5 ภัยพิบัติทางธรรมชาติจัดการได้ด้วย AI
ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างก้าวหน้าและรวดเร็ว AI ได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการกับปัญหาหลากหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตผู้คน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ตรวจจับ คาดการณ์ และเตือนภัยล่วงหน้า ทำให้สามารถจัดการภัยอย่างมีประสิทธิภาพและลดความสูญเสียได้มากขึ้น
โดยภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ AI เข้ามาช่วยจัดการได้ ประกอบด้วย 5 ภัยพิบัติสำคัญ ดังนี้
1. ภัยแผ่นดินไหว
เป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและยากต่อการพยากรณ์ล่วงหน้า การสั่นสะเทือนที่รุนแรงจึงสามารถสร้างความเสียหายได้ในวงกว้าง แต่ศักยภาพของ AI ช่วยจัดการภัยนี้ได้หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลคลื่นไหวสะเทือน จากเซนเซอร์ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนทั่วโลกแบบเรียลไทม์ ด้วยเทคนิค Deep Learning เพื่อแยกแยะระหว่างแรงสั่นปกติกับแรงสั่นที่จะกลายเป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ การพยากรณ์ล่วงหน้า แม้ไม่แม่นยำ 100% แต่ก็ประเมินโอกาสที่จะเกิดในพื้นที่เสี่ยงได้ โดยอาศัยข้อมูลจากอดีต พฤติกรรมของแผ่นเปลือกโลก และลักษณะทางธรณีวิทยา หรือการแจ้งเตือนฉุกเฉิน เมื่อตรวจจับแรงสั่นสะเทือนแล้วพบว่ามีความเสี่ยง ผ่านแอปพลิเคชันหรือสมาร์ทโฟนให้ประชาชนอพยพและหยุดกิจกรรมเสี่ยงได้ทันท่วงที
2. ภัยพายุหมุนเขตร้อน
เช่น ไซโคลน ไต้ฝุ่น เฮอริเคน ซึ่งภัยเหล่านี้มักก่อให้เกิดลมแรง ฝนตกหนัก น้ำท่วม และดินถล่ม AI สามารถช่วยจัดการได้ เช่น จำลองเส้นทางพายุด้วยการใช้ข้อมูลจากดาวเทียม เรดาร์ หรือโดรนมาวิเคราะห์ ผ่านเทคนิค Neural Networks ได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น คาดการณ์ความรุนแรงโดยการวิเคราะห์จากผิวน้ำ ความชื้น และแรงดันอากาศ ซึ่งช่วยให้เตรียมความพร้อมล่วงหน้าได้ หรือวิเคราะห์ความเสียหายหลังเกิดภัยโดยอัตโนมัติจากภาพถ่ายดาวเทียม แล้วช่วยตัดสินใจในการส่งความช่วยเหลือ
3. ภัยน้ำท่วม
เกิดขึ้นได้ทั้งจากฝนตกหนัก เขื่อนแตก หรือมีพายุทะเล โดยสามารถสร้างผลกระทบได้อย่างหนักหน่วง ซึ่ง AI เข้ามามีบทบาทช่วยได้มากทีเดียว ยกตัวอย่าง ช่วยวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงสูงหรือเกิดน้ำท่วมซ้ำซากได้ จากภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลภูมิประเทศ หรือคาดการณ์โอกาสและความรุนแรงของน้ำท่วมล่วงหน้าได้ ด้วยการใช้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด เซนเซอร์วัดระดับน้ำ และเทคนิค Machine Learning
4. ภัยไฟป่า
เป็นภัยที่จุดเกิดเหตุมักอยู่ในพื้นที่ห่างไกล การตรวจจับและควบคุมไฟตั้งแต่ระยะแรกจึงมีความสำคัญ ซึ่ง AI ช่วยจัดการได้หลายอย่าง เช่น ช่วยตรวจจับควันหรือความร้อนผิดปกติในพื้นที่ป่าได้แต่เนิ่นๆ จากภาพถ่ายดาวเทียมและโดรน โดยใช้เทคนิค Computer Vision และ Image Recognition คาดการณ์การลุกลามของไฟจากข้อมูลลม ความลาดชัน และชนิดของพืชได้ หรือช่วยกำหนดเส้นทางอพยพได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น
5. ภัยดินถล่ม
เป็นภัยการเคลื่อนตัวของมวลดินหรือหินลงตามแนวลาดชัน สาเหตุเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่อง แผ่นดินไหว หรือสร้างอาคารบนพื้นที่ลาดชัน ซึ่ง AI เข้ามาช่วยจัดการได้เช่นกัน เช่น ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลความลาดชัน ปริมาณฝน ดัชนีความชื้นในดิน เพื่อจำแนกจุดเสี่ยงสูงที่อาจเกิดดินถล่มได้ โดยใช้เทคนิค Machine Learning หรือเรียนรู้จากเหตุการณ์ในอดีต เพื่อหาความสัมพันธ์ของปัจจัยต่างๆ ที่ก่อให้เกิดดินถล่มและสร้างแผนที่ความเสี่ยงได้
จาก 5 ภัยพิบัติทางธรรมชาติข้างต้น นับว่า AI ได้เข้ามาช่วยจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และยิ่งจะทวีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางภัยพิบัติที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด
อ้างอิง :
- chooch.com
- greekreporter.com
- journals.ametsoc.org
- sciencedirect.com
- truedigital.com
- www.okmd.or.th/TheKnowledgevol.39

