หาดใหญ่

ตามรอยประวัติศาสตร์ศาลเจ้าเก่าในหาดใหญ่

07 สิงหาคม 2025
|
50 อ่านข่าวนี้
|
0


ตามรอยประวัติศาสตร์
ศาลเจ้าเก่าในหาดใหญ่


                ศาลเจ้าหาดใหญ่สะท้อนให้เห็นความหลากหลายของสังคมจีน ทั้งแหล่งที่มาซึ่งแตกต่างกันได้แก่ แต้จิ๋ว ฮากกา ฮกเกี้ยน ไหหลำ และความเชื่อที่หลากหลายผ่านการนับถือเจ้าแม่ เทพและลัทธิต่างๆ ศาลเจ้าทั้ง 10 แห่งทั่วหาดใหญ่นี้เป็นตัวแทนที่สะท้อนความเชื่อที่แตกต่างภายใต้ความเป็นจีนหาดใหญ่ ซึ่งนอกจากศาลเจ้าแล้วมักมีการสร้างองค์กรที่มีโครงสร้างอยู่ร่วมด้วย ได้แก่ โรงเรียน โรงพยาบาล มูลนิธิ บ้านพักคนชราและสุสานฝังศพ 


วัดรัศมีรุ่งโรจน์


                สร้างขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2501 เป็นวัดจีนมหายาน โดยความพิเศษของที่นี่ที่แตกกว่าศาสนสถานอื่นๆ ในหาดใหญ่ เพราะมีภิกษุณีประจำอยู่ ด้านหน้าจะมีพระพุทธเจ้ากับพระโพธิสัตว์ เปิดให้ผู้คนทั่วไปเข้าไปได้ มีทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวแวะอยู่กราบไหว้อยู่เสมอ




ศาลเจ้าแม่กวนอิม 100 ปี บ้านปลักธง


                จากผู้อาวุโสได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับศาลเจ้าแม่กวนอิมบ้านปลักธงว่า เมื่อ 100 กว่าปีก่อนมีพระจีนองค์หนึ่งใช้นามว่า ‘พระย่องฝ่อไท้ซือ’ มาเผยแพร่ศาสนาพุทธที่หาดใหญ่ โดยการแนะนำของนายจุงหยุ่ยเซน ผู้นำชาวฮากกาในสมัยนั้นได้ติดต่อขอที่ดินของชาวฮากกาภาษาเดียวกัน จัดสร้างโรงเจล็อคซ่านถ่องคลองเรียนขึ้นมา เป็นโรงเจเสาไม้มุงหลังคาจาก ต่อมาได้มีผู้ศรัทธาเพิ่มมากขึ้น ได้จัดสร้างเป็นโรงเจหลังใหม่ที่ก่ออิฐมุงกระเบื้อง และได้มีการสืบทอดต่อถึงเจ้าอาวาสองค์ที่ 3 ชื่อว่า พระจองหวุ่ง โดยมอบโรงเจล็อกซ่านถ่องให้แก่สมาคมฮากกาหาดใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2518 ทางสมาคมฮากกาได้ดูแลนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นับเป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในหาดใหญ่




วัดฉื่อฉาง


วัดนี้มีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า 'ฉื่อเสี่ยงหยี่' ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า 'วัดเมตตากุศล' เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2479 โดยชาวจีนที่เข้ามาค้าขายที่เมืองหาดใหญ่ในสมัยนั้น เป็นวัดในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ช่วงแรกที่ถูกสร้างขึ้นเป็นเพียงศาลเจ้าเล็กๆ มีองค์เทพหลื่อโจ้ว (1 ใน 8 เทพเซียนของจีน) เป็นเทพประธาน โดยรู้จักกันในชื่อ 'ศาลเจ้าหลื่อโจ้ว'




ศาลเจ้าเตี้ยเอี้ย มูลนิธิบุญสว่าง


                มูลนิธิลับๆ ของหาดใหญ่ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ริมถนนให้เห็นชัดเจนก่อตั้งเมื่อปี 2526 เป็นศูนย์รวมบรรพบุรุษชาวจีนแต้จิ๋ว เตี้ยเอี้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในชื่ออำเภอเมืองแต้จิ๋ว หากถอยหลังกลับไปเมื่อประมาณ พ.ศ. 2281 เมืองแต้จิ๋วมี 9 อำเภอ คือ 1.เหยี่ยวเพ้ง 2.ไหเอี๊ย (เตี้ยอัง) 3. เตี้ยเอี๊ย 4. กิ๊กเอี๊ย 5. เท่งไฮ้ 6. โผวโล้ง 7. ฮุ่ยไล้ 8. ฮงสุน 9. ตั้วโป่ว แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของกลุ่มชาติพันธุ์และประวัติศาสตร์ระหว่างเมืองหาดใหญ่และคนจีนที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานและสร้างครอบครัวเพราะนามสกุลของคนจีนนั้นถือเป็นมรดกหรือสมบัติมีค่าที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้ลูกหลานเพื่อให้ลูกและลูกหลานก็มีหน้าที่สืบทอดตระกูลต่อจากบรรพบุรุษ ปัจจุบันถึงแม้มูลนิธิจะเป็นที่เก็บป้ายชื่อของตระกูลโดยเฉพาะแต่ก็เปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปได้





ศาลเจ้าแม่ทับทิม สมาคมไหหลำแห่งภาคใต้


                เจ้าแม่ท้ายน้ำหรือที่ชาวไทยรู้จักกันในนามเจ้าแม่ทับทิมถือเป็นเทวนารีนักพรตตามความเชื่อของจีนและศาสนาเต๋า เป็นเทพเจ้าที่ได้รับความเคารพในหมู่ของชาวฮกเกี้ยน ชาวไฮ้หน่ำ (ไหหลำ) และชาวจีนโพ้นทะเล ที่ประกอบอาชีพเป็นชาวประมงที่เดินเรือ ซึ่งศาลเจ้าแม่ทับทิม สมาคมไหหลำแห่งภาคใต้ ถือเป็นสถานที่ศักสิทธิ์ของชาวไทยเชื้อสายจีนที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ในอดีตตั้งอยู่ชั้น 1 ของอาคารแต่เมื่อเกิดน้ำท่วมหาดใหญ่ คณะกรรมการได้มีความเห็นร่วมกันในการย้ายไปอยู่ที่ชั้น 2 และได้มีการจัดสร้างลิฟท์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงวัย ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ในด้านการทำมาค้าขาย การศึกษา การขอบุตร





ศาลเจ้าหวังต้าเซียน

                เทพเจ้าหวังต้าเซียน 黄大仙 ถือเป็นเทพเจ้าที่ผู้คนในฮ่องกงให้ความศรัทธาเป็นอย่างมากเพราะมีชื่อเสียงในด้านการทำให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นจริง โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ เมื่อครั้งที่เกิดโรคระบาดใหญ่ในจีน หวังต้าเซียนได้จัดยาสมุนไพรให้ชาวบ้านจนหายป่วย จึงเป็นที่เคารพนับถือเป็นอย่างมาก แต่สำหรับชาวหาดใหญ่ไม่ต้องบินไกลไปถึงฮ่องกงเพื่อขอพรจากเทพเจ้าหวังต้าเซียน เพราะเทพเจ้าหวังต้าเซียนองค์แรกของประเทศไทยอยู่ที่หาดใหญ่ ในวันเกิดทุกๆ ปีขององค์เทพเจ้าหวังต้าเซียน ทางศาลเจ้าหวังต้าเซียนจะจัดกิจกรรมการกุศลช่วยเหลือชาวบ้านที่ลำบากเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยระดมเงินบริจาคจากเจ้าของธุรกิจทั้งในเมืองหาดใหญ่ และจากประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากศาลเจ้าหวังต้าเซียนแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศที่เดินทางมาสักการะบูชา




วัดถาวรวรารามหาดใหญ่


                เป็นวัดในพระพุทธศาสนามหายานสังกัดคณะสงฆ์อนัมนิกาย ที่มีทั้งพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์รวมถึงรูปปั้นองค์เทพอีกนับร้อย ผสมผสานกับศิลปะทางสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เริ่มก่อตั้งขึ้นโดยก่อกำเนิดจากสำนักสงฆ์วัดถาวร ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2497 ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่เผยแผ่ธรรมและฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณี เทศกาลต่างๆ ให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยเชื้อสายจีนญวน ที่เลื่อมใสศรัทธาได้มีโอกาสเข้าร่วม เช่น การประกอบพิธีสวดมนต์เวียนเทียนทุกวันพระจีน เทศกาลไหว้พระเจ้าในวันตรุษ จีน เทศกาลพิธีบริจาคทานและเทศกาลรักษาศีลกินเจ ที่สำคัญมีการถวายโคมแดง สะเดาะเคราะห์ แก้ปีชง ปัดเป่าสิ่งอัปมงคลและสามารถฝากดวงชะตากับเทพเจ้าได้



ศาลเจ้าท่ามกุงหย่า (มูลนิธิศิริธรรม)


                องค์ยุวเทพถานกงเหยีย (จีนกลาง) หรือท่ามก๋งเยี่ย(แต้จิ๋ว) หรือถ่ามกุงหย่า (ฮกเกี้ยน) เป็นเทพเซียนที่ได้รับความเคารพนับถือในแถบมณฑลกวางตุ้ง ฮกเกี้ยน ไหหลำ และฮ่องกง รวมถึงชาวจีนโพ้นทะเลโดยเฉพาะชาวฮกเกี้ยนและชาวแคะในภาคใต้ของประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และได้ถูกสถาปนาให้เป็น "จอมเทพถานกงทรงคฑา" ศาลเจ้าท่ามกุงหย่าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2511 ปัจจุบันได้จดทะเบียนเป็น มูลนิธิศิริธรรม โดยถูกต้องตามกฎหมายวัตถุประสงค์ก็เพื่อกิจการสาธารณะช่วยเหลือสังคม เช่น ช่วยแจกอาหารให้คนยากไร้หรือบริจาคอาหารและน้ำให้กับคนชรา เป็นต้น สำหรับผู้ที่ศรัทธาพระท่ามกุงหย่าหรือท่ามกงเยี่ยให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อว่าพระท่ามกุงหย่าจะอวยพรและปกปักรักษาให้อยู่เย็นเป็นสุข ร่ำรวย รุ่งเรืองและไร้โรค





ศาลเจ้าเจินคงต้าวถัง


                ย้อนกลับไป 60 ปีก่อน ศาลแห่งนี้เป็นเพียงบ้านไม้หลังเล็กๆ ที่ถูกสร้างด้วยพลังแห่งศรัทธาและการระดมทุนจากกลุ่มคนเชื้อสายจีนลัทธิเต๋าแต่ต่อมาได้บูรณะขึ้นใหม่เป็นบ้านสามชั้นในปี 2541 ปัจจุบันอยู่ใกล้กับแหล่งเรียนรู้เชิงบูรณาการ ศรีนครศึกษา ซึ่งหากได้เข้าไปกราบไหว้จะเห็นว่าศาลเจ้าแห่งนี้ดูไม่เหมือนกับศาลเจ้าอื่นๆ เพราะภายในอาคารบ้านมีความผสมผสานดีไซน์ความโมเดิร์นเข้าไป ทำให้บรรยากาศภายในศาลเจ้าแห่งนี้จะแตกต่างกว่าศาลอื่นๆ




ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง

                ในปี พ.ศ. 2499 มีการรวมกลุ่มของชาวจีนในอำเภอหาดใหญ่ เพื่อก่อตั้งศาสนสถานอันเป็นศูนย์รวมของชาวจีนและเพื่อทำประโยชน์ให้แก่สังคม โดยวัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อก่อตั้งกลุ่มช่วยเหลือสังคมตามเจตนารมณ์ของหลวงปู่ไต้ฮงโจวซือ โดยในตอนนั้นมีนายบุญฮ้วน แซ่โชว (ยงเกียรติไพบูลย์) เป็นหัวหน้ากลุ่มในการจัดตั้ง ต่อมาได้รับบริจาคที่ดินจากนายไคเกีย แซ่เอี้ยว (เอี้ยววงษ์เจริญ) รวมถึงได้ทำการรวบรวมทุนทรัพย์จากแหล่งต่างๆ ที่เกิดจากจิตศรัทธาของพี่น้องชาวหาดใหญ่ จึงได้มีการวางแผนสร้างโรงพระเพื่อใช้ในการประกอบศาสนพิธีเป็นการชั่วคราว จึงเกิดโรงพระขึ้นเป็นอาคารแรกของมูลนิธิท่งเซียเซี่ยงตึ้ง





                ศาลเจ้าและศาสนสถานจีนในหาดใหญ่ ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ทางศาสนา หากแต่ยังเป็นศูนย์รวมของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณของชุมชนไทยเชื้อสายจีนในภาคใต้ แต่ละศาลเจ้าสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ความเชื่อ และรากเหง้าทางภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นแต้จิ๋ว ฮากกา ฮกเกี้ยน หรือไหหลำ ความหลากหลายเหล่านี้หลอมรวมเป็นอัตลักษณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวของ "จีนหาดใหญ่"นอกจากนี้ ศาลเจ้าหลายแห่งยังเชื่อมโยงกับการสร้างสรรค์องค์กรสาธารณกุศล ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล มูลนิธิ หรือบ้านพักคนชรา แสดงให้เห็นถึงบทบาทของศาสนสถานในฐานะกลไกสำคัญที่หล่อเลี้ยงสังคมอย่างรอบด้าน ทั้งด้านจิตใจ เศรษฐกิจ และสังคม





0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI