Notifications

You are here

บทความ

เด็กไทยสนใจการออมและการลงทุน "ทะลุเป้า" หลังเดินสา...

13 กันยายน 2024 509 อ่านข่าวนี้ 4 สัปดาห์ก่อน 6


เกือบ 2 เดือนเต็ม ที่กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ร่วมกับ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ OKMD ดำเนินโครงการคาราวานความรู้ตลาดทุนรุกสู่ภูมิภาคและบ่มเพาะต้นแบบคนรุ่นใหม่ เข้าสู่ตลาดทุน หรือ Fin Lab ในพื้นที่ 8 จังหวัด 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เริ่มคิกอ๊อฟที่แรก จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม  ต่อด้วย ลำปาง แม่ฮ่องสอน จันทบุรี ยะลา ภูเก็ต ขอนแก่น และ นครราชสีมา ที่ปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีเยาวชนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมทะลุหมื่นคน 

โครงการคาราวานความรู้สู่ตลาดทุนรุกสู่ภูมิภาค เป็นโครงการที่มีเป้าหมาย มุ่งสร้างคนรุ่นใหม่ให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีสมรรถนะและทักษะด้านการเงินการลงทุน โดยเน้นกลุ่มวัย 13–18 ปี เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ เพิ่มองค์ความรู้ด้านทักษะทางการเงิน การออม การลงทุนที่ถูกต้องเหมาะสม โดยเน้นการกระจายแหล่งเรียนรู้ด้านการลงทุนไปสู่ภูมิภาค เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงองค์ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจในการเป็นนักลงทุนในอนาคต รู้จักสร้างรายได้ เก็บออม บริหารจัดการเงินออม และรู้จักผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เพื่อเตรียมความพร้อมต่อยอดไปสู่การลงทุนในอนาคต รวมถึงปลูกฝังแนวคิดการลงทุนอย่างยั่งยืน (ESG) ที่ให้ความสำคัญกับ Sustainability Business

รอยยิ้ม เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน กับกิจกรรมที่ผู้จัดได้คัดสรรมาให้เยาวชนได้เรียนรู้ เสียงเรียกร้องให้จัดโครงการในลักษณะนี้อีก เป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งว่า กิจกรรมการให้ความรู้เรื่องการออมและการลงทุน ไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว และน่าเบื่อ อีกต่อไป ทุกคนสามารถเรียนรู้ วางแผนชีวิต ต่อยอดความฝัน เพื่อไปสู่เป้าหมายได้ ทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน การท่องเที่ยว การเป็นเจ้าของกิจการ หรือแม้แต่การรู้เท่าทันมิจฉาชีพ ที่แฝงตัวเข้ามาในรูปแบบของแกงค์คอลเซ็นเตอร์ ที่กำลังเป็นปัญหาของประเทศอยู่ในขณะนี้ 

ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ OKMD ซึ่งเป็นผู้ที่จุดประกายให้เกิดกิจกรรมดี ๆ ในครั้งนี้ กล่าวว่า กิจกรรมตลาดนัดความรู้ ช่วยเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพด้านการเงินการลงทุนผ่านตลาดทุนให้กับเด็กและเยาวชน หรือที่เราเรียกว่า Fin Lab New Gen  โดย Fin คือ Finance หรือการเงิน Lab คือการทดลอง และ New Gen คือ เยาวชนคนรุ่นใหม่ เป็นโครงการที่ให้ความรู้กระจายสู่ภูมิภาค โดยเน้นเรื่องการวางแผนทางการเงิน เราพยามที่จะสร้างแรงบันดาลใจ และส่งต่อความรู้ให้กับเยาวชนในภูมิภาคต่างๆ  โดยเราเลือก 8 จังหวัดซึ่งมีความต่างของพื้นที่ เพื่อให้เยาวชนได้เข้าถึงการเรียนรู้ทางด้านการออมและการลงทุนอย่างเท่าเทียม ผ่านกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้แบบ Active Learning จากองค์ความรู้พื้นฐานด้านทักษะทางการเงิน การออม การลงทุน ต่อยอดสู่ทักษะการเงินการลงทุนในอนาคต 

“การวางแผนทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญ เยาวชนต้องมีความรู้ความเข้าใจและสร้างแรงบันดาลใจด้วยตนเอง เพื่อให้เขามีรายได้พอที่จะดูแลครอบครัว เหลือจากนั้นก็ออม และเลือกลงทุนได้ และยังมีความรู้เท่าทันอาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่เราคุ้นเคยกันคือแก๊งค์ Call Center มาเอาเงินเราผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าการจัดงานตลอดทั้งโครงการ มีเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมถึง 10,091  คน เกินกว่าที่เราตั้งเป้าไว้ครั้งแรกคือ 3,500 คน ถือเป็นการจุดประกายการเรียนด้านการออมและการลงทุนของเยาวชนได้อย่างดีเยี่ยม” ดร.ทวารัฐ กล่าว 

ด้านคุณจักรชัย บุญยะวัตร ผู้จัดการกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน กล่าวว่า โครงการนี้ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบนิเวศของตลาดทุนไทย ให้มีประสิทธิภาพ และเอื้อต่อการพัฒนา แข่งขัน และเติบโตของตลาดทุนไทยได้อย่างยั่งยืนผ่านการ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุน การลงทุน และการพัฒนาตลาดทุนให้แก่เด็กและเยาวชนไทยทั่วประเทศ เนื่องจากขณะนี้สังคมไทยกำลังเผชิญกับความท้าทาย และการเปลี่ยนแปลง ทั้งภาคเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะภาคการเงิน อาทิ หนี้สินภาคครัวเรือนสูงเทียบเท่าประเทศกำลังพัฒนา ความท้าทายดังกล่าวอาจส่งผลให้เด็กและเยาวชนไทยที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในอนาคต มีแนวโน้มที่จะขาดความรู้พื้นฐานทางการเงิน การบริหารเงินในโลกยุคใหม่ การใช้จ่ายและการลงทุนที่ขาดความรู้ความเข้าใจที่ดีพอ การสร้างภาระหนี้สินโดยไม่จำเป็น อีกทั้งขาดการวางแผนการออมระยะยาวที่ไม่ก่อให้เกิดการลงทุนต่อยอดจากทรัพย์สิน 

ดังนั้น การพัฒนาทักษะทางการเงินและการวางแผนการเงินจึงเป็นแนวทางสำคัญเพื่อบ่มเพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นการพัฒนาทักษะทางการเงินรูปแบบใหม่จึงเป็นแนวทางสำคัญ โดยโครงการคาราวานความรู้ตลาดทุนรุกสู่ภูมิภาคและบ่มเพาะต้นแบบคนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการจุดประกายการวางรากฐานสำคัญด้านการวางแผนการเงินและการลงทุนให้กับคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ช่วงวัยเด็กจนถึงเยาวชนไทยในระดับมัธยมศึกษาที่มีอายุ 13-18 ปี รวมทั้งยังเป็นการเชื่อมโยงและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ด้านการเงินการลงทุนในภูมิภาค เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงความรู้ด้านการเงินการลงทุนผ่านตลาดทุน ให้กับเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ ประชาชนทั่วไป และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงองค์ความรู้ด้านการเงินการลงทุน และเป็นการส่งเสริมอุปนิสัยให้รู้จักการวางแผนการเงินการลงทุน

สอดคล้องกับ คุณเดือนเพ็ญ จันทร์ศิริศรี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความรู้การเงินขั้นพื้นฐานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มองว่า โครงการดังกล่าว เป็นเวทีสำคัญที่จะช่วยให้เยาวชนมีความรู้ความเข้าใจและมีทัศนคติที่ดีต่อการลงทุน ตลาดหลักทรัพย์เชื่อมั่นว่า เยาวชนที่มีความเข้าใจเรื่องการเงินการลงทุนอย่างถูกต้อง จะใช้เงินเป็น หาเงินเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ ที่สำคัญจะสามารถแก้ปัญหาการเงินทั้งของตนเอง และคนรอบข้างได้ด้วย ดังนั้นเยาวชนที่เข้าใจเรื่องการเงิน การลงทุนย่อมจะมีส่วนร่วมในการสร้างเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ นอกจากนี้ในปัจจุบัน โลกของกาเงินการลงทุนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีความรู้เรื่องการเงินการลงทุนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยวางแผนและตัดสินใจ พร้อมให้หลักคิดในการเสริมทักษะทางการเงินและการลงทุนให้เท่าทันใน 4 รู้คือ รู้หา รู้เก็บ รู้ใช้ และรู้ขยายดอกผล จะกลายเป็นนักออม และนักลงทุนที่มีคุณภาพในอนาคต

ขณะที่ คุณเศรษฐพล ธรรมจินดา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความรู้ด้านการเงินการลงทุนให้กับคนทุกช่วงวัยตลอดมา และโดยเฉพาะวัยเด็ก ถือเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญ ในการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดทุนในอนาคต ซึ่งทางตลาดหลักทรัพย์ฯ เองเชื่อมันว่า การที่เด็กๆสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ด้านการเงินการลงทุนและมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยให้เขาสามารถต่อยอดความรู้กับการเรียน อาชีพและการสร้างรายได้ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเกิดการวางแผนการเงินและการลงทุนที่เหมาะสมกับช่วงวัย อันนำไปสู่การลดปัญหาทางการเงินส่วนบุคคล ซึ่งส่งผลต่อสเถียรภาพของระบบเศรษฐกิจในภาพรวมได้

กิจกรรมหลากหลายกระตุกต่อมคิดเยาวชน 

สำหรับกิจกรรมหลักของกิจกรรม ได้แก่ การจัดนิทรรศการในรูปแบบเกม Fantasy Battle ที่พาไปเรียนรู้เรื่อง 3 พลังมหัศจรรย์ คือ 1) เงินต้น 2) อัตราผลตอบแทน 3) ระยะเวลา ผ่านลานประลองศึกที่อัศวินแต่ละกลุ่มสามารถเลือกแต่งคอสเพลย์ โดยใช้เครื่องแต่งกายเป็นตัวแทนของ 3 พลังมหัศจรรย์ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าของเงินออม เช่น เครื่องหัว คือ อัตราผลตอบแทน โล่ คือ เงินต้น พาหนะ คือ ระยะเวลา และอาวุธ คือ ปัจจัยภายนอก มาประลองศึกจนได้ผู้ชนะจากการคำนวณจำนวนเงินสุทธิคงเหลือหลังจากการประลองเสร็จสิ้น โดยวิธีนี้ผู้เล่นจะค่อยๆ เรียนรู้หลักการของ 3 พลังมหัศจรรย์ จากการเล่นเกมโดยไม่รู้ตัว

นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรม Interactive Workshop ในรูปแบบคาราวานตลาดทุน มีการจัดเวิร์กช็อปที่เน้นการอบรมเชิงปฏิบัติการจำลองโลกของตลาดทุน ผ่าน Mobile Gaming เน้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียน ผ่าน เกม Invest King จำลองโลกการเงินและการลงทุนเสมือนจริงไว้บนมือถือ ครอบคลุมเนื้อหาใน 8 ประเด็น ได้แก่ 1.การวางแผนทางการเงินตามวัฏจักรชีวิต (Life Cycle) 2.การกำหนดเป้าหมายและวางแผนการเงิน 3.รายได้ รายจ่าย และเงินออม 4.อัตราส่วนความอยู่รอดและอัตราส่วนความมั่งคั่ง 5. 3 พลังมหัศจรรย์ (เงินต้น อัตราผลตอบแทน ระยะเวลา) 6.การลงทุน อัตราผลตอบแทน และความเสี่ยง 7.การบริหารหนี้ และพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดหนี้ และ 8.ภัยจากการลงทุนและวิธีรับมือ

กิจกรรม Knowledge Network Partners ได้ ยกคาราวานภาคีเครือข่ายออกบูทให้ความรู้ด้านการเงินการลงทุนผ่านกิจกรรมที่น่าสนใจ เริ่มจาก

1.ธนาคารออมสิน ได้เข้าร่วมจัดบรรยายให้ความรู้ด้านการออมและการวางแผนทางการเงิน พร้อมทั้ง ออกบูธให้บริการเปิดบัญชีเงินฝาก แนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคาร  และประชาสัมพันธ์ แอปพลิเคชัน "โค้ชออม" ตอบโจทย์ทุกวัตถุประสงค์การออม ที่จะช่วยจำลองวางแผนการออมอย่างมีเป้าหมาย ทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ทั้งการประเมินความรู้และระดับความเสี่ยง เพื่อเลือกแผนการออมที่เหมาะสมกับตนเอง ตัวช่วยวางแผนการออมสู่เป้าหมาย แหล่งความรู้ด้านเทคนิคการออม และการลงทุน

2. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ก็สอนการเริ่มต้นวางแผนออมเงินให้ลูกหลานได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี ขึ้นไป เริ่มออมได้ตั้งแต่ 50 บาท ไม่จำเป็นต้องออมเท่ากันทุกเดือน และยังได้สิทธิประโยชน์จากรัฐเข้ามาจ่ายเงินสมทบ การันตีผลตอบแทนจากการลงทุน และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ ถือว่าเป็นการออมเงินที่คุ้มค่ามาก ๆ อีกช่องทางหนึ่ง ที่สำคัญยิ่งออมเงินเร็วยิ่งได้เปรียบ เพราะดอกผลและเงินต้นที่สะสมมาจะงอกเงยมากขึ้นเรื่อย ๆ เราสอนให้ลูกหลานเริ่มออมตั้งแต่ตอนเรียน ดีกว่าให้เขามานึกเสียดายตอนโตว่าทำไมไม่เริ่มให้เร็วกว่านี้

3. ธนาคารกรุงไทย มีการจัดกิจกรรมเสวนากล่าวถึงเรื่องการใช้เงินและบริหารเงิน ผลตอบแทนจากการลงทุน เพื่อให้มีเงินออมไว้ใช้ในยามเกษียณ

4. สมาคมยุวชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนเพื่อไทย (YSDA) เสริมทักษะ ปลูกฝังความรู้  และสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดีให้แก่เยาวชน ผ่านความสนุกผสานสาระด้านการวางแผนทางการเงินด้วยบอร์ดเกม “Wishlist” ที่ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับบทบาทเป็นเด็กวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตในช่วงปิดเทอม พร้อมกับรายการความฝัน Wishlist ที่แตกต่างกันออกไป ผู้เล่นจะต้องพยายามบริหารเงินจากทางบ้าน รวมถึงหารายได้เพิ่ม เพื่อเก็บสะสมสินค้าตามรายการความฝัน Wishlist ให้ได้มากที่สุด โดยเมื่อช่วงปิดเทอมจบลงผู้เล่นที่บริหารเงินเก่งจนทำแต้มจากรายการความฝัน Wishlist มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้

5. ธนาคารแห่งประเทศไทย เสริมทักษะทางการเงินด้วยบอร์ดเกม "รู้ก่อน ทำก่อน รวยกว่า" โดยสอดแทรกทักษะด้านการเงินหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการวางแผนทางการเงิน การออมและการลงทุน สภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน ความเสี่ยงในการลงทุน เป็นต้น

เสียงสะท้อนเยาวชนหลังเข้ารับการอบรม

กรวิชญ์ ระกาสี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้แบ่งปันประสบการณ์ โดยยอมรับว่า ก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมกิจกรรม ก็รู้เรื่องการออมบ้างแต่เรื่องลงทุนไม่เคยรู้ และคิดว่าเป็นความเสี่ยง แต่เมื่อครอบครัวประสบปัญหาทางการเงิน เลยรู้จักเก็บออมเพราะคิดว่าเราจะสามารถมีเงินช่วยแบ่งเบาได้ ส่วนตัวแบ่งเงินที่ได้รับ ออกเป็นสองส่วนคือใช้จ่าย และเก็บออม 40% และเมื่อครูบอกว่ามีกิจกรรมเรื่องการลงทุน จึงสนใจเข้าร่วม และได้เรียนรู้ผ่านเกม การวางแผนชีวิตว่า เมื่อเราอยู่ มัธยมต้น เราควรทำงยังไง มัธยมปลายทำยังไง มหาวิทยาลัยทำยังไง รวมไปถึงเมื่อเข้าสู่วัยทำงานเราต้องวางแผนชีวิตแบบไหน เรียน ทำงานเที่ยว จึงอยากให้มีกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ และขอเชิญชวนเพื่อนๆ ให้เข้าร่วมเพราะได้ความรู้มาก และทำให้เรามีมุมมองใหม่ว่า การออมการลงทุนเป็นเรื่องใกล้ตัวและมันไม่ยากอย่างที่คิด ที่สำคัญเราจะรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงด้วย เพราะจากประสบการณ์ตรงจากเพื่อนๆ และคนใกล้ชิด ก็มักจะถูกหลอกให้ลงทุนโดยอ้างว่าลงทุนน้อยได้ผลตอบแทนสูง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่จริง

ขณะที่ ฮุษณา เจ๊ะอามะ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิทยาการจัดการ สาขาการค้าชายแดนและโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา จ.ยะลา เล่าถึงประสบการณ์ทางการเงินของตัวเอง โดยส่วนตัวไม่เคยออมเงินเอง ไม่เคยวางแผนหรือจัดตารางการใช้เงิน มีเท่าไหร่ใช้หมด แต่หลังจากที่ได้รับการอบรม ทำให้ได้เรียนรู้การวางแผนค่าใช้จ่าย ได้รู้ว่าเราจะออมเงินอย่างไรไม่ให้ติดลบ จะใช้จ่ายกับอะไรบ้างเพื่อต่อยอดและเพิ่มมูลค่าให้กับเงิน เพื่อทำแผนการออมไว้ในอนาคตหลังเรียนจบ ทำให้ชีวิตเรามีเป้าหมายมากขึ้น

ที่สำคัญฮุษณา มองว่า การอบรมที่นำโทรศัพท์มือถือ หรือไอแพด มาใช้เป็นเครื่องมือ ก็มีส่วนในการดึงดูดเยาวชนให้เข้าร่วมกิจกรรมมาก ทำให้เราได้เข้าถึงการเรียนรู้ว่าการลงทุนประเภทไหนที่มีความเสี่ยง และการลงทุนประเภทไหนที่ปลอดภัย โดยยกตัวอย่างครอบครัวของเธอก็เคยตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสูญเงินจากการดูดเงินในบัญชีไปถึง 50,000 บาท ซึ่งเกิดจากขาดความรู้ความเข้าใจและรู้เท่าทันกลโกง หลังจากนี้เธอก็จะไปถ่ายทอดความรู้ให้กับครอบครัว ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง และการได้เงินมาง่ายจำนวนมากๆ ไม่มีสู้เราเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า 

ศุภวิชญ์ พลฤทธิ์ นักเรียนชั้น ม. 5 โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน จ.ขอนแก่น ก็ได้ให้มุมมองในด้านการเงินไว้อย่างน่าสนใจว่า เด็กทุกคนควรต้องมีความรู้ทางด้านการเงิน เพราะเราต้องใช้เงินกันตั้งแต่เกิด หากได้เรียนรู้เรื่องการออมเงิน ก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีเงินมากมายในการใช้ชีวิต ส่วนตัวโชคดีที่พ่อให้ความรู้ด้านธุรกิจตั้งแต่เด็ก จึงรับรู้ได้เร็ว จึงอยากแนะนำเพื่อน ๆ ว่าเรื่องการออมและการลงทุนไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากเราเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก ๆ เราจะสามารถวางแผนทางการเงิน เพื่อการออมและการลงทุนอย่างถูกวิธี เราก็จะมีเงินใช้อย่างสบายในอนาคต โดยส่วนตัวทุกวันนี้ในแต่ละเดือนจะลิสต์ไว้เลยว่า รายรับ รายจ่ายเท่าไร และนำเงินบางส่วนไปลงทุนเท่าไร และการได้เข้าอบรมในครั้งนี้ก็เหมือนการได้ติดอาวุธทางการลงทุนให้มุ่งเป้ามากขึ้น 

ขณะที่ รชต แสงลี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ยอมรับว่า ส่วนตัวแทบไม่เคยได้เรียนรู้เรื่องการออมและการลงทุน ด้วยวิถีชีวิตพอเรียนเสร็จก็ซ้อมดนตรี แต่เมื่อมาได้อบรม ทำให้กลับมาตั้งหลักคิดว่า เราควรนำเงินที่ได้รายเดือนจากพ่อแม่ และรายได้จากการรับจ้างเล่นดนตรี มาแบ่งใช้จ่าย เก็บออม และลงทุนอย่างไร และจะเรียนรู้เพิ่มเรื่องการคำนวณภาษี และการลงทุน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น 

ทุกเสียงที่สะท้อนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเยาวชนที่เข้ารับการอบรมในโครงการ แต่เสียงที่สะท้อนไปในทางเดียวกันคือ อยากให้จัดกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้อีก เพื่อเป็นการติดอาวุธทางความคิดด้านการออม การลงทุน และรู้เท่าทันอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งไม่ได้กำหนดอยู่ในวัยผู้ใหญ่เท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้ทุกช่วงวัย 

เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว เราต้องก้าวให้ทัน 


URL อ้างอิง:

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้คุกกี้ (Cookie) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้
ยอมรับ