3 ผ่าน! EU AI Act ชวนรู้จักกฎหมาย AI ที่ครอบคลุมฉบับแรกของโลก

15 กุมภาพันธ์ 2024
|
3112 อ่านข่าวนี้
|
13


“ปัญญาประดิษฐ์” “Artificial Intelligence” หรือ “เทคโนโลยี AI” ช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างประโยชน์เกินกว่าจะจินตนาการ ขณะเดียวกันความฉลาดนี้ก็มีความเสี่ยง ความอัจฉริยะของ AI ได้สร้างความกังวลว่าอาจนำไปสู่ความเสี่ยงหลายระดับหากไม่มีข้อบังคับหรือกฎหมายควบคุมตั้งแต่วันนี้ นานาประเทศจึงตื่นตัวเพื่อผลักดันให้เกิดการร่างกฎหมาย AI โดยหวังว่าจะนำไปสู่กฎหมาย AI ฉบับแรกของโลกและนำร่องให้กับอีกหลายประเทศ จนในที่สุดก็กลายเป็นจริงเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2023 ที่ผ่านมา จากการที่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์หลังการเจรจาอย่างเข้มข้น จนได้มาซึ่ง “EU AI Act” หรือ “พระราชบัญญัติปัญญาประดิษฐ์ของสหภาพยุโรป”

ทำให้ AI Act ฉบับนี้กลายเป็นกฎหมาย AI ฉบับแรกของโลกที่กล่าวได้ว่าครอบคลุมฉบับแรกของโลก เช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนที่พยายามผลักดันกฎหมาย AI อย่างเข้มข้นเช่นกัน


ความพยายามกว่าจะเป็นกฎหมาย AI ฉบับแรกของโลก

อาจกล่าวได้ว่าความสนใจและการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกฎหมาย AI ในสหภาพยุโรปมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ ค.ศ. 2018 โดยมีแนวคิดมาก่อนหน้านั้น แต่หนึ่งเหตุการณ์ที่โดดเด่นและทำให้กฎหมาย AI ฉบับแรกของโลกใกล้ความเป็นจริงมากที่สุดคือเมื่อวันที่ 21 เมษายน ค.ศ. 2021 คณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอร่างกฎหมาย AI ฉบับแรกของโลก ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายข้อห้ามที่จะช่วยป้องกันความความเสี่ยง เช่น ห้ามคัดลอกภาพใบหน้าจากอินเทอร์เน็ตหรือภาพวงจรปิดและนำมาสร้างฐานข้อมูลเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ห้ามใช้ AI แสวงหาประโยชน์จากความเปราะบาง เช่น อายุ ความพิการ สถานการณ์สังคม และเศรษฐกิจ ไปจนถึงห้ามใช้ระบบเครดิตทางสังคม (The Social Credit System) แบบในประเทศจีน เพื่อใช้สอดส่องพฤติกรรมพลเมืองและให้คะแนนความดี โดยมีข้อยกเว้น เช่น รัฐบาลในสหภาพยุโรปยังสามารถใช้ AI เพื่อรักษาความปลอดภัยของสาธารณะได้ ตามข้อมูลจากบทความโดยกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ

ทั้งนี้หนึ่งในปัจจัยกระตุ้นการตื่นตัวและเร่งผลักดันให้กฎหมาย AI เกิดขึ้นทันใจ ทันใช้ มาจากการเปิดตัว ChatGPT แชตบอตอัจฉริยะของ OpenAI ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Microsoft ใน ค.ศ. 2022 ซึ่งมีความสามารถตอบทุกคำถามและเขียนบทความได้เอง ปัจจุบันถูกจัดอยู่ในระบบ AI ที่มีระดับความเสี่ยงจำกัด และสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน โดยยังคงต้องไม่ละเลยข่าวเตือนภัยจาก Europol หรือกองกำลังตำรวจของสหภาพยุโรป ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมามีผู้ใช้งานไม่น้อยพยายามฟิชชิงและบิดเบือนข้อมูลจากการใช้ความสามารถของ ChatGPT


4 ระดับตามความเสี่ยงของระบบ AI ฉบับสหภาพยุโรป

ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงเสมอในโลก AI ซึ่งสหภาพยุโรปได้แบ่งความเสี่ยงเป็น 4 ระดับ ตั้งแต่ความเสี่ยงระดับต่ำไปจนถึงความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ เพื่อนำไปสู่การพิจารณาและใช้กฎหมายอย่างเหมาะสม ได้แก่

1. ระบบ AI ที่มีความเสี่ยงต่ำ (Minimal Risk) : ได้แก่ เครื่องมือหรือระบบที่สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันบนพื้นฐานการมีจรรยาบรรณในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจ คำนึงถึงผู้ใช้งานและผลกระทบต่อสังคม รวมถึงแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น เกม และตัวกรองสแปม สำหรับระบบ AI ที่ใช้ในสหภาพยุโรปปัจจุบันส่วนใหญ่จะถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่นี้

2. ระบบ AI ที่มีความเสี่ยงจำกัด (Limited Risk) : ระบบ AI ที่มีภาระหน้าที่ด้านความโปร่งใสโดยเฉพาะ อย่างกรณีเมื่อใช้ระบบ AI เช่น แชตบอต (ChatGPT ถูกจัดอยู่ในระดับนี้) และเทคโนโลยี Deepfake ผู้ใช้ควรได้รับการแจ้งเตือนหรือทำให้ตระหนักชัดเจนว่ากำลังโต้ตอบกับเครื่องจักร เพื่อให้ไม่สับสนและเกิดการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล 

3. ระบบ AI ที่มีความเสี่ยงสูง (High Risk) : ได้แก่ AI ที่ใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน (เช่น การขนส่ง) ที่อาจทำให้ชีวิตหรือสุขภาพผู้คนตกอยู่ในความเสี่ยง การฝึกอบรมการศึกษาหรือวิชาชีพที่อาจกำหนดอนาคต (เช่น คะแนนสอบ) องค์ประกอบด้านความปลอดภัยผลิตภัณฑ์ (เช่น การใช้ AI ในการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์) การจัดการการย้ายถิ่นและลี้ภัย (เช่น การตรวจสอบเอกสารเดินทาง) ไปจนถึงการบริหารความยุติธรรม

4. ระบบ AI ที่มีความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ (Unacceptable Risk) : ได้แก่ ระบบที่เป็นภัยคุกคามต่อผู้คน เช่น ของเล่นสั่งงานด้วยเสียงที่ส่งเสริมพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อเด็ก หรือระบบเครดิตทางสังคมที่กล่าวถึงข้างต้น ซึ่งรัฐบาลจะเก็บข้อมูลพฤติกรรมประชาชนเพื่อให้คะแนนทางสังคม โดยความเสี่ยงเหล่านี้่จะต้องไม่เกิดขึ้นในสหภาพยุโรป


ไม่เพียงมาตรการป้องกัน แต่ยังมีมาตรการสนับสนุนนวัตกรรมและ SMEs

เนื่องจาก AI เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด จึงสามารถประเมินได้ว่ากฎหมาย AI จะถูกปรับกฎเกณฑ์ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอยู่เสมอ อย่างไรก็ดี นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีทั้งสำหรับสหภาพยุโรปและประเทศอื่น ๆ รวมถึงประเทศไทยในการนำแนวทางที่ผ่านการพัฒนาแล้วมาปรับใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงให้ได้มากและทันสถานการณ์ที่สุด

ทั้งนี้กฎหมาย AI ไม่ได้สร้างมาตรการที่เป็นข้อห้ามเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ ไปจนถึงสนับสนุนให้นักพัฒนานวัตกรรมและธุรกิจขนาดเล็กพัฒนาโซลูชัน AI ให้ไปต่อได้ในอนาคตโดยไม่รับแรงกดดันจากยักษ์ใหญ่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน นำไปสู่การส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า Sandboxes ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยหน่วยงานระดับประเทศเพื่อพัฒนาและฝึกอบรม AI เชิงนวัตกรรมก่อนที่จะนำสินค้าวางตลาดจริง ตอบโจทย์ที่มิสลาฟ มาเลนิกา (Mislav Malenica) ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Mindsmiths สตาร์ทอัพด้าน AI ของโครเอเชียเคยกล่าวไว้ว่า “เราต้องถามตัวเองว่าอยากให้นักสร้างสรรค์นวัตกรรม AI ในยุโรปสร้างแรงบันดาลใจ หรืออยากให้พวกเขากังวลใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มี” เพื่อการแข่งขันทางด้าน AI

สำหรับการบังคับใช้ คาดว่าพระราชบัญญัติ AI ฉบับตรวจสอบสุดท้ายมีแนวโน้มจะตีพิมพ์ในวารสารทางการของสหภาพยุโรปต้นปี ค.ศ. 2024 จากนั้นจะมีผลบังคับใช้ภายในราว 2 ปีหลังจากที่ประกาศให้มีผลใช้บังคับใช้จริง ข้อกำหนดเฉพาะบางประการจะมีผลภายใน 6 เดือน ในขณะที่กฎเกี่ยวกับความร่วมมือระดับโลกด้านปัญญาประดิษฐ์ (Global Partnership on Artificial Intelligence หรือ GPAI) จะมีผลใช้ภายใน 12 เดือน


ความเคลื่อนไหวและคืบหน้าด้านกฎหมาย AI ในประเทศไทย

ประเทศไทยเองได้เรียนรู้การพัฒนาข้อบังคับและการผลักดันกฎหมาย AI จากสหภาพยุโรปและอีกหลายประเทศที่อยู่ในกระบวนการพัฒนาเช่นกัน ซึ่งผู้ดูแลรับผิดชอบหลักรอบด้านเกี่ยวกับ AI ในประเทศไทยนำโดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) ที่ได้จัดทำโครงการเพื่อการศึกษา หารือ และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการกำกับดูแลและส่งเสริมเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะพัฒนาสู่ความคืบหน้าด้านการประกาศเกี่ยวกับ AI และกฎหมาย AI เช่น (ร่าง) พระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์แห่งประเทศไทย, (ร่าง) ประกาศเรื่องศูนย์ทดสอบนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI Sandbox) และ (ร่าง) ประกาศเรื่องการประเมินความเสี่ยงจากการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ โดยทั้งหมดยังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ ตามข้อมูลจากบทความความรู้ด้านกฎหมาย Thairath Money เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2567

สำหรับภาพรวมการพัฒนา AI ภายในประเทศ ย้อนกลับไปพบว่ามีความคืบหน้าโดดเด่นใน พ.ศ. 2565 ที่รัฐบาลไทยจัดการประชุมแผนปฏิบัติการด้าน AI แห่งชาติฯ ครั้งแรก พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (National AI Committee) และ “แผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อการพัฒนาประเทศไทย ปี พ.ศ. 2565-2570” ที่ผ่านการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน และผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันต่าง ๆ (ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565) ภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ 15 แผนงาน ในกว่า 10 อุตสาหกรรม รวมถึงในเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 ที่มีความคืบหน้าเตรียมผลักดันเศรษฐกิจ AI ทั้งองคาพยพ ส่งเสริมระบบนิเวศธุรกิจภายในประเทศ ที่รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการใช้งาน AI อย่างมีจริยธรรม


#AIAct #AILaw #AI #Risk #กฎหมายAI  #CyberAttack #Innovation #Technology #ปัญญาประดิษฐ์ #เอไอ #ความเสี่ยง #นวัตกรรม #เทคโนโลยี


ข้อมูลอ้างอิง : thestandard.co, www.mreport.co.th, europetouch.mfa.go.th, www.truedigital.com, www.marketingoops.com, www.posttoday.com, www.europarl.europa.eu, www.digitalsme.eu, www.europarl.europa.eu, www.thairath.co.th, www.nectec.or.th และ www.nstda.or.th


0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI