รำเหย่ย กับคนรุ่นใหม่: การสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมในยุคสมัยใหม่
รำเหย่ย กับคนรุ่นใหม่
การสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมในยุคสมัยใหม่
(ชาย) สวัสดีทุกท่าน (หญิง) ราชภัฏเปรมปรีดิ์
(หญิง) เราจะเล่าขาน (ชาย) รำเหย่ยมีมานาน
(หญิง) สืบทอดกันมา (ชาย) เป็นการเล่นพื้นเมือง
(หญิง) กำเนิดเกิดเพลงนี้ (ชาย) เล่นวันตรุษสงกรานต์
(หญิง) วันมงคลครื้นเครง (ชาย) กลองยาวหรือแคนมี
(ชาย) ที่มาในงานนี้เอย แสนยินดีจริงเอย ถึงตำนานเพลงเอย แต่บรรพกาลแล้วเอย
มากกว่าร้อยปีเอย ที่เคยรุ่งเรืองมานานเอย อยู่กาญจน์บุรียังไงเอย
เสียงกลอง และจังหวะที่เร้าใจ พร้อมกับเสียงร้องกังวาน เนื้อหาโต้ตอบสลับกันไปมาเข้ากับจังหวะดนนตรีอย่างสนุกสนาน ณ ลานกิจกรรม ของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ที่นี่เป็นจุดรวมตัวของ นักศึกษาหนุ่ม สาว ผู้ฝึกซ้อม ฝึกร้อง การแสดงรำเหย่ย กาญจนบุรี หนุ่มสาว หลายสิบคนเหล่านี้ เป็นนักศึกษาภาควิชาภาษาไทย คณะคุรุศาสตร์ กำลังฝึกร้อง ฝึกซ้อมการแสดงรำเหย่ยเพื่อไป ประกวดในเวทีประจำปี ในงานลอยกระทง ซึ่งเป็นงานเทศกาลประจำปีของจังหวัด
จุดเริ่มต้นของรำเหย่ยของวัยหนุ่มสาว
รำเหย่ยศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ของคนภาคกลาง โดยเฉพาะคนในจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่มีการเล่นเพลงเหย่ย และมีการเล่นมากที่สุดในอำเภอพนมทวน หรือบางคนเรียกว่าบ้านทวน คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันอาจมองว่า "รำเหย่ย" เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับอดีตและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ดูเหมือนจะไม่มีความทันสมัยเท่ากับกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกยุคดิจิทัล แต่จริง ๆ แล้ว การรำเหย่ยไม่ใช่แค่กิจกรรมทางศิลปะที่มีความหมายเฉพาะในเชิงวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังสามารถแฝงไปด้วยคุณค่าที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ การเชื่อมโยงระหว่างอดีตและปัจจุบันผ่านการแสดงศิลปะที่เต็มไปด้วยความหมาย
จุดเริ่มต้นของการ แสดงรำเหย่ย ในกลุ่มนักศึกษา เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2558 การอบรมฝึกปฏิบัติการเพลงพื้นบ้านรำเหย่ยจัดขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี โดยมี อาจารย์สมโภชน์ ปราชญ์และศิลปินด้านการแสดงรำเหย่ยเป็นผู้มาให้ความรู้ ถ่ายทอดศิลปะการแสดงรำเหย่อย ร่วมกับ วิทยากรที่เป็นพ่อเพลงแม่เพลงจากอำเภอพนมทวน มาฝึกการร้องเพลงเหย่ย รวมทั้งการตีกลองยาว
อาจารย์ปริญญา ปั้นสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เล่าถึงความสำคัญ ของการนำรำเหย่ยมาถ่ายทอดให้กับนักศึกษา คนรุ่นใหม่ว่ามีวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ คือ ต้องการอนุรักษ์และสืบสานเพลงพื้นบ้านของจังหวัดกาญจนบุรี ให้เยาวชนได้สืบสานและอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านให้คงอยู่ต่อไป โดยเฉพาะเพลงที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี ก็คือเพลงเหย่ย
