Mobility-as-a-Service (MaaS) การเดินทางแบบไร้รอยต่อในเมืองยุคดิจิทัล
Mobility-as-a-Service (MaaS) คือ แนวคิดที่รวมบริการการเดินทางหลากหลายรูปแบบเข้าด้วยกันผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลแบบบูรณาการสำหรับการวางแผน การจอง และการชำระเงิน โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการขนส่งต่างๆ จากผู้ให้บริการหลายรายได้อย่างสะดวกในที่เดียว ตลาด MaaS ทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 185.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 เป็น 4,739.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2034 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 38.30%
MaaS มีศักยภาพในการปฏิวัติระบบขนส่งในเมือง
MaaS มีจุดเด่นสำคัญ คือ ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวและส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่ยั่งยืน เพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางโดยลดความพยายามในการค้นหาและวางแผนการเดินทาง สร้างการเดินทางแบบไร้รอยต่อ (Seamless) ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
ช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดและลดมลพิษในเมือง
ยุโรปได้กลายเป็นผู้นำในการพัฒนาและใช้งานระบบ Mobility as a Service (MaaS) โดยมีเมืองสำคัญหลายแห่งที่ประสบความสำเร็จในการนำ MaaS มาใช้ อย่างเช่น
- ฟินแลนด์
เมืองเฮลซิงกิเป็นเมืองแรกๆ ที่บุกเบิก MaaS นำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านแอปพลิเคชัน Whim ที่เปิดตัวในปี 2016 ผู้ใช้สามารถวางแผนการเดินทาง จอง และชำระค่าโดยสารสำหรับการเดินทางทุกรูปแบบผ่านแอปเดียว ในปี 2019 มีผู้ใช้งานกว่า 70,000 คน และจัดการการเดินทางกว่า 6 ล้านครั้ง เป้าหมายของเฮลซิงกิคือ การทำให้รถยนต์ส่วนตัวไม่จำเป็นสำหรับผู้อยู่อาศัยในเมืองภายในปี 2025 - เยอรมัน
เมืองเบอร์ลินมีการบูรณาการอย่างครอบคลุม แอป Jelbi ของเบอร์ลินเป็นตัวอย่างของ MaaS ที่ครอบคลุมที่สุด รวมบริการขนส่งมากกว่า 15 รูปแบบ ทั้งขนส่งสาธารณะและบริการแบ่งปันยานพาหนะ ผู้ใช้สามารถค้นหา จอง และชำระเงินสำหรับทุกบริการในแอปเดียว มีศูนย์บริการกว่า 20 แห่งทั่วเมือง เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางหลายรูปแบบ มีผู้ลงทะเบียนใช้งานกว่า 200,000 คนในปี 2024 - สวิตเซอร์แลนด์
แอปพลิเคชัน yumuv นับเป็นแอปพลิเคชัน MaaS แรกของสวิตเซอร์แลนด์ ที่เชื่อมโยงบริการขนส่งในหลายเมือง โดยเริ่มให้บริการในปี 2020 ในเมืองซูริก บาเซิล และเบิร์น
รวมระบบขนส่งสาธารณะ จักรยานและสกูตเตอร์ไฟฟ้าให้อยู่ในแอปเดียว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสลับระหว่างรูปแบบการเดินทางได้อย่างสะดวก และเน้นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยสามารถใช้งานได้แม้ไม่เปิดการแชร์ตำแหน่ง
เทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงอนาคตของ MaaS
- AI และ Machine Learning
กำลังขับเคลื่อนนวัตกรรมใน MaaS โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการจราจรและปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ ระบบ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมผู้ใช้ และปรับแต่งเส้นทางการเดินทางให้เหมาะสมที่สุด - ยานยนต์ไร้คนขับ
การพัฒนายานยนต์ไร้คนขับกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะเริ่มใช้งานเชิงพาณิชย์ในปี 2025 ยานยนต์ไร้คนขับจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการเดินทาง - การเชื่อมต่อขั้นสูง
เทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายและเครือข่ายพลังงานต่ำ เช่น 5G 6G และดาวเทียมวงโคจรต่ำ จะช่วยสนับสนุนโซลูชันดิจิทัลต่างๆ สำหรับ MaaS การเชื่อมต่อที่ดีขึ้นจะช่วยให้การสื่อสารระหว่างยานพาหนะ โครงสร้างพื้นฐาน และอุปกรณ์อื่นๆ ในระบบนิเวศ MaaS เป็นไปอย่างราบรื่น - Digital Twins
จะกลายเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะสำหรับเมือง ช่วยในการวางแผน ดำเนินการ และเพิ่มประสิทธิภาพระบบการเดินทางในเมือง ช่วยให้เมืองสามารถจำลองผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ก่อนนำไปใช้จริง และติดตามประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง - การประมวลผลแบบ Cloud และ Edge
จะช่วยรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้แพลตฟอร์ม MaaS สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
MaaS มีศักยภาพที่จะปฏิวัติระบบขนส่งในเมือง โดยมอบทางเลือกที่สะดวกสบาย ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพมากขึ้นให้กับผู้เดินทาง การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีและความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดอนาคตของ MaaS ทั่วโลก
ข้อมูลอ้างอิง :
- lisnr.com/resources/blog/top-mobility-as-a-service-trends-maas/
- www.cerema.fr/system/files/documents/2020/04/cerema_parangonnage_maas_rapport_complet_eng.pdf
- www.euronews.com/next/2024/10/20/we-drive-five-times-around-the-world-everyday-what-to-know-about-viennas-public-transport
- www.futuremarketinsights.com/reports/mobility-as-a-service-market
- www.semanticscholar.org/paper/d97434ce3ae5ae2928dfbb939e8099d55d3750d9
- www.tno.nl/en/newsroom/insights/2024/05/how-governments-can-make-maas-work/

