Notifications

You are here

ห่วงโซ่คุณค่า

สารให้ความหวานรุ่นใหม่ (Next Generation Sweetener)...

22 สิงหาคม 2024 34 อ่านข่าวนี้ 2 เดือนก่อน 0
แผนแม่บท : แผนแม่บท อุตสาหกรรมและ บริการแห่งอนาคต  
หมวดหมู่ : #4.1อุตสาหกรรมชีวภาพ 


 “ร่างกายขาดหวานไม่ได้”

“น้ำตาลตก”

“กินคาวแล้ว ก็ต้องกินหวานต่อ”

คือ ตัวอย่างคำพูดที่อนุญาตให้พวกเรากินหวาน ให้เลือดดูดซึมน้ำตาล เพิ่มแรงในการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิต ยังไม่นับรวมกับร้านขนมหวาน ร้านชานมไข่มุกที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน้ำหวานและของหวานจะกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของมื้ออาหารสำหรับคนไทย 

ยังมีข้อมูลน่าสนใจจากงานวิจัยเรื่อง ‘Sugar and Sugar Substitutes: Recent Developments and Future Prospects’ จาก Springers ก็ระบุว่า ในประเทศกำลังพัฒนามีการบริโภคน้ำตาลเพิ่มขึ้นมากในช่วง 200 - 300 ปีที่ผ่านมา โดยการบริโภคน้ำตาลต่อหัวในบางประเทศสูงถึง 100 ปอนด์ต่อปี ซึ่งคิดเป็นประมาณ 20% ของแคลอรีที่บริโภค "แล้วจะทำอย่างไร ให้เราได้กินหวานและสุขภาพดีไปพร้อม ๆ กัน"

คำตอบก็คือ การมองหาสารให้ความหวานทางเลือก หรือที่บางคนรู้จักว่าเป็น สารให้ความหวานรุ่นใหม่ (Next Generation Sweetener) หากมองในด้านวิชาการ ความหวานทางเลือกจะช่วยลดการบริโภคน้ำตาลในอาหารและเครื่องดื่ม มีแคลอรีต่ำ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและโรคอ้วน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และยังมีรสชาติหวานใกล้เคียงกับน้ำตาล ทำให้ผู้บริโภคเพลิดเพลินกับการกินหวานได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ




โดยความหวานทางเลือกในปัจจุบันก็มีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งสารให้ความหวานแคลอรีต่ำ สารให้ความหวานจากธรรมชาติ น้ำตาลที่เป็นการแปรรูปจากธรรมชาติ และน้ำตาลที่ดัดแปลงให้มีความหวานน้อยลง สำหรับสารให้ความหวานที่มีแคลอรีต่ำ ก็มี ซูคราโลส (Sucralose) ที่มีความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 600 เท่า แต่ไม่มีแคลอรี และ แอสปาร์แตม (Aspartame) ที่มีความหวานมากกว่าน้ำตาลประมาณ 200 เท่า ที่ซ่อนอยู่ในอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล รวมถึงการใช้ ‘หญ้าหวาน’ หรือ สารสกัดจากใบของพืชสตีเวีย และสารสกัดจาก ‘Monk Fruit’ ที่มีความหวาน แต่ไม่มีแคลอรี

นอกจากนี้ยังมีการคิดค้นใยอาหารที่ช่วยเรื่องการขับถ่าย ช่วยย่อยอาหารและมีแคลอรีต่ำ ส่วนสายแอลกอฮอล์ ก็ไม่ต้องห่วง เพราะมี Sugar Alcohols ที่มีแคลอรีต่ำ ไม่ทำให้ฟันผุ รวมถึง ‘น้ำตาลมะพร้าว’ น้ำตาลที่ได้จากน้ำหวานของดอกมะพร้าว หวานจากธรรมชาติ และมีค่าดัชนีความหวานต่ำกว่าน้ำตาลทรายทั่วไป รวมถึง น้ำตาลอ้อย ที่ผ่านการแปรรูปน้อย มีแร่ธาตุและวิตามินมากกว่าน้ำตาลขัดขาว

ส่วนถ้ามองไปถึงความละเอียดของโมเลกุล ก็มีการสร้างสรรค์ น้ำเชื่อมกลูโคสและฟรุกโตส (Glucose - Fructose Syrup) เป็นสารให้ความหวานจากการแปรรูปแป้ง ให้พลังงาน หวาน ขณะเดียวกันก็ควบคุมระดับความหวานในผลิตภัณฑ์อาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความหวานในรูปแบบต่าง ๆ ข้างต้น จึงเป็นแรงขับเคลื่อนที่จะทำให้คนรักของหวานมีความสุขกับมื้ออาหารทุกมื้อได้ เพราะทั้งหวาน อร่อย และสุขภาพดี



แหล่งอ้างอิง :

URL อ้างอิง:

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้คุกกี้ (Cookie) เพื่อใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการใช้คุกกี้ได้ที่ นโยบายคุกกี้
ยอมรับ