เมื่อภัยธรรมชาติคุกคาม AI คือทางรอดยุคใหม่ที่พร้อมรับมือ

07 สิงหาคม 2025
|
90 อ่านข่าวนี้
|
1


เมื่อภัยธรรมชาติเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่คุกคามมนุษยชาติรุนแรงและถี่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว ไฟป่า น้ำท่วม หรือพายุกระหน่ำ จนสร้างความเสียหายมหาศาลทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน AI หรือปัญญาประดิษฐ์ซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างก้าวหน้าตลอดเวลา จึงเป็นทางรอดยุคใหม่ที่พร้อมเข้ามารับมือกับภัยธรรมชาติเหล่านั้น เพื่อให้โลกปลอดภัยยิ่งขึ้น ไปสำรวจบทบาทของ AI ที่พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติมีในด้านไหนบ้าง

บทบาทของ AI ที่พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ

การพยากรณ์และเตือนภัยล่วงหน้า

เป็นบทบาทของ AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากจากแหล่งต่างๆ เช่น ข้อมูลจากเซนเซอร์ ภาพถ่ายดาวเทียม โดรน แบบจำลองสภาพอากาศ ประวัติภัยพิบัติ แล้วสามารถคาดการณ์และเตือนภัยธรรมชาติได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ตัวอย่าง ในอินเดียที่มีการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลภูมิสารสนเทศ เพื่อเตือนภัยพายุไซโคลนและน้ำท่วมล่วงหน้า สามารถลดความเสียหายและการสูญเสียชีวิตได้ หรือในญี่ปุ่นมีการนำ AI มาใช้ร่วมกับเครือข่ายเซนเซอร์แผ่นดินไหว เพื่อพยากรณ์แรงสั่นสะเทือน และส่งคำเตือนล่วงหน้าภายในไม่กี่วินาทีก่อนแผ่นดินไหวรุนแรง ทำให้ประชาชนออกจากอาคารหรือเตรียมตัวก่อนเกิดสึนามิได้ทันเวลา

การตรวจจับและติดตามภัยแบบเรียลไทม์

เป็นบทบาทของ AI ในการใช้ข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น เครือข่ายเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิความร้อน จากสัญญาณไฟป่า แรงสั่นสะเทือนจากสัญญาณแผ่นดินไหว หรือระดับน้ำจากสัญญาณน้ำท่วม ภาพถ่ายดาวเทียม กล้องวงจรปิด วิดีโอ และอื่นๆ เพื่อช่วยระบุและติดตามภัยธรรมชาติที่กำลังเกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถตอบสนองกับภัยได้อย่างรวดเร็วและลดเวลาในการรับรู้ภัย ตัวอย่าง ในสหรัฐอเมริกามีการใช้ AI ร่วมกับกล้องนับพันตัวเพื่อตรวจจับไฟป่า ทำให้เมื่อมีควันหรือเปลวไฟ ระบบจะเตือนเจ้าหน้าที่ให้ทราบทันที รวมทั้งยังช่วยติดตามการลุกลามของไฟและพยากรณ์ทิศทางการแพร่กระจายอีกด้วย จึงช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถวางแผนรับมือและอพยพประชาชนได้ล่วงหน้า หรือองค์การนาซามีการใช้ดาวเทียมซึ่งเก็บข้อมูลภาพถ่ายและค่าต่างๆ ของพื้นผิวโลก เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ฝุ่นละออง จุดความร้อน ทำให้ตรวจจับและประมวลผลภัยธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว ทั้งไฟป่า น้ำท่วม และคลื่นพายุ รวมถึงติดตามภัยและคาดการณ์ความเสียหาย เพื่อช่วยให้วางแผนช่วยเหลือหรือกู้ภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดสรรทรัพยากรและฟื้นฟูหลังเกิดภัย

เป็นบทบาทของ AI ในการช่วยให้เราประเมินความเสียหายจากภัยธรรมชาติ แล้วจัดสรรทรัพยากรเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้เป็นไปอย่างตรงจุด พร้อมกับวางแผนและดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว ตัวอย่าง หลังแผ่นดินไหวในมัณฑะเลย์ เมื่อต้นปีนี้ เมียนมาได้รับความร่วมมือในการใช้ AI วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อช่วยประเมินความเสียหายต่างๆ ในสถานการณ์ที่เข้าถึงพื้นที่ประสบภัยยาก ทำให้สามารถระบุจำนวนอาคารที่เสียหายและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดได้ จึงวางแผนช่วยเหลือและจัดส่งเวชภัณฑ์หรือสิ่งของจำเป็นไปให้ได้ตามลำดับความเร่งด่วน นอกจากนั้นยังช่วยจำแนกความเสียหายและฟื้นฟูพื้นที่หลังเกิดภัย ตัวอย่าง หลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเนปาล เมื่อปี ค.ศ. 2015 ได้มีการใช้ AI เพื่อระบุและตรวจสอบการสร้างบ้านเรือนใหม่ที่ปลอดภัยมากขึ้น หรือในเยอรมนีมีการนำ AI มาใช้ในการประมวลผลข้อมูลน้ำท่วมในปี ค.ศ. 2021 เพื่อกำหนดแผนซ่อมแซมและฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

จึงเห็นได้ว่า AI เป็นทางรอดที่พร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติได้อย่างน่ามหัศจรรย์ แต่ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ต้องจับตามองเช่นกัน

ข้อจำกัดของ AI ต่อการรับมือกับภัยธรรมชาติ

  1. ด้านข้อมูล
    เนื่องจาก AI ทำงานได้ดีเมื่อมีข้อมูลจำนวนมากและมีคุณภาพสูง แต่สำหรับภัยธรรมชาติบางประเภท เช่น แผ่นดินไหวหรือสึนามิ ข้อมูลที่มีอยู่ยังไม่ครอบคลุมทั่วโลกพอที่จะทำให้ AI ทำนายเหตุการณ์ได้อย่างสมบูรณ์
  2. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน
    แม้ว่า AI จะช่วยในการเตือนภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ในหลายพื้นที่ที่เผชิญกับภัยธรรมชาติรุนแรงบ่อยครั้ง เช่น ประเทศกำลังพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและระบบเซนเซอร์อาจยังไม่พร้อมรองรับ ก็ทำให้ไม่สามารถเตือนภัยได้อย่างทั่วถึง
  3. การพัฒนาและนำไปใช้
    ซึ่งมีสาเหตุจากต้นทุนของ AI และระบบเซนเซอร์ที่เกี่ยวข้องมีต้นทุนสูงมาก ทำให้หลายประเทศที่มีรายได้น้อยเข้าถึงได้ยาก จึงจำเป็นต้องอาศัยโครงการพัฒนา AI เพื่อสาธารณประโยชน์จากภาคเอกชนหรือองค์กรระหว่างประเทศแทน

ดังนั้น ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายจากภัยธรรมชาติ AI จึงนับว่าเป็นทางรอดยุคใหม่อย่างแท้จริง แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ยังคงมีข้อจำกัดที่ต้องพัฒนาเพื่อก้าวข้ามต่อไปในอนาคต


อ้างอิง :

0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI