เทรนด์อาหารผสานการลงทุนในเทคโนโลยีเอไอ
จากผลการวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีอาหาร (IFT) พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทอุตสาหกรรมอาหารกำลังวางแผนลงทุนในเอไอและระบบติดตามห่วงโซ่อุปทานใน ค.ศ. 2025 แสดงให้เห็นถึงบทบาทของเอไอที่เพิ่มมากขึ้นในวันข้างหน้า ตามข้อมูลจาก Food Industry Executive
เช่นเดียวกันกับบทความ Top 10 Food and Beverage Trends 2025 โดย Innova Market Insights ที่ได้เน้นย้ำความสำคัญของเอไอในเวลานี้ ด้วยการนำเสนอว่าเทคโนโลยีเอไอคือ 1 ใน 10 เทรนด์โลกของอุตสาหกรรมอาหารในลำดับที่ 10 ‘Trend #10 – AI – Bytes to Bites’ ที่แบรนด์ต่างๆ ได้เริ่มปลดล็อกพลังของเอไออย่างเต็มรูปแบบ เปลี่ยนจากความสามารถที่ไม่มีที่สิ้นสุดไปสู่การใช้งานที่เป็นรูปธรรม เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภค สร้างความนิยมที่มากขึ้นทุกขณะให้กับแบรนด์ ในฐานะเครื่องมือช่วยเร่งการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ การพัฒนาสูตร การสร้างรสชาติ การผลิตแบบอัตโนมัติ การปกป้องความปลอดภัยของอาหาร และการสนับสนุนความยั่งยืน
บทความ 2025 Food Industry Tech Trends: AI and Supply Chain Solutions Lead Investment Priorities จาก Food Industry Executive ยังได้กล่าวถึงเทคโนโลยีเอไอที่ภาคธุรกิจมีแนวโน้มเลือกลงทุนมากขึ้น หลายตัวอย่างด้วยกัน
กฎระเบียบด้านความปลอดภัยของอาหาร ผลักดันการลงทุนด้านเอไอให้เพิ่มมากขึ้น
กฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางอาหารใหม่ๆ เช่น กฎการตรวจสอบย้อนกลับอาหารขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ควบคู่ไปกับการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงเพื่อความปลอดภัยทางอาหารล่าสุด เป็นแรงกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ นำเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงนวัตกรรมมาใช้ใน ค.ศ. 2025 มากขึ้นตามลำดับ ในบรรดาเทคโนโลยีเหล่านี้ ผู้ตอบแบบสอบถามมีแนวโน้มลงทุนในการตรวจจับเชื้อโรคขั้นสูง 26% รองลงมาคือการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ 19% การประมวลผลด้วยความร้อนและไม่ใช้ความร้อน 18% และการตรวจจับวัสดุแปลกปลอม 17%
สามารถเชื่อมโยงกับบทความ Discover 10 Emerging Food Industry Trends in 2025 โดย StarUs Insights ที่ได้เสนอประเด็นเอไอกับความปลอดภัยและที่มาของอาหารเช่นเดียวกัน โดยมีหนึ่งตัวอย่างน่าสนใจคือ ThisFish สตาร์ทอัพจากแคนาดาที่พัฒนา Tally โซลูชันซอฟต์แวร์ตรวจสอบย้อนกลับของอาหารทะเล ที่ได้รวบรวมข้อมูลดิจิทัลแบบเรียลไทม์ในพื้นที่การผลิตอาหารโดยใช้เครื่องชั่งอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด และเครื่องสแกน เพื่อให้ผู้บริโภคไว้วางใจ
ธุรกิจต่างๆ แสวงหาแนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน โดยมีตัวช่วยเป็นโซลูชันและเทคโนโลยีเอไอ
จากการสำรวจ โดย IFT ทั้งปัจจัยการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน 52% และปัจจัยการบรรลุประสิทธิภาพด้านต้นทุน 43% กำลังเพิ่มการนำเทคโนโลยีความยั่งยืนที่รวมถึงเอไอมาใช้ดังนี้ : บริษัทราวครึ่งหนึ่งวางแผนนำโซลูชันการอนุรักษ์พลังงาน 51% และน้ำ 49% มาใช้ ขณะเดียวกันนั้น 1 ใน 3 กำลังมองหาเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 36% และการอัปไซเคิล/รีไซเคิล 30% นอกจากนี้ประเด็นความยั่งยืนยังผลักดันการลงทุนด้านบรรจุภัณฑ์ โดยผู้ตอบแบบสอบถามบางรายมองหาความก้าวหน้าด้านวัสดุบรรจุภัณฑ์ สารเคลือบ และฟิล์ม 29% และพลาสติกชีวภาพ 23%
สอดคล้องกับบทความ AI in Food Industry: Transforming Food with AI and Robotics โดย Appinventive ที่กล่าวว่าอัลกอริทึมของเอไอ (AI Algorithm) จะช่วยงานด้านความยั่งยืนได้ เช่น การวิเคราะห์การบริโภคและวัตถุดิบเพื่อลดของเสีย นำไปสู่การจัดการขยะแบบไม่เหลือทิ้ง
ธุรกิจอาหารเลือกที่จะปรับปรุงผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพคู่เทคโนโลยีเอไอ
ปัจจุบันเทคโนโลยีชีวภาพกำลังถูกนำมาใช้ช่วยพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ โปรตีนทางเลือก และวิธีการยืดอายุการเก็บรักษา โดยจากการสำรวจ มีธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และส่วนผสม 2 ใน 10 แห่ง วางแผนลงทุนในกระบวนการหมักที่แม่นยำ (Precision Fermentation) 22% และเทคโนโลยีชีวเคมี (Biochemical Technologies) 21% ทั้งยังมีตัวเลขสนับสนุนว่ายังมีปัจจัยการปรับปรุงฟังก์ชันการทำงานของผลิตภัณฑ์ 48% การปรับปรุงรสชาติ เนื้อสัมผัส และโภชนาการ 45% และการบรรลุประสิทธิภาพของกระบวนการ 42% เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การลงทุนด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพิ่มขึ้น ไปพร้อมกับเทคโนโลยีเอไอที่จะมาช่วยทำงาน เช่น การระบุผลไม้เน่าเสียหรือตรวจจับข้อบกพร่องวัตถุดิบ การวิเคราะห์ Big Data จากข้อมูลสุขภาพของผู้บริโภคเพื่อคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคอาหาร การจัดการขยะอาหาร และประโยชน์อีกหลายประการจากเอไอ
ผลวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีอาหาร IFT-Institute of Food Technologists จากสมาชิกเกือบ 200 ราย ได้แก่ ผู้ผลิตอาหาร เครื่องดื่ม ที่ปรึกษาด้านอุตสาหกรรม และนักพัฒนาเทคโนโลยี เมื่อสอบถามแรงจูงใจในการลงทุนด้านเอไอ ส่วนใหญ่กล่าวว่า เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต 51% การตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูล 47% การประหยัดต้นทุน 45% ปัจจัยการปรับปรุงกระบวนการผลิต 34% ความปลอดภัยของอาหาร 28% และการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน 26% ทำให้ ค.ศ. 2025 และนับจากนี้ เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอาหารที่น่าจับตามอง
อ้างอิง :
- appinventiv.com
- foodindustryexecutive.com
- innovamarketinsights.com
- startus-insights.com
- www.okmd.or.th/TheKnowledgevol.36

