เปิดผลสำรวจเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก

25 ธันวาคม 2023
|
168 อ่านข่าวนี้
|
11


 

เปิดผลสำรวจเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก

 

ถือเป็นวาระประจำทุกปีที่ The Economist Intelligence Unit (EIU) ในเครือนิตยสารดิ อีโคโนมิสต์ จะเปิดเผยผลสำรวจการจัดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก (World’s Most Livable City) ออกมา โดยเน้นสำรวจและเก็บข้อมูลด้านความมั่นคงทางการเมือง สังคมและเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การเข้าถึงบริการสาธารณสุข รวมถึงระบบการศึกษาและระบบโครงสร้างพื้นฐานของเมืองต่างๆ ทั่วทุกทวีป เป็นดัชนีชี้วัดความน่าอยู่ที่สุดในโลก

โดยในปี พ.ศ.2565 นี้ มีการจัดอันดับรวม 173 เมือง มากกว่าปีที่แล้ว และมีข้อน่าสังเกตคือ แม้การยกเลิกการล็อกดาวน์จากโรคระบาดโควิด-19 จะช่วยให้หลายๆ เมืองได้รับคะแนนความน่าอยู่เพิ่มขึ้น แต่สถานการณ์สงครามยูเครนกับรัสเซีย กลายเป็นตัวแปรใหม่ที่ส่งผลให้สภาพความน่าอยู่ของเมืองในประเทศทั้งสอง ตลอดจนเมืองในยุโรปตะวันออกบางแห่งได้รับผลกระทบในทางลบ ในการจัดอันดับปีนี้จึงตัดกรุงเคียฟของยูเครนออก และเมืองสำคัญในรัสเซียอย่างมอสโคว์และเซนต์ปีเตอร์เบิร์กก็อันดับร่วงลงไปมากกว่า 10 อันดับจากปีที่แล้ว  

ส่วนผลสรุปการจัดอันดับท็อปเทนในปีนี้ ปรากฏว่า เวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย สามารถโค่นเมืองโอ๊กแลนด์ แชมป์จากนิวซีแลนด์เมื่อปีที่แล้วลงได้สำเร็จ โดยคว้าตำแหน่งเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกอันดับ 1 ด้วยคะแนนรวม 99.1 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน มาครองอีกครั้ง หลังจากเคยครองตำแหน่งแชมป์เมื่อปี พ.ศ.2561 กับ 2562 มาก่อน แต่ต้องร่วงไปในปี พ.ศ. 2563-2564 เพราะนโยบายสั่งปิดพิพิธภัณฑ์และร้านอาหารจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั่นเอง

ตามมาด้วยอันดับ 2-10 ตามลำดับ ดังนี้ อันดับ 2 เมืองโคเปนเฮเกน, อันดับ 3 เมืองซูริก, อันดับ 4 เมืองคาลการี, อันดับ 5 เมืองแวนคูเวอร์, อันดับ 6 เมืองเจนีวา, อันดับ 7 เมืองแฟรงเฟิร์ต, อันดับ 8 เมืองโทรอนโต, อันดับ 9 เมืองอัมสเตอร์ดัม และอันดับ 10 เมืองโอซากากับเมืองเมลเบิร์น

จากผลสำรวจเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกที่ประกาศออกมานี้ มาทำความรู้จักกับแต่ละเมืองกันดูว่า มีเสน่ห์และจุดเด่นอะไรบ้าง

  • เวียนนา
    เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรีย ตั้งอยู่ทางตอนกลางของทวีปยุโรป พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา จึงโดดเด่นในฐานะเมืองแห่งธรรมชาติ และยังเป็นแหล่งกำเนิดของนักดนตรีคลาสสิก ตลอดจนอุดมด้วยศิลปะหลากหลายประเภท จนได้รับสมญานามว่า นครแห่งศิลปะและเสียงดนตรี นอกจากนั้นก็ยังงดงามด้วยทิวทัศน์และอิ่มอุ่นด้วยความน่าอยู่ มีสถานที่ให้พักผ่อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสวนดอกไม้หรือสวนสาธารณะ ระบบขนส่งก็หลากหลายและเดินทางสะดวกสบายมากๆ
  • โคเปนเฮเกน
    แทบไม่น่าเชื่อว่าเมืองที่เคยปกคลุมด้วยควันดำและแหล่งน้ำปนเปื้อน จากผลพวงการพัฒนาอุตสาหกรรมและการทำประมงในอดีต มาถึงวันนี้โคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก จะฟื้นตัวจนเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกอันดับ 2 โดยเมืองนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกติดชายฝั่งทะเล ถือเป็นเมืองเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์และเป็นดินแดนในฝันของนักเดินทางทั่วโลก เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะพระราชวังต่างๆ ที่มีสถาปัตยกรรมอันวิจิตร
  • ซูริก
    เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนเหนือของประเทศ ก่อตั้งมายาวนานกว่า 2,000 ปี เป็นศูนย์กลางของการปฏิวัติศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์ในยุโรป ศูนย์กลางเศรษฐกิจทางการเงิน-การธนาคารที่สำคัญ มีการเก็บภาษีในอัตราต่ำ ทำให้ดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ และคุณภาพชีวิตของประชาชนยังดีมากอีกด้วย ขณะเดียวกันก็เป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ด้านสถาปัตยกรรมแบบเก่า และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
  • คาลการี
    เมืองใหญ่ที่สุดในรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดา ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ ริมแม่น้ำโบว์ จัดเป็นฮับทางด้านอุตสาหกรรม ทั้งด้านน้ำมัน พลังงาน และเหมืองแร่ แต่มีการจัดการปัญหามลพิษได้อย่างดี จนมองไม่เห็นบรรยากาศทางกายภาพของเมืองอุตสากรรมเลย และยังเป็นเมืองสะอาดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่มีชีวิตชีวาด้วยศิลปะและวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่โอบอุ้มอดีตเอาไว้ด้วย    
  • แวนคูเวอร์
    เมืองท่าชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติชโคลัมเบีย ในแคนาดา ที่มีความเจริญอย่างมากและเต็มไปด้วยตึกสูงสมัยใหม่กระจุกตัวอยู่กลางเมือง ส่วนนอกเมืองออกไปจะมีธรรมชาติสวยงามรายล้อม จนกลายเป็นเมืองที่นิยมใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ จึงมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า Hollywood North
  • เจนีวา
    เมืองใหญ่อันดับสองของสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่บริเวณต้นแม่น้ำโรน ที่ไหลออกจากทะเลสาบเจนีวา เมืองนี้มีแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย เช่น ทะเลสาบเจนีวา น้ำพุจรวดเจ็ตโด้ ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง มหาวิหารแซงต์ปิแอร์ นาฬิกาดอกไม้ สวนชาแดงอองเกล ฯลฯ และยังเป็นที่ตั้งของอาคารสหประชาชาติ ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1936 ที่ถือว่าสำคัญรองลงมาจากสำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติที่นิวยอร์ก โดยลักษณะอาคารด้านหน้าออกแบบเลียนแบบพระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศส สามารถจุผู้เข้าประชุมได้มากถึง 2,000 คน
  • แฟรงเฟิร์ต
    เมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไมน์ของเยอรมนี เป็นเมืองที่ใหญ่และทันสมัยสมกับเป็นศูนย์กลางของการบินและเศรษฐกิจ มีตึกสูงเสียดฟ้าเต็มไปหมด และเป็นที่ตั้งของธนาคารกลางยุโรปด้วย ในขณะเดียวกันก็มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่ง เช่น สะพานเหล็กไอเซิร์นเนอร์เสต็ก สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำไมน์ ป้อมปราการฮอพวอชคู่บ้านคู่เมือง เคยทำหน้าที่เป็นป้อมปราการให้กับกองทัพ มหาวิหารเซนต์บาร์โธโลมิว และตึกไมน์ทาวเวอร์ที่ด้านบนเป็นหอชมเมือง มีความสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ สามารถชมวิวรอบทิศได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
  • โตรอนโต
    เมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในแคนาดา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ บรรยากาศของคึกคัก ไม่น่าเบื่อ เพราะมีเทศกาลหรือกิจกรรมต่างๆ ให้ชมตลอดทั้งปี โดยเฉพาะเทศกาลดนตรี ศิลปะ และการแสดง และถึงแม้ในเมือง รถจะคับคั่งแต่ระบบรถสาธารณะดีมากและตรงต่อเวลา อีกทั้งยังมีสถานที่สวยงามน่าเที่ยวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอาคารแบบเก่า พิพิธภัณฑ์รอยัลออนตาริโอ สวนพฤกษศาสตร์ โตรอนโต หรือน้ำตกไนแองการาที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ
  • อัมสเตอร์ดัม
    เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเติล ชื่อเมืองมาจากคำว่า อัมสเติลเรอดัมเมอ (Amstelredamme) หมายถึงเมืองที่ตั้งอยู่ริมเขื่อนของแม่น้ำสเติล เนื่องจากมีประวัติเริ่มต้นมาจากการเป็นหมู่บ้านชาวประมงในคริสต์ศตวรรษที่ 12 นั่นเอง ปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางทางการเงินและวัฒนธรรม โดยมีสถานที่ให้ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งการล่องเรือริมแม่น้ำสุดโรแมนติก การขี่จักรยานชมสถาปัตยกรรมของบ้านเมือง แล้วก็การแวะชมแนวป้องกันน้ำดัตช์-ที่เป็นมรดกโลก ตลาดดอกไม้ลอยน้ำ และหมู่บ้านกังหันลม

  • โอซากาและเมลเบิร์น
    ทั้งสองเมืองนี้ได้คะแนนเฉลี่ยอันดับที่ 10 เท่ากัน
    โอซากา เป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนเกาะฮอนชู มีความสำคัญทั้งในฐานะเมืองการค้าและวัฒนธรรม ได้รับสมญานามว่า ครัวของชาติ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการค้าข้าวของญี่ปุ่นมาตั้งแต่อดีต และปัจจุบันยังเป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรม แต่ก็มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจไม่น้อย เช่น ตลาดคุโรมง จุดชมวิวอาเบะโนะ ฮารุกัส บนตึกสูง 300 เมตร ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอโอซาก้า ปราสาทโอซากา ฯลฯ
    เมลเบิร์น เคยได้รับเลือกให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกติดต่อกันมาหลายปี ตั้งแต่ปี 2554-2560 แต่ในปี 2561 เป็นต้นมา อันดับก็ตกลงมา จนในปีนี้อยู่ที่อันดับ 10 อย่างไรก็ตาม เมลเบิร์นก็ยังคงเป็นเมืองที่คงไว้ซึ่งความงามและความหลากหลายทางวัฒนธรรม แถมเป็นเมืองที่ผู้คนเป็นมิตรอย่างที่สุด และอาหารกับเครื่องดื่มก็เลอค่าอย่างมาก โดยเฉพาะกาแฟพรีเมียม จนเรียกกันว่า เมืองแห่งกาแฟ

ส่วนกรุงเทพฯ นั้น ผลสำรวจปีนี้ไม่ได้ระบุไว้ แต่เมื่อปีที่แล้ว พบว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่อันดับที่ 98 จึงคงต้องปรับปรุงแก้ไขบ้านเมืองกันอีกหลายๆ ด้านต่อไป เพื่อในอนาคต อาจติดอันดับท็อปเทนบ้าง

ข้อมูล : www.eiu.comwww.timeout.com



0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI