เที่ยวเพลินเดินชม สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ BOTANIC GARDEN ระดับสากลแห่งแรกของเมืองไทย
หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า
สวนสาธารณะแห่งแรกของเมืองไทยก็คือ สวนลุมพินี หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า สวนลุม
ซึ่งเป็นสวนที่คนกรุงนิยมไปวิ่งออกกำลังกายมากที่สุด เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี
พ.ศ.2468 และจะครบรอบ 100 ปี ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้เอง
ส่วนสวนพฤกษศาสตร์สากลแห่งแรกของเมืองไทย
ทราบหรือไม่ว่าคือ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (Queen Sirikit
Botanic Garden) อาณาจักรแห่งพรรณไม้อันชุ่มชื่นและกว้างใหญ่
ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่ใครไปเยือนก็จะต้องตกหลุมรักทันที
โดยคำว่า
สวนพฤกษศาสตร์ มาจากภาษาอังกฤษว่า Botanic Garden หมายถึง
สวนที่มีการปลูกพรรณไม้รวมกันหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นไม้พื้นเมือง
แต่บางแห่งก็มีพรรณไม้จากต่างประเทศรวมอยู่ด้วย มีการจัดแบ่งพรรณไม้เป็นหมวดหมู่
พร้อมลงข้อมูล เขียนป้ายบอกชื่อสามัญและชื่อวิทยาศาสตร์ไว้ให้คนสนใจได้ทราบ
รวมถึงเปิดให้สาธารณชนเข้าชมเพื่อประโยชน์ในการพักผ่อนหย่อนใจ และการศึกษาวิจัย
ดังนั้น
สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ย่อมจะสวยงามร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ดอกไม้หลากหลาย
เหมาะกับการเที่ยวเพลินเดินชม และเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ต่างๆ อย่างแน่นอน
หากไล่เรียงความเป็นมา
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2536
นับมาถึงปีนี้ ก็มีอายุร่วมๆ 30 ปีแล้ว โดยตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ
6,500 ไร่ กว้างใหญ่สุดสายตาจริงๆ ซึ่งเดิมมีชื่อว่า
สวนพฤกษศาสตร์แม่สา อยู่ในความดูแลขององค์การสวนพฤกษศาสตร์
แต่หลังจากมีการวางแผนจะพัฒนาให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์สากลแห่งแรกของเมืองไทย ที่มีการบริหารจัดการตามหลักมาตรฐานสากล
ในปีถัดมา พ.ศ.2537 สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ก็ได้รับพระราชทานนามใหม่จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงว่า สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมพรรณไม้ของประเทศ
ศูนย์ศึกษาและค้นคว้าวิจัยทางพฤกษศาสตร์ ความหลากหลายทางชีวภาพ
และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป
สำหรับจุดเด่นของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
นอกจากพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล
ตั้งอยู่บนที่ราบสูงและที่ราบสลับลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ดูตระการตาแล้ว
ก็ยังมีทางเดินเหนือเรือนยอดไม้ (Canopy Walkway), กลุ่มอาคารเรือนกระจกทั้งขนาดใหญ่และเล็ก (Glass Houses) และพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (Natural Science Museam)
ให้เที่ยวเพลินเดินชมอย่างอิ่มเอม
เริ่มจากทางเดินลอยฟ้าเหนือเรือนยอดไม้
ที่มีความสูง 20-25
เมตรแล้วแต่ช่วง และยาวไป-กลับเกือบ 500 เมตร เป็นทางเดินที่ออกแบบกลมกลืนกับธรรมชาติ สำหรับพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์และทอดท่องชมเรือนยอดไม้
พันธุ์ไม้ นก ผีเสื้อสวยๆ ตลอดจนทัศนียภาพโดยรอบแบบพาโนรามา
และได้ศึกษาระบบนิเวศบนยอดไม้ไปในตัว เช่น ยอดไผ่ ยอดสน ฯลฯ แถมยังเป็นจุดเช็กอินยอดนิยมที่ทุกคนจะต้องมาโพสต์ท่าถ่ายรูปอย่างมีความสุขอีกด้วย
จากนั้นต่อกันด้วยความสดชื่นตื่นตากับกลุ่มอาคารเรือนกระจก
ซึ่งประกอบด้วยอาคารแสดงพันธุ์ไม้ต่างๆ อย่างหลากหลาย ต้องใช้เวลาในการชมนานสักหน่อย
และอยู่ลึกเข้าไปจากปากทางเข้าสวนพฤกษศาสตร์ ประมาณ 2.5
กิโลเมตร มีทั้งหมด 4 โรงเรือนใหญ่และ 6 โรงเรือนเล็ก
โดยโรงเรือนใหญ่
ได้แก่ เรือนป่าดิบชื้น เป็นโรงเรือนจัดแสดงพันธุ์ไม้ในป่าดิบชื้น
ด้วยการสร้างบรรยากาศภายในเสมือนอยู่ในป่าจริงๆ มีน้ำตกจำลอง, เรือนพรรณไม้น้ำ
เป็นโรงเรือนจัดแสดงพืชไม้น้ำ พืชชุ่มน้ำชนิดต่างๆ มีบ่อน้ำใหญ่แสดงบัวชนิดต่างๆ
โดยเฉพาะบัวกระด้ง หรือบัววิกตอเรีย ที่มีใบขนาดใหญ่มาก, เรือนกล้วยไม้และเฟิร์น
เป็นโรงเรือนจัดแสดงกล้วยไม้และเฟิร์นชนิดต่างๆ โดยกล้วยไม้มีทั้งกล้วยไทยและกล้วยไม้ลูกผสม
รวมถึงจัดแสดงกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือว่านเพชรหึง
และกล้วยไม้ที่มีลำต้นยาวที่สุดในโลก คือวานิลลา และเรือนพืชทนแล้ง
เป็นโรงเรือนปลูกและเน้นจัดแสดงกระบองเพชรสายพันธุ์ทั่วไปชนิดต่างๆ ที่สวยงาม
แบ่งเป็น 3 โซน คือ หนึ่ง-โซนพืชอวบน้ำ
เช่น กุหลาบหิน ปรง, สอง-โซนกระบองเพชร
เช่น สายพันธุ์ถังทอง แอสโตรไฟตัม แมมมิลลาเรีย และสาม-โซนพืชทนแล้ง
ส่วนโรงเรือนเล็ก
ประกอบด้วย เรือนพืชกินแมลง เป็นโรงเรือนจัดแสดงพืชกินแมลงชนิดต่างๆ เช่น
หม้อข้าวหม้อแกงลิง กาบหอยแครง ฯลฯ, เรือนไม้ใบ
เป็นโรงเรือนจัดแสดงพืชไม้ใบที่น่าสนใจ ไม้ด่าง ไม้ประดับตกแต่ง ไม้ที่ให้ร่มเงา, เรือนสับปะรดสี เป็นโรงเรือนที่จัดแสดงเรือนไม้ประดับหลากสี
รูปร่างสวยงามแปลกตา อย่างสับปะรดสีที่นิยมปลูกกันในประเทศ, เรือนพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน
เป็นโรงเรือนจัดแสดงการใช้ประโยชน์จากพืชในชนเผ่าต่างๆ, เรือนบัว
เป็นโรงเรือนรวบรวมพรรณบัวต่างๆ โดยเฉพาะของไทยและเอเชีย และบัวที่สวยงามทั้งบัวหลวงและบัวสาย
และเรือนพืชสมุนไพร เป็นโรงเรือนจัดแสดงพืชสมุนไพรกว่า 200 ชนิด ที่คนทั่วไปชื่นชอบและสนใจ
เมื่อเที่ยวเพลินกับกลุ่มอาคารเรือนกระจกชุ่มปอดแล้ว
ก็ถึงเวลาไปเดินชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติกันบ้าง ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 400 เมตร
ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่จัดแสดงนิทรรศการถาวรและหมุนเวียน
เพื่อให้ความรู้ทางด้านพืช ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
จัดแบ่งเป็นส่วนต่างๆ อาทิเช่น ส่วนเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ส่วนความหลากหลายทางชีวภาพ ส่วนย้อนรอยนักพฤกษศาสตร์ไทย ส่วนผจญภัย 10 ป่าไทย ส่วนมหัศจรรย์พรรณพืช และส่วนนวัตกรรมจากพรรณไม้ เป็นต้น
ซึ่งพิพิธภัณฑ์ธรรมชาตินี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ผู้มาเยือนมักแวะมาชม
นอกเหนือจากจุดเด่นทั้งสามของสวนพฤกษศาสตร์นี้แล้ว
ก็ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติย่อยๆ ให้เที่ยวเพลินเพิ่มความผ่อนคลายอีกหลายเส้นทาง
เช่น เส้นทางสวนรุกขชาติ เป็นเส้นทางผ่านแปลงรวมพันธุ์กล้วย บอน ปาล์ม ขิงข่า
หรือเส้นทางวัลยชาติ เป็นเส้นทางไม้เลื้อยกว่า 250 ชนิด
ทอดยาวไปตามสันเขา ระยะทางประมาณ 800 เมตร
ด้วยประการทั้งปวงที่เล่ามา
หากมีโอกาสมาเยือนเชียงใหม่ จึงไม่ควรพลาดไปเที่ยวเพลินเดินชม
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สวนสีเขียวอันกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยความหลากหลาย
ที่สำคัญเป็นสวนพฤกษศาสตร์ระดับสากล ที่มีมาตรฐานไม่แพ้สวนพฤกษศาสตร์แห่งอื่นใดในโลกเลย...
ข้อมูลอ้างอิง www.qsbg.org, FB :
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โทรศัพท์ : 053
841 234

