โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และดิจิทัล

เทคโนโลยี 6G ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าโลก

06 กุมภาพันธ์ 2025
|
1125 อ่านข่าวนี้
|
0


เทคโนโลยี 6G หรือ เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายยุคที่ 6 เป็นระบบโทรคมนาคมรุ่นถัดไปที่จะมาแทนที่เทคโนโลยี 5G ในอนาคต โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในช่วงปี 2030 6G จะมีความเร็วสูงกว่า 5G ถึง 50 เท่า มีความหน่วงต่ำกว่า 10 เท่า พร้อมทั้งรองรับการเชื่อมต่อจำนวนมหาศาล

คาดการณ์ว่าตลาด 6G จะมีมูลค่าถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2035 สามารถรองรับการเชื่อมต่อได้มากถึง 10 ล้านอุปกรณ์/ตารางกิโลเมตร ความเร็วในการรับส่งข้อมูลของ 6G อาจสูงถึง 1 เทราบิตต่อวินาที ซึ่งเร็วพอที่จะดาวน์โหลดภาพยนตร์ความละเอียดสูง 142 ชั่วโมงในเวลาเพียง 1 วินาที



6G กับการเปลี่ยนแปลงปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัวเราครั้งใหญ่

เทคโนโลยี 6G จะไม่เพียงแต่เพิ่มความเร็วในการสื่อสาร แต่ยังจะเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัว ทำให้เกิดนวัตกรรมและโอกาสใหม่ๆ ที่เราอาจยังนึกไม่ถึงในปัจจุบัน เช่น

  • การสื่อสารแบบโฮโลแกรม 3 มิติที่สมจริง
    โดยสามารถส่งภาพ 3 มิติที่สมจริงของผู้สื่อสารไปยังอีกฝ่ายหนึ่งได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสบการณ์การสื่อสารทางไกลให้มีความสมจริงมากขึ้น เสมือนอยู่ในสถานที่เดียวกัน โดยคาดว่าจะมีการใช้งานในการประชุมทางไกล การเรียนการสอน หรือแม้แต่การแสดงคอนเสิร์ตเสมือนจริง
  • ยานพาหนะไร้คนขับที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้มากขึ้น
    โดยอาศัยความเร็วและความหน่วงต่ำของเครือข่าย 6G ทำให้ยานพาหนะสามารถสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโครงสร้างพื้นฐานและยานพาหนะอื่นๆ ได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ AI และ Machine Learning เพื่อปรับปรุงการตัดสินใจและการนำทางของยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การผ่าตัดทางไกลแบบเรียลไทม์
    โดยแพทย์สามารถควบคุมหุ่นยนต์ผ่าตัดจากระยะไกลได้อย่างแม่นยำ ด้วยความหน่วงต่ำมากและความเร็วสูงของ 6G ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไกล นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เทคโนโลยี AR และ VR เพื่อช่วยในการวางแผนและดำเนินการผ่าตัดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • เมืองอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพสูง
    โดยเทคโนโลยี 6G สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT จำนวนมหาศาลเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถเก็บข้อมูลและควบคุมระบบต่างๆ ในเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น การจัดการจราจรแบบเรียลไทม์ การควบคุมมลพิษ การจัดการพลังงาน และการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ Digital Twin เพื่อจำลองและวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ในเมืองได้อย่างแม่นยำ
  • การเชื่อมต่อระหว่างสมองกับคอมพิวเตอร์โดยตรง
    6G จะช่วยพัฒนาเทคโนโลยี Brain-Computer Interface (BCI) ให้ก้าวหน้ามากขึ้น โดยสามารถเชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรงและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะช่วยให้ผู้พิการสามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้ด้วยความคิด รวมถึงการพัฒนาแขนขาเทียมที่สามารถควบคุมได้ด้วยสมอง นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การเล่นเกมที่ใช้ความคิดในการควบคุม
  • การลดช่องว่างระหว่างโลกกายภาพและโลกดิจิทัล
    โดยการผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ เข้าด้วยกัน เช่น AR, VR, AI และ IoT ทำให้เกิดประสบการณ์แบบผสมผสานที่ไม่เคยมีมาก่อน ตัวอย่างเช่น การทำงานร่วมกันในพื้นที่เสมือนจริงที่สมจริงมาก การท่องเที่ยวเสมือนจริงที่สามารถสัมผัสและโต้ตอบกับสิ่งแวดล้อมได้ หรือการศึกษาที่ผู้เรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลและทดลองในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงได้อย่างไร้ขีดจำกัด

ด้วยนวัตกรรมและบริการใหม่ๆ เหล่านี้ 6G จะไม่เพียงแต่พัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารเท่านั้น แต่ยังจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การทำงาน และการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เกิดโอกาสและความท้าทายใหม่ในอนาคต



ข้อมูลอ้างอิง :

  • www.semanticscholar.org/paper/ddca9eddbf4ce541febce81978f6bb26e27767a9
  • www.semanticscholar.org/paper/360aa8ccd995e7cfabaae4cbee6c40cc1d90da9b
  • www.semanticscholar.org/paper/642196d0f29b693620355626f784c31fad7ace08
  • www.semanticscholar.org/paper/764e222bbb4070049003228ad158e88fece69054
  • www.semanticscholar.org/paper/9e32b538efaaa2f34a2bfcb84c0f1b328cff43e2
  • www.semanticscholar.org/paper/9889756fe01b1e3b1a026db93544b1bddbaf3e46
0 ความคิดเห็น

Ask OKMD AI