/2016-03-17/what-divorce-looks-like-for-a-dog/7252666

