ราไว แฮร์คัท : ปริศนาร้านตัดผมกว่า 20 สาขาที่สี่แยกบ้านแขก
แยกบ้านแขก: ดินแดนแห่งร้านตัดผม
หากคุณเคยผ่านไปแถวแยกบ้านแขก เชื่อเถอะว่าคุณต้องสะดุดตากับร้านตัดผมชื่อ "ราไว แฮร์คัท" ที่เรียงรายอยู่ตามถนนอิสรภาพ แถมยังมีตัวเลขสาขาที่ดูเหมือนจะสุ่มไปมาอย่างไร้ระเบียบ แรกเห็นอาจนึกว่าเป็นแฟรนไชส์ใหญ่ แต่หากพิจารณาใกล้ๆ จะพบว่าทุกร้านมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้จะคล้ายกันแต่กลับแตกต่างอย่างน่าสนใจ ทำไมราไว แฮร์คัท ร้านตัดผมกว่า 20 สาขา มากระจุกตัวอยู่ที่สี่แยกบ้านแขก
ใครคือ "ราไว" และทำไมร้านตัดผมถึงเยอะขนาดนี้?
ความลับของร้านราไว แฮร์คัท ไม่ได้อยู่แค่ความโดดเด่นของชื่อหรือจำนวนสาขาที่มากมาย แต่ยังมีความเกี่ยวพันลึกซึ้งกับประวัติศาสตร์ของย่านบ้านแขกเอง ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ธนบุรีเป็นศูนย์กลางของพหุวัฒนธรรม โดยมีชุมชนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นชาวโปรตุเกส มุสลิม จีน ลาว มอญ และอินเดีย
บ้านแขก: ศูนย์กลางของชุมชนฮินดู
หลังจากไทยสถาปนาความสัมพันธ์กับอินเดียอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2490 ชุมชนฮินดูเริ่มขยายตัวมากขึ้น ย่านบ้านแขกกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางหลักของชาวอินเดียในกรุงเทพฯ ร่วมกับพื้นที่อื่นๆ อย่างสีลม สาธร และพาหุรัด ความโดดเด่นด้านศาสนา วิถีชีวิต และการแต่งกาย ทำให้พื้นที่นี้ได้รับสมญาว่า "บ้านแขก" มาจนถึงปัจจุบัน
การเติบโตของแยกบ้านแขกและโครงสร้างเมือง
ในช่วงที่กรุงเทพฯ ขยายตัวมายังฝั่งธนบุรี มีการตัดถนนหลายสายเพื่อรองรับการเติบโต สี่แยกบ้านแขกกลายเป็นจุดตัดสำคัญของถนนอิสรภาพและถนนประชาธิปก อีกทั้งการก่อสร้างสะพานพุทธในปี พ.ศ. 2473 ก็ส่งผลให้โรงเรียนมัธยมบ้านสมเด็จเจ้าพระยาต้องย้ายที่ตั้ง สถาบันการศึกษาต่างๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในย่านนี้ ทำให้จำนวนประชากรนักศึกษาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
จากธุรกิจค้าผ้าสู่การตัดผม: จุดเปลี่ยนของราไว
เดิมที ย่านนี้เป็นศูนย์กลางการค้าของชาวอินเดียและมุสลิม โดยมีร้านขายผ้าเป็นธุรกิจหลัก อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้คนจากที่อื่นเริ่มหลั่งไหลเข้ามา การค้าขายก็เริ่มเปลี่ยนแปลง คุณราไว มิลินทสูต ซึ่งเกิดในปี พ.ศ. 2481 คือผู้ที่ริเริ่มร้านตัดผมในย่านนี้ หลังจากลองทำธุรกิจอื่นๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนสุดท้ายเขาตัดสินใจเปิด "ราไว บาร์เบอร์" ในปี พ.ศ. 2510 โดยนำเสนอร้านตัดผมติดแอร์แห่งแรกของแยกบ้านแขก
พ.ศ. 2527: จุดเปลี่ยนของราไว บาร์เบอร์
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป "ราไว บาร์เบอร์" ก็ต้องปรับตัวเช่นกัน ในปี พ.ศ. 2527 ร้านได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ราไว แฮร์คัท" และขยายบริการให้รองรับลูกค้าทุกเพศทุกวัย ไม่จำกัดแค่ผู้ชายเหมือนเดิม การขยายสาขาถูกวางกลยุทธ์ให้กระจายตัวทั่วบริเวณ โดยแต่ละร้านมีสมาชิกในครอบครัวเป็นผู้ดูแล บริหารจัดการตามแนวทางของตนเอง
ความเชื่อกับตัวเลขร้านที่ขาดหายไป
แม้ร้านราไว แฮร์คัทจะมีสาขาหลากหลาย แต่กลับไม่มีร้านหมายเลข 6 และ 13 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับโชคลางไม่ดี นี่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจไม่ได้เติบโตจากการวางแผนธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความเชื่อและค่านิยมของครอบครัวมิลินทสูตด้วย
สูตรลับความสำเร็จของราไว แฮร์คัท
ร้านตัดผมที่ดูเหมือนธรรมดากลับซ่อนเคล็ดลับที่ทำให้ยืนหยัดได้กว่า 50 ปี นอกจากจำนวนสาขาที่กระจายตัวไปทั่วแยกบ้านแขกแล้ว หัวใจสำคัญคือความใส่ใจในการให้บริการ การรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า และการเปิดโอกาสให้สมาชิกครอบครัวมีส่วนร่วมในการบริหารร้าน ร้านราไว แฮร์คัทจึงเป็นมากกว่าร้านตัดผม แต่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนบ้านแขกที่หยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร
ข้อมูลอ้างอิง
https://midnightuniv.tumrai.com/midnight2544/0009999615.html
https://sac-research.sac.or.th/file_thb/307-ch4.pdf
www.silpa-mag.com/history/article_129711
www.silpa-mag.com/history/article_50620
www.youtube.com/watch?v=4Dnt53jkyYQ