“ รำเหย่ย เป็นการแสดงด้วยทักษะเฉพาะ การที่จะเล่นจะร้องได้ ต้องอาศัยการเรียนรู้ฝึกฝน โดยฝึกให้กลุ่มเป้าหมายก็คือนักศึกษาวิชาภาษาไทยของคณะครุศาสตร์ ทั้งหญิงและชายที่สนใจอยากจะเรียนรู้ทักษะการแสดงนี้ เราทำต่อเนื่องมาตลอด ควบคู่กับการฝึกฝนจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง จนกระทั่งเกิดสถานการณ์โควิด การอบรมฝึกฝนก็ได้ขาดช่วงไป นักศึกษาที่แสดงได้ ก็จบกันออก ไปทำให้ขาดการต่อเนื่องในการ ส่งต่อทักษะความรู้จากรุ่นสู่รุ่นอย่างที่เคยทำมา”
การสืบต่อ สืบสานและฝึกฝนเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับรำเหย่ยในรั้วมหาวิทยาลัย
เพื่อสานต่อสืบทอด เกี่ยวกับเพลงพื้นบ้านรำเหย่ยต่อไป และยังเป็นอีกกำลังสำคัญในการเช่วยเผยแพร่ศิลปะการแสดงรำเหย่ยให้คนทั่วไปได้รู้จักมาขึ้น ทางคณะคุรุศาสตร์ร่วมกับสำนักศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัย ได้นำรำเหย่ยกลัยมาให้นักเรียนนักศึกษาในภาควิชาภาษาไทย ได้ฝึกฝนเรียนรู้อีกครั้ง
“หลังจากที่เว้นช่วงไป ตอนโควิด ทางคณะครุศาสตร์ได้เริ่มจัดอบรำเหย่ยให้กับนักเรียนนักศึกษารุ่นปัจจุบันของเรา ได้เริ่มต้นเมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ได้เชิญวิทยากร ครูเพลงรำเหย่ย และลูกศิษย์รุ่นที่จบไป ที่ยังคงทักษะความรู้รำเหย่ยเอาไว้ มาถ่ายทอดทักษะความรู้ให้กับกลุ่มนักศึกษารุ่นปัจจุบัน ศิษย์เก่าบางคนที่จบออกไปเป็นนครูในระดับประถมมัธยมบ้างก็นำไปประยุกต์เข้ากับการเรียนการสอน ให้เด็กนักเรียนได้ฝึกร้องบทเพลงรำเหย่ย เป็นการสอดแทรกการสอนภาษาไทยและทำให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักว่านี่เป็นเพลงรำเหย่ย เพลงร้องเล่นของเมืองกาญจนบุรี และยังมีอีกหลายคนก็ยังมาช่วยร่วมแสดงรำเหย่ยในกิจกรรมของคณะหรือมหาวิทยาลัย”
รูปแบบการจัดอบรมยังคงเข้มค้นไม่ต่างจากครั้งไหนๆ ครูเพลงแต่ละท่านถ่ายทอดวิชา ทักษะให้กับผู้เรียนอย่างเต็มที่ เพื่อให้เด็กๆ รู้จักและอยากที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสานรำเหย่ยนี้การพบพ่อครูแม่ครู วิทยากรรำเหย่ยได้ดำเนินการจัดอย่างต่อเนื่องปีละ 1 ครั้งอาจารย์สมโภช ดอกยอ ครูเพลงรำเหย่ย ย้ำถึงการรักษาเพลงรำเหย่ยไว้อีกว่า เพลงเหย่ยนับวันมันจะสูญหายไป เพราะคนจังหวัดกาญจนบุรีส่วนมากเลยไม่รู้ว่า เพลงเหย่ยเป็นเพลงประจำจังหวัดกาญจนบุรี ในภาคตะวันตกของเรา ซึ่งเล่นกันมาตั้งแต่โบราณจนปัจจุบันนี้ ก็มีการอนุรักษ์อยู่ที่ตำบลหนองขาว ตำบลหนองโรง และที่พนมทวน ซึ่งขึ้นชื่อลือชามาแต่นานมาแล้ว การฝึกซ้อมยังคงมีต่อไป การฝึกร้อง การออกเสียง การ้องเอ่ยคำของบทเพลง เป็นทักษะสำคัญของ นักศึกษาภาควิชาภาษาไทย การเรียนรู้ภาษาเพลงเหย่ย เป็นอีกหนึ่งคุณค่าสำคัญของภาษาไทยนั่นเอง
สุดารัตน์ อัครเจริญสกุล นักศึกษาชั้นปีที่ 3 บอกถึงเริ่มต้นที่เข้าร่วมชมรม รำเหย่ยเพราะ ส่วนตัวคิดว่าเป็นการแสดงที่มีสเสน่ห์และสนุกสนาน คำร้องจังหวะ ลีลาของคนเล่นทำให้ดูเพลินมากๆ จึงอยากเรียนรู้อยากหัดร้องรำเหย่ย ซึ่งพอได้มาสัมผัสจริงๆ ยิ่งสนุกและอยากทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนท่ารำความยากก็ไม่ยากมาก เป็นการรำแบบรำวงมาตรฐาน ย่ำเท้าให้เข้ากับจังหวะกลอง ส่วนมือไม้การรำจะเป็นให้สวยและสนุกไปกับจังหวะและเนื้อเพลง ความยากก็จะอยู่ที่การสื่ออารมณ์ ผ่านสีหน้าท่ารำของเรา ว่ามีอารมณ์สอดคล้องกับเนื้อเพลงที่นำเสนอ เพื่อให้คนดูรู้สึกสนุกและเพลิดเพลินไปกับเรา
หลายต่อหลายครั้งที่นอกเหนือจากการแสดงโชว์เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมท้องถิ่นเ รำเหย่ย ของที่นี่ คว้ารางวัลในการประกวดการแสดงรำเหย่ยของจังหวัดกาญจนบุรีอยู่เสมอ พงศ์ภัค อยู่กรณ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ในฐานะหัวหน้าชมรม เล่าถึงหน้าที่และการขับเคลื่อนรำเหย่ยไว้ว่า
“ปัจจุบันเรามีสมาชิกในชมรมร้อยกว่าคน นอกจากการร้องการรำ เรายังมีการแต่งเนื้อเพลงรำให้เข้ากับกิจกรรมหรืองานที่วงรำเหย่ยของเรา ไปแสดง การฝึกซ้อมก็จะเน้นในช่วงคาบชมรมและหลังเลิกเรียน เราจะฝึกซ้อมดูแลกันแบบพี่ดูแลน้อง และในแต่ละปี ก็จะมีการอบรมจากวิทยากรครูเพลงรำเหย่ย ปีละ 1 ครั้ง ถ้าช่วงที่ต้องไปโชว์หรือมีแข่งขัน ก็จะซ้อมกันช่วงหลังเลิกเรียน ทุกวันก่อนการแสดง ผมดีใจและภูมิใจที่คนรุ่นใหม่อย่างพวกเราได้มีส่วนร่วมในการแสดงหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของจังหวัดกาญจนบุรี และยังจะช่วยกันฝึกฝนส่งต่อให้กับรุ่นน้องในรุ่นต่อๆ ไป ”
ถึงวันนี้การแสดงรำเหย่ย ผ่านฝีไม้ลายมือของ นักศึกษายังดำเนินต่อไป แม้เป็นกลุ่มเล็กๆ ที่ยังไม่ขยายวงกว้าง แต่นับเป็นอีกกองกำลังสำคัญในทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทย และภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมทั้งให้นักศึกษาในสาขาวิชาได้แสดงออกถึงศักยภาพด้านความสามารถพิเศษทางด้านวิชาการภาษาไทย ผ่านบทเพลงรำเหย่ย
การอนุรักษ์รำเหย่ยให้คงอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีและความทันสมัยกำลังก้าวล้ำไปข้างหน้าไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากคนรุ่นใหม่สามารถนำพาและปรับตัวให้เหมาะสมกับยุคสมัยใหม่ การร่วมมือกันในการสืบสานเพราะการที่คนรุ่นใหม่มีบทบาทและมีส่วนร่วมในงานเทศกาลหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแสดงรำเหย่ยช่วยให้ศิลปะนี้ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมไปสู่การเผยแพร่ที่กว้างขึ้น และสามารถนำไปสู่การท่องเที่ยวและการเชื่อมโยงกับผู้คนจากภายนอกที่สนใจในวัฒนธรรมพื้นบ้าน ให้ได้เห็นและรู้จัก รำเหย่ยในวันนี้ได้
______________
อ้างอิง : สัมภาษณ์ อาจารย์ปริญญา ปั้นสุวรรณ
อาจารย์สมโภช ดอกยอ ครูเพลงรำเหย่ย
นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี

