"ต้มยำกุ้ง" มรดกโลกจากยูเนสโก โอกาสต่อยอดอาหารไทยสู่ซอฟต์พาวเวอร์มากขึ้น

10 ธันวาคม 2024
|
927 อ่านข่าวนี้
|
18


ต้มยำกุ้ง: จากซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่มรดกโลกยูเนสโก

ต้มยำกุ้ง เมนูอาหารไทยที่หลายคนหลงรัก ไม่เพียงแค่เป็นซิกเนเจอร์ที่สร้างความประทับใจให้กับคนทั่วโลก แต่วันนี้ยังกลายเป็น “มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ” ที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโก (องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ- UNESCO) ในปี พ.ศ. 2567 อีกด้วย การได้รับเกียรตินี้ไม่ได้แค่ยกระดับ "ต้มยำกุ้ง" แต่ยังเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยผลักดันอาหารไทยและวัฒนธรรมไทยให้ไปไกลระดับโลก

 


จากสูตรดั้งเดิมสู่ความนิยมระดับโลก

ย้อนกลับไปในอดีต สูตรอาหารที่ใกล้เคียงกับต้มยำกุ้งถูกบันทึกไว้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ในหนังสือประติทินบัตร แล จดหมายเหตุ ร.ศ.108 (พ.ศ.2432) โดยต่อมาในปี พ.ศ.2451 ในตำราอาหารเล่มแรกของไทย แม่ครัวหัวป่าก์ และยังปรากฏสูตรอาหารที่คล้ายคลึงกับต้มยำ แต่กว่าที่ต้มยำกุ้งในแบบที่เราคุ้นเคยจะถือกำเนิดขึ้น ต้องรอจนถึงปี พ.ศ. 2507 ซึ่งถูกบันทึกไว้ในหนังสือของเสวย โดย ม.ร.ว.กิตินัดดา กิติยากร ได้บันทึกถึงการทำเมนูนี้ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ วังไกลกังวล ในปี พ.ศ.2505

 

ต้มยำกุ้งในแบบดั้งเดิมนั้น สะท้อนถึงภูมิปัญญาชาวบ้านที่รู้จักใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว และกุ้ง มาผสมผสานเป็นอาหารที่รสชาติจัดจ้าน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การปรุงรสชาติที่ลงตัวระหว่างความเปรี้ยว เผ็ด เค็ม และหวาน ทำให้เมนูนี้ได้รับความนิยมทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ

เส้นทางการขึ้นทะเบียนมรดกโลก

ความพยายามผลักดัน "ต้มยำกุ้ง" ให้กลายเป็นมรดกโลก เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 เมื่อรัฐบาลไทยขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ และต่อมาในปี พ.ศ. 2564 กระทรวงวัฒนธรรมก็ได้เสนอต้มยำกุ้งเข้าสู่การพิจารณาของยูเนสโก โดยเน้นถึงคุณค่าที่สะท้อนวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวไทย และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างชาญฉลาด จนในที่สุด ต้มยำกุ้งก็ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ผลกระทบที่มากกว่ารสชาติ

การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกครั้งนี้ ไม่ได้หมายความเพียงแค่การยอมรับในรสชาติอันโดดเด่นของต้มยำกุ้ง แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ประเทศไทยในหลากหลายมิติ

เศรษฐกิจ: ด้วยมูลค่าอุตสาหกรรมอาหารไทยที่สร้างรายได้กว่า 4 ล้านล้านบาทในปี พ.ศ. 2566 ชื่อเสียงระดับโลกของต้มยำกุ้งสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวและการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไทยได้อย่างมหาศาล

ซอฟต์พาวเวอร์: เมนูอื่นๆ อย่างส้มตำ ผัดไทย ข้าวซอย มัสมั่น หรือพะแนง ก็สามารถต่อยอดจากกระแสความนิยมของต้มยำกุ้ง เพื่อยกระดับเป็นสัญลักษณ์ซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่แข็งแกร่งขึ้น

    

ต้มยำกุ้ง: แรงบันดาลใจสำหรับคนรุ่นใหม่

การที่ต้มยำกุ้งได้รับการยอมรับระดับโลก เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำสิ่งที่มีอยู่ในรากเหง้าวัฒนธรรมมาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับคนรุ่นใหม่ ต้มยำกุ้งอาจไม่ได้เป็นเพียงอาหารจานโปรด แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งรอบตัว และคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและสังคม

เมื่อซดน้ำซุปร้อนๆ รสจัดจ้านของต้มยำกุ้ง อย่าลืมระลึกถึงความเป็นมาและความหมายที่ซ่อนอยู่ในชามนั้น เพราะนี่คือเรื่องราวของ "อาหาร" ที่กลายมาเป็น "มรดกโลก" และยังคงเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ต่อไป


#ต้มยำกุ้ง #มรดกโลกจากยูเนสโก #มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ #โอกาสต่อยอดอาหารไทย #ซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหารของไทย   #knowledgeportal #okmd #กระตุกต่อมคิด 

    ข้อมูลอ้างอิง : https://th.m.wikipedia.org/wiki/ต้มยำกุ้ง, https://www.prd.go.th/th/content/cotegory/detail/id/39/iid/345380, www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ/2756618  


    0 ความคิดเห็น

    Ask OKMD AI