กว่าจะเป็นหนังสือหนึ่งเล่ม ต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง?

13 มีนาคม 2024
|
316 อ่านข่าวนี้
|
9


หนึ่งในความท้าทายของธุรกิจหนังสือไทยก็คือ ราคาหนังสือที่พุ่งสูงขึ้นจากสมัยก่อนเล่มละประมาณ 100-200 บาท เป็น 200-400 บาทในปัจจุบัน สวนทางกับสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงการอ่านได้อย่างทั่วถึง ก่อให้เกิดคำถามในหมู่นักอ่านและคนนอกวงการว่า การตั้งราคาของหนังสือมาจากต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายใดบ้างหรือ?


ดังนั้น เพื่อตอบคำถามข้างต้น เราจะมาสำรวจกันว่า ในกระบวนการผลิตหนังสือจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ สำนักพิมพ์ต้องควักกระเป๋าใช้จ่ายสำหรับการใดบ้าง


  1. ค่าลิขสิทธิ์หนังสือของนักเขียนและนักแปล

    โดยตามมาตรฐานสากล กรณีของงานเขียน สมัยนี้ค่าลิขสิทธิ์นักเขียนจะอยู่ที่ประมาณ 10-15% ของราคาหน้าปกหนังสือคูณด้วยจำนวนพิมพ์ หรือแล้วแต่การตกลงกันระหว่างสำนักพิมพ์กับนักเขียน ถ้านักเขียนมีชื่อเสียงมาก งานเขียนน่าสนใจ ก็อาจจ่ายค่าลิขสิทธิ์สูงขึ้น ส่วนในกรณีของงานแปล ค่าลิขสิทธิ์นักแปลจะอยู่ที่ประมาณ 6-7% ของราคาหน้าปกหนังสือคูณด้วยจำนวนพิมพ์ เพราะสำนักพิมพ์ต้องจ่ายค่าล่วงหน้าสำหรับซื้อหนังสือเล่มนั้นมาแปลก่อน อาจอยู่ที่หลักหมื่น แสน หรือล้านบาทก็ได้ ขึ้นอยู่กับความโด่งดังของหนังสือเล่มนั้น ชื่อเสียงของนักเขียนคนนั้น ที่ส่งผลให้มีการประมูลหรือบิดราคาสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนั้น หากหนังสือแปลเล่มนั้นทำยอดขายได้สูงกว่าจำนวนพิมพ์ที่ทำสัญญาตกลงกันไว้ ก็ยังต้องจ่ายเพิ่มอีกเรียกว่าค่ารอยัลตี้ ประมาณ 6% ของราคาหน้าปกหนังสือคูณด้วยยอดขายที่ขายได้

  1. ค่าดำเนินการของสำนักพิมพ์

    จะรวมตั้งแต่ค่าบรรณาธิการ ค่าออกแบบปก-ออกแบบรูปเล่ม ค่าภาพประกอบ ค่าพิสูจน์อักษร ค่าการตลาดหรือประชาสัมพันธ์ และค่าใช้จ่ายส่วนกลางต่างๆ จะอยู่ที่ประมาณ 20-25% ของราคาหน้าปกหนังสือ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็อาจแตกต่างไปบ้างสำหรับผู้ผลิตหนังสือที่ไม่มีออฟฟิศของสำนักพิมพ์ และว่าจ้างคนภายนอกมาทำงานในกระบวนการนี้ทั้งหมด   

  1. ค่าโรงพิมพ์

    เช่น ค่าเพลท ค่ากระดาษ ค่าพิมพ์ ค่าเข้าปก ฯลฯ จะอยู่ที่ประมาณ 25-30% 

  2. ค่าสายส่งและจัดจำหน่าย

    ปัจจุบันจะอยู่ที่ 45% ซึ่งถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากและสูงสุดในกระบวนการผลิตหนังสือหนึ่งเล่ม

ทั้งนี้ จากโครงสร้างต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายดังกล่าว ล้วนมีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าสมัยก่อนทั้งสิ้น สำนักพิมพ์จึงจำเป็นต้องตั้งราคาหนังสือสูงขึ้นตามต้นทุนจริงที่เกิดขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าลิขสิทธิ์นักเขียนหรือนักแปล ค่าวิชาชีพในการดำเนินงานแต่ละส่วน ค่ากระดาษและค่าพิมพ์ ตลอดจนรายได้ขั้นต่ำหรือค่าครองชีพ และที่สำคัญคือ ค่าสายส่งและจัดจำหน่ายที่ทะยานขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมในระบบธุรกิจ ซึ่งถ้าไม่ตั้งราคาให้สูงขึ้น สำนักพิมพ์กลไกสำคัญของการผลิตหนังสือก็จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้ เพราะเมื่อนำสัดส่วนของค่าใช้จ่ายมารวมกันแล้ว แทบจะไม่เหลือกำไรกลับมาหากทำยอดขายได้ไม่ถึงจุดคุ้มทุน ทุกวันนี้ สำนักพิมพ์จึงต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดอย่างมาก 

เช่นนั้นแล้ว ราคาหนังสือที่พุ่งสูงขึ้นสวนกับสภาวะเศรษฐกิจและรายได้ส่วนใหญ่ของประชาชน จะตั้งราคาให้ลดลงกว่านี้ได้หรือไม่ สำหรับต้นทุนข้อ 1-3 ทางสำนักพิมพ์มองว่าปรับตัวสูงขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจและกาลเวลา แต่หากรัฐบาลมีการสนับสนุนการลงทุนการผลิตกระดาษภายในประเทศให้มีคุณภาพและความหลากหลาย ก็จะช่วยลดภาระของสำนักพิมพ์จากค่ากระดาษนำเข้าได้บ้าง แต่จากโครงสร้างต้นทุนของการผลิตหนังสือทั้งหมด เห็นชัดมากว่าสาเหตุหลักมาจากค่าสายส่งและจัดจำหน่ายหนังสือที่สูงถึง 45% ซึ่งในต่างประเทศค่าใช้จ่ายส่วนนี้รวมกันแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 30% เท่านั้น ความบิดเบี้ยวและไม่สมเหตุสมผลของค่าสายส่งและจัดจำหน่ายหนังสือในเมืองไทย จึงเป็นสิ่งที่สำนักพิมพ์ต่างพากันตั้งคำถาม เพราะตราบใดที่ผู้ประกอบการด้านสายส่งและจัดจำหน่ายหนังสือยังผูกขาดอยู่กับรายใหญ่ไม่กี่เจ้า และยังดำเนินธุรกิจทับซ้อนกันทั้งเป็นสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ สายส่ง จัดจำหน่าย และร้านหนังสือด้วย โอกาสที่ราคาหนังสือจะลดต่ำลงกว่านี้ ย่อมเป็นไปได้ยาก 

การแก้ปัญหาจึงอยู่ที่ภาครัฐจะเข้ามาช่วยเหลือได้อย่างไร เพื่อควบคุมราคาให้มีความยุติธรรม ซึ่งแม้ตามพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2542 ในมาตรา 27 จะระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ประกอบการธุรกิจใดร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจอื่นกระทำการใดๆ อันเป็นการผูกขาดหรือลดการแข่งขัน หรือจำกัดการแข่งขันในตลาดสินค้าใดสินค้าหนึ่ง หรือบริการใดบริการหนึ่ง แต่ก็ไม่มีหน่วยงานไหนของภาครัฐออกมาแสดงบทบาทใดๆ เช่น ออกกฎหมายควบคุมค่าสายส่งและจัดจำหน่าย หรือกำหนดมาตรฐานค่าสายส่งและจัดจำหน่าย เป็นต้น สำนักพิมพ์ซึ่งยังต้องพึ่งการกระจายหนังสือจากสายส่งและจัดจำหน่ายจึงต้องตั้งราคาหนังสือสูงขึ้น อันเป็นเสมือนการผลักภาระส่วนหนึ่งให้กับคนอ่าน และเท่ากับยิ่งผลักคนอ่านออกไปจากการเข้าถึงหนังสือมากขึ้นอีก รวมถึงส่งผลให้ระบบนิเวศหนังสือของประเทศขาดความหลากหลาย และสำนักพิมพ์รายเล็กอาจต้องล้มหายตายจาก

เหตุนี้เอง หากรัฐบาลมีความจริงใจต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมหนังสือและต้องการสนับสนุนทุกองคาพยพของการผลิตหนังสือ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการอ่านที่แข็งแรง ตามนโยบายส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ด้านหนังสือ ก็จำเป็นต้องหันมาสำรวจตรวจสอบแนวทางแก้ไข พร้อมหาทางช่วยเหลือสำนักพิมพ์และผู้เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยขับเคลื่อนหนังสือให้มาถึงมือประชาชนคนอ่าน ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ไม่ลำบากนัก

เพราะอย่าลืมว่า หนังสือคือประตูเปิดสู่โลกแห่งความรู้ อันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศชาติ


#ราคาหนังสือ #ต้นทุนหนังสือ #สำนักพิมพ์ #บรรณาธิการ #นักเขียนนักแปล #นักออกแบบปกและรูปเล่ม #นักวาดภาพประกอบ #นักพิสูจน์อักษร #โรงพิมพ์ #สายส่งและจัดจำหน่าย #กระตุกต่อมคิด #okmd #knowledgeportal


ข้อมูลอ้างอิง : บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ Biblio, www.facebook.com/share/AE5aRNiUpmhsYQtn/?mibextid=WC7FNe, https://thaipublica.org/2012/08/se-ed-and-amarin-charge-fees/, https://waymagazine.org/publishing-industry/

0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI