เที่ยวเพลินเดินชม สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ BOTANIC GARDEN ระดับสากลแห่งแรกของเมืองไทย

25 ธันวาคม 2023
|
390 อ่านข่าวนี้
|
9


หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า สวนสาธารณะแห่งแรกของเมืองไทยก็คือ สวนลุมพินี หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า สวนลุม ซึ่งเป็นสวนที่คนกรุงนิยมไปวิ่งออกกำลังกายมากที่สุด เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2468 และจะครบรอบ 100 ปี ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้เอง

ส่วนสวนพฤกษศาสตร์สากลแห่งแรกของเมืองไทย ทราบหรือไม่ว่าคือ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (Queen Sirikit Botanic Garden) อาณาจักรแห่งพรรณไม้อันชุ่มชื่นและกว้างใหญ่ ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ที่ใครไปเยือนก็จะต้องตกหลุมรักทันที

โดยคำว่า สวนพฤกษศาสตร์ มาจากภาษาอังกฤษว่า Botanic Garden หมายถึง สวนที่มีการปลูกพรรณไม้รวมกันหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นไม้พื้นเมือง แต่บางแห่งก็มีพรรณไม้จากต่างประเทศรวมอยู่ด้วย มีการจัดแบ่งพรรณไม้เป็นหมวดหมู่ พร้อมลงข้อมูล เขียนป้ายบอกชื่อสามัญและชื่อวิทยาศาสตร์ไว้ให้คนสนใจได้ทราบ รวมถึงเปิดให้สาธารณชนเข้าชมเพื่อประโยชน์ในการพักผ่อนหย่อนใจ และการศึกษาวิจัย

ดังนั้น สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ย่อมจะสวยงามร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ดอกไม้หลากหลาย เหมาะกับการเที่ยวเพลินเดินชม และเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ต่างๆ อย่างแน่นอน

หากไล่เรียงความเป็นมา สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2536 นับมาถึงปีนี้ ก็มีอายุร่วมๆ 30 ปีแล้ว โดยตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 6,500 ไร่ กว้างใหญ่สุดสายตาจริงๆ ซึ่งเดิมมีชื่อว่า สวนพฤกษศาสตร์แม่สา อยู่ในความดูแลขององค์การสวนพฤกษศาสตร์ แต่หลังจากมีการวางแผนจะพัฒนาให้เป็นสวนพฤกษศาสตร์สากลแห่งแรกของเมืองไทย ที่มีการบริหารจัดการตามหลักมาตรฐานสากล ในปีถัดมา พ.ศ.2537 สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ก็ได้รับพระราชทานนามใหม่จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงว่า สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมพรรณไม้ของประเทศ ศูนย์ศึกษาและค้นคว้าวิจัยทางพฤกษศาสตร์ ความหลากหลายทางชีวภาพ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป

สำหรับจุดเด่นของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ นอกจากพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล ตั้งอยู่บนที่ราบสูงและที่ราบสลับลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ดูตระการตาแล้ว ก็ยังมีทางเดินเหนือเรือนยอดไม้ (Canopy Walkway), กลุ่มอาคารเรือนกระจกทั้งขนาดใหญ่และเล็ก (Glass Houses) และพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (Natural Science Museam) ให้เที่ยวเพลินเดินชมอย่างอิ่มเอม

เริ่มจากทางเดินลอยฟ้าเหนือเรือนยอดไม้ ที่มีความสูง 20-25 เมตรแล้วแต่ช่วง และยาวไป-กลับเกือบ 500 เมตร เป็นทางเดินที่ออกแบบกลมกลืนกับธรรมชาติ สำหรับพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์และทอดท่องชมเรือนยอดไม้ พันธุ์ไม้ นก ผีเสื้อสวยๆ ตลอดจนทัศนียภาพโดยรอบแบบพาโนรามา และได้ศึกษาระบบนิเวศบนยอดไม้ไปในตัว เช่น ยอดไผ่ ยอดสน ฯลฯ แถมยังเป็นจุดเช็กอินยอดนิยมที่ทุกคนจะต้องมาโพสต์ท่าถ่ายรูปอย่างมีความสุขอีกด้วย

จากนั้นต่อกันด้วยความสดชื่นตื่นตากับกลุ่มอาคารเรือนกระจก ซึ่งประกอบด้วยอาคารแสดงพันธุ์ไม้ต่างๆ อย่างหลากหลาย ต้องใช้เวลาในการชมนานสักหน่อย และอยู่ลึกเข้าไปจากปากทางเข้าสวนพฤกษศาสตร์ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร มีทั้งหมด 4 โรงเรือนใหญ่และ 6 โรงเรือนเล็ก

โดยโรงเรือนใหญ่ ได้แก่ เรือนป่าดิบชื้น เป็นโรงเรือนจัดแสดงพันธุ์ไม้ในป่าดิบชื้น ด้วยการสร้างบรรยากาศภายในเสมือนอยู่ในป่าจริงๆ มีน้ำตกจำลอง, เรือนพรรณไม้น้ำ เป็นโรงเรือนจัดแสดงพืชไม้น้ำ พืชชุ่มน้ำชนิดต่างๆ มีบ่อน้ำใหญ่แสดงบัวชนิดต่างๆ โดยเฉพาะบัวกระด้ง หรือบัววิกตอเรีย ที่มีใบขนาดใหญ่มาก, เรือนกล้วยไม้และเฟิร์น เป็นโรงเรือนจัดแสดงกล้วยไม้และเฟิร์นชนิดต่างๆ โดยกล้วยไม้มีทั้งกล้วยไทยและกล้วยไม้ลูกผสม รวมถึงจัดแสดงกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือว่านเพชรหึง และกล้วยไม้ที่มีลำต้นยาวที่สุดในโลก คือวานิลลา และเรือนพืชทนแล้ง เป็นโรงเรือนปลูกและเน้นจัดแสดงกระบองเพชรสายพันธุ์ทั่วไปชนิดต่างๆ ที่สวยงาม แบ่งเป็น 3 โซน คือ หนึ่ง-โซนพืชอวบน้ำ เช่น กุหลาบหิน ปรง, สอง-โซนกระบองเพชร เช่น สายพันธุ์ถังทอง แอสโตรไฟตัม แมมมิลลาเรีย และสาม-โซนพืชทนแล้ง

ส่วนโรงเรือนเล็ก ประกอบด้วย เรือนพืชกินแมลง เป็นโรงเรือนจัดแสดงพืชกินแมลงชนิดต่างๆ เช่น หม้อข้าวหม้อแกงลิง กาบหอยแครง ฯลฯ, เรือนไม้ใบ เป็นโรงเรือนจัดแสดงพืชไม้ใบที่น่าสนใจ ไม้ด่าง ไม้ประดับตกแต่ง ไม้ที่ให้ร่มเงา, เรือนสับปะรดสี เป็นโรงเรือนที่จัดแสดงเรือนไม้ประดับหลากสี รูปร่างสวยงามแปลกตา อย่างสับปะรดสีที่นิยมปลูกกันในประเทศ, เรือนพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน เป็นโรงเรือนจัดแสดงการใช้ประโยชน์จากพืชในชนเผ่าต่างๆ, เรือนบัว เป็นโรงเรือนรวบรวมพรรณบัวต่างๆ โดยเฉพาะของไทยและเอเชีย และบัวที่สวยงามทั้งบัวหลวงและบัวสาย และเรือนพืชสมุนไพร เป็นโรงเรือนจัดแสดงพืชสมุนไพรกว่า 200 ชนิด ที่คนทั่วไปชื่นชอบและสนใจ

เมื่อเที่ยวเพลินกับกลุ่มอาคารเรือนกระจกชุ่มปอดแล้ว ก็ถึงเวลาไปเดินชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติกันบ้าง ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 400 เมตร ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่จัดแสดงนิทรรศการถาวรและหมุนเวียน เพื่อให้ความรู้ทางด้านพืช ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม จัดแบ่งเป็นส่วนต่างๆ อาทิเช่น ส่วนเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ส่วนความหลากหลายทางชีวภาพ ส่วนย้อนรอยนักพฤกษศาสตร์ไทย ส่วนผจญภัย 10 ป่าไทย ส่วนมหัศจรรย์พรรณพืช และส่วนนวัตกรรมจากพรรณไม้ เป็นต้น ซึ่งพิพิธภัณฑ์ธรรมชาตินี้ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ผู้มาเยือนมักแวะมาชม

นอกเหนือจากจุดเด่นทั้งสามของสวนพฤกษศาสตร์นี้แล้ว ก็ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติย่อยๆ ให้เที่ยวเพลินเพิ่มความผ่อนคลายอีกหลายเส้นทาง เช่น เส้นทางสวนรุกขชาติ เป็นเส้นทางผ่านแปลงรวมพันธุ์กล้วย บอน ปาล์ม ขิงข่า หรือเส้นทางวัลยชาติ เป็นเส้นทางไม้เลื้อยกว่า 250 ชนิด ทอดยาวไปตามสันเขา ระยะทางประมาณ 800 เมตร

ด้วยประการทั้งปวงที่เล่ามา หากมีโอกาสมาเยือนเชียงใหม่ จึงไม่ควรพลาดไปเที่ยวเพลินเดินชม สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สวนสีเขียวอันกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยความหลากหลาย ที่สำคัญเป็นสวนพฤกษศาสตร์ระดับสากล ที่มีมาตรฐานไม่แพ้สวนพฤกษศาสตร์แห่งอื่นใดในโลกเลย...  

 

ข้อมูลอ้างอิง www.qsbg.org, FB : สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โทรศัพท์ : 053 841 234

0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI