ทำความรู้จักความหมายที่แท้จริงของ Soft Power

15 พฤศจิกายน 2024
|
540 อ่านข่าวนี้
|
6

เราอาจจะรู้จักคำว่า Soft Power ผ่านมิติทางวัฒนธรรม แต่ความหมายที่แท้จริงของ Soft Power เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น โดยเป็นความสามารถในการโน้มน้าวและสร้างแรงจูงใจให้คล้อยตาม อย่างที่มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ The Knowledge จะพาไปทำความรู้จัก Soft Power ที่หลายประเทศกำลังผลักดันกันอย่างเข้มข้น 

ความหมายที่แท้จริงของ Soft Power

Joseph Nye ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Harvard นำเสนอแนวคิด Soft Power ในปลายทศวรรษที่ 1980 ได้ให้คำนิยมของ Soft Power ว่าคือความสามารถในการมีอิทธิพลเหนือพฤติกรรมของผู้อื่น เพื่อให้คิดและทำในสิ่งที่เราต้องการ

Cambridge Dictionary ได้ให้คำนิยามของ Soft Power ว่าเป็นการใช้วัฒนธรรมและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของประเทศใดประเทศหนึ่งเพื่อโน้มน้าวใจให้ประเทศอื่นๆ ทำในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยปราศจากการใช้กำลังทางการทหาร ซึ่งตรงกันข้ามกับ Hard Power ที่เน้นการใช้กำลังทางการทหาร

Collins English Dictionary ได้ให้คำนิยามของ Soft Power ว่าเป็นความสามารถในการบรรลุเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง โดยการใช้การทูต และการโน้มน้าวใจ มากกว่าจะเป็นการใช้กำลัง 


เปรียบเทียบ Soft Power ระหว่างประเทศต่างๆ ในโลก

หลายประเทศพยายามที่จะพัฒนา Soft Power ของตัวเองให้มีความเข้มแข็ง ผ่าน

  1. การทูตสาธารณะ (Public Diplomacy)
    เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและการยอมรับ โดยการพัฒนาความสัมพันธ์และความเข้าใจ
    อันดีระหว่างรัฐกับประชาชนของประเทศต่างๆ
  2. การทูตทางวัฒนธรรม (Cultural Diplomacy)
    โดยการ
    แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชน
  3. การเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร และความรู้สู่สาธารณะ (Publicity) และการโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda)
    ให้ประชาชนคิดและปฎิบัติ
    ไปในทิศทางที่รัฐต้องการ

ความสำเร็จของ Soft Power นั้นขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของตัวแสดงในชุมชนระหว่างประเทศ ตลอดจนการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารระหว่างตัวแสดงบนเวทีโลก Soft Power จึงมีความสัมพันธ์ยิ่งกับโลกาภิวัฒน์ โดยมีวัฒนธรรมป๊อบ (Pop Culture) และสื่อสารมวลชนเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ

The Soft Power 30 จัด อันดับ Soft Power ของประเทศต่างๆ โดยใช้การพิจารณาตัวชี้วัด (Soft Power KPIs) 6 ตัว ได้แก่

  1. Digital :
    โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล (Digital Infrastructure) และประสิทธิภาพในการดำเนินการทูตผ่านดิจิทัล (Digital Diplomacy)
  2. Culture :
    การเข้าถึง (Global Reach) และความสามารถในการดึงดูดของวัฒนธรรม (Global Appeal) ทั้งวัฒนธรรมสมัยนิยม (Pop Culture) และวัฒนธรรมชั้นสูง (High Culture)  
  3. Enterprise :
    ความน่าดึงดูดของโมเดลเศรษฐกิจของประเทศ (Economic Model) ความเป็นมิตรทางธุรกิจ (Business Friendliness) และความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Innovation Capability)
  4. Education :
    ระดับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การให้ทุนการศึกษา และความน่าดึงดูดในสายตาของนักศึกษาต่างประเทศ (International Student Attractiveness)
  5. Engagement :
    ความแข็งแกร่งในการสร้างเครือข่ายทางการทูต (Diplomatic Network Strength) และการมีส่วนร่วมในระดับโลก (Global Engagement)
  6. Government :
    ความมุ่งมั่นในการส่งเสริมเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และสถาบันทางการเมืองที่มีคุณภาพ

 

จากการจัดอันดับ The Soft Power 30 ในระหว่างปี 2015-2019 อังกฤษได้รับการจัดอันดับอยู่ใน 5 อันดับแรกของโลกอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นอันดับ 1 ในปี 2015 และ 2018 และเป็นอันดับ 2 ในปี 2016 2017 และ 2019 และหากพิจารณาตัวชี้วัด (Soft Power KPIs) ในการจัดอันดับของปี 2019 (ซึ่งอังกฤษเป็นอันดับ 2 รองจากฝรั่งเศส) จะพบว่าอังกฤษมีความโดดเด่นที่สุดในด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Education : อันดับ 2) วัฒนธรรมที่สามารถดึงดูดความสนใจของโลก (Culture : อันดับที่ 2) การมีส่วนร่วมกับโลกและบทบาทในการพัฒนา (Engagement : อันดับที่ 3) และโครงสร้างพื้นฐานและประสิทธิภาพในการดำเนินการทูตผ่านดิจิทัล (Digital : อันดับที่ 3) โดยหากมองในรายละเอียดของตัวชี้วัดข้างต้นจะพบว่า

  • อังกฤษถือเป็นต้นแบบของระบอบประชาธิปไตย
  • อังกฤษมีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพสูง มีมหาวิทยาลัยชั้นนำที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก และมีพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ที่เป็นที่รู้จักและเป็นต้นแบบ
  • อังกฤษมีการกีฬาและศิลปวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของโลก
  • อังกฤษมีระบบเศรษฐกิจเสรีที่มีความแข็งแกร่งและเชื่อมโยงกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก
  • อังกฤษมีความก้าวหน้าด้านแนวคิดเสรีนิยม และประเด็นที่เป็นที่สนใจของโลก อาทิ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก และการก่อการร้าย เป็นต้น ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนส่งผลต่อภาพลักษณ์และมุมมองที่ประเทศต่างๆ มีต่ออังกฤษในเชิงบวก และทำให้อังกฤษมีอิทธิพลเหนือความคิดและพฤติกรรมของประเทศต่างๆ 

 หากพิจารณา Global Soft Power Index ในปี 2022 ที่จัดโดย Brand Finance จะพบว่า อังกฤษได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา เหนือกว่าเยอรมนี และขยับขึ้นมาจากอันดับ 3 ในปี 2021 โดยอังกฤษสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากสถานการณ์ Brexit และการระบาดของ COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลบวกต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง การพัฒนาวัคซีน Oxford-AstraZeneca ทำให้ชื่อเสียงและอิทธิพลของอังกฤษที่มีต่อโลกเพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับการเป็นต้นแบบที่โดดเด่น

ทั้งในด้านวัฒนธรรม การกีฬา การศึกษา และสถาบันทางสังคมและการเมือง ที่ยังคงเป็นจุดขายของอังกฤษ นอกเหนือจากภาษาอังกฤษที่เป็นสื่อกลางซึ่งคนในโลกมีความคุ้นเคยและใช้ในการสื่อสาร จึงทำให้การยอมรับเชื่อถือในอังกฤษมีสูง ส่งผลให้ Soft Power ของอังกฤษมีความแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ ของโลกมาโดยตลอด


ประเทศมหาอำนาจด้าน Soft Power ของโลก

สหรัฐอเมริกา 
ถือเป็นต้นแบบประเทศที่มีนโยบายเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ในด้านการเมืองโลก สหรัฐฯ ถือเป็นผู้นำและมีบทบาทสำคัญต่อความเป็นไปของโลก มีความโดดเด่นในด้านระบบการศึกษาและการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะด้านดิจิทัล มีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมและธุรกิจเทคโนโลยี (Tech Business) ที่มีมูลค่ามหาศาล ทั้ง Amazon Apple Microsoft Google Tesla และ Facebook ในด้านวัฒนธรรม ไม่มีใครไม่รู้จัก Hollywood และ Disney อาหารจานด่วน (Fast Food)  และการกีฬา อาทิ บาสเก็ตบอล อเมริกันฟุตบอล กอล์ฟ เบสบอล และรถแข่ง)

ฝรั่งเศส 
มีบทบาทและความโดดเด่นในด้านเศรษฐกิจและการเมืองโลกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยระบบการปกครองที่ได้รับการยอมรับเป็นต้นแบบ ฝรั่งเศสมีส่วนร่วม (Engagement) กับประเทศต่างๆ และองค์กรระดับโลกผ่านเครือข่ายทางการทูต (Diplomatic Network) ที่กว้างขวาง นอกเหนือจากการได้รับความเชื่อถือและมีอิทธิพลในด้านศิลปวัฒนธรรมแล้ว การทูตทางวัฒนธรรม (Cultural Diplomacy) เพื่อสร้างความรับรู้ ส่งเสริมความคุ้นเคย และสร้างชื่อเสียงในด้านศิลปวัฒนธรรม ทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นผู้นำทั้งในด้านศิลปะ ความบันเทิง อาหาร พิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ รวมถึงด้านการกีฬา นอกจากนี้ การยอมรับในสินค้าและแบรนด์ของฝรั่งเศสก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อ Soft Power ของฝรั่งเศส นโยบาย France 2030ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ รวมถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของโลก อาทิ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization)การพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน การพัฒนาอาหารสุขภาพ และการพัฒนาที่ยั่งยืน ในด้านสื่อและการสื่อสาร (Media & Communications) ฝรั่งเศสสนับสนุนเสรีภาพสื่อและการสร้างสื่อที่เป็นมืออาชีพ ในด้านการศึกษา ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในผู้นำความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของโลก สามารถดึงดูดธุรกิจเทคโนโลยี (Tech Business) และนวัตกรรม จำนวนมากให้เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศ  

เยอรมนี 
ถือเป็นประเทศผู้นำของยุโรป ทั้งในด้านขนาดของเศรษฐกิจและบทบาททางการเมืองในการรักษาเสถียรภาพของ EU จึงทำให้ได้รับความเชื่อถือ โดยเฉพาะในด้านนโยบายการต่างประเทศ เยอรมนีมีระบบการศึกษาที่มีศักยภาพสูง ในด้านเศรษฐกิจ เยอรมนีมีชื่อเสียงในด้านเทคโนโลยีการผลิตที่มีความทันสมัยทางวิศวกรรม และเป็นผู้นำในหลายอุตสาหกรรม อาทิ การผลิตรถยนต์คุณภาพสูง เครื่องจักรกลที่ทันสมัย และเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลของยุโรป (European Tech and Digital Hub)

ญี่ปุ่น 
ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับ 1 ของทวีปเอเซีย โดย Soft Power 30 ในปี 2019 มีความโดดเด่นในด้านการทูตวัฒนธรรม (Cultural Diplomacy) และการมีส่วนร่วมในเวทีโลก (Global Engagement) ทั้งในด้านการเมือง การเศรษฐกิจ และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการกีฬา (Sport Diplomacy) การประชุม และนิทรรศการ ในระดับนานาชาติ ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในผู้นำทางเศรษฐกิจ ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนเสรีของโลก มีระบบการปกครองที่มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ มีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูง ประชาชนมีความเป็นมิตร มีจิตสาธารณะ และยอมรับความหลากหลาย มีศิลปวัฒธรรมที่มีความงดงามและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งวัฒนธรรมดั้งเดิม (High Culture) และวัฒนธรรมสมัยนิยม (Pop Culture) อาทิ อาหารญี่ปุ่น การชงชาญี่ปุ่น (Haiku) การจัดดอกไม้ ภาพยนตร์ ละครโนห์ (Noh) การ์ตูนญี่ปุ่น (Anime) และการแต่งกายเลียนแบบ (Cosplay)



อ้างอิง 
www.okmd.or.th/upload/pdf/2567/PDF/the_knowledge_vol22.pdf
0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI